ณ สนามบิน เดิมทีซูย้าวตั้งใจจะซื้อตั๋วเครื่องบินบินตรงไปลงเมือง A ทันที แต่กลับถูกลี่เฉินซีขวางไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตั๋วชั้นธุรกิจสองใบไปยังโรเซ็นส์แทน
“ทำไมต้องไป โรเซ็นส์ด้วยล่ะ” นัยน์ตาของซูย้าวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “อีกอย่าง ทำไมคุณต้องมาตัดสินใจแทนฉันด้วย?”
ลี่เฉินซีมองเธออย่างจนปัญญา “เพราะว่ามีเรื่องน่ะสิ”
“จะมีเรื่องอะไรได้?” เธอยังหาเหตุผลมาต่อล้อต่อเถียงกับเขาต่อ หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หญิงส่าวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “คงไม่ใช่ว่าคุณลี่กับคุณอู๋ยังสนุกกับที่นี่ไม่พอ เลยต้องไปเที่ยวเล่นที่โรเซ็นส์อีกสักรอบหรอกนะ?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่ม เขาทำเพียงแค่จับมือเธอไว้ ก่อนจะดึงหญิงสาวไปทางร้านอาหารใกล้ ๆ ร้านหนึ่ง
“หาอะไรกินก่อน ไว้ถึงโรเซ็นส์แล้วเดี๋ยวผมจะบอกเหตุผลคุณ”
ชายหนุ่มเป็นแบบนี้มาโดยตลอด หากเขาไม่อยากอธิบาย ต่อให้เธอจะบังคับขู่เข็ญอย่างไรก็ไม่เป็นผล ทั้งเผด็จการและดื้อรั้น ราวกับว่าสรรพนามเหล่านี้เป็นคำที่ใช้แทนตัวเขามาตั้งแต่เกิด
ต่อให้ความทรงจำของเธอยังฟื้นคืนมาไม่หมด แต่ความเข้าใจที่เธอมีต่อชายหนุ่มตรงหน้าก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งในจุดนี้เรียกได้ว่าเธอเข้าใจเขาเป็นอย่างดีเลยล่ะ
เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่อง พอทานข้าวเสร็จ ซูย้าวจึงไปเดินเล่นรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมายก่อน จากนั้นก็ซื้อของเพิ่มอีกพอประมาณ พอใกล้ถึงเวลาเช็คอิน ทั้งสองก็เดินทางกลับไปยังสนามบินอีกครั้ง
จากที่นี่บินไปยังโรเซ็นส์ใช้เวลาบินประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง เครื่องบินค่อย ๆ ลงจอด ณ ที่หมาย ลี่เฉินซีไม่ได้ปล่อยให้เธอออกไปผ่านด่านศุลกากร แต่กลับพาเธอมาเปลี่ยนเป็นเครื่องบินส่วนตัว เพื่อที่จะบินกลับประเทศจีนแทน
ซูย้าวเกิดอาการมึนงงเล็กน้อย ขณะมองรถหรูที่กำลังแล่นอยู่บนลานจอดเครื่องบินส่วนตัว จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมาเบา ๆ “ที่คือสาเหตุที่คุณยืนกรานจะมาที่โรเซ็นส์ เหรอ?”
เพื่อมาเปลี่ยนเป็นเครื่องบินส่วนตัวแล้วบินกลับประเทศนี่นะ?!
เธอยังอยากพูดเสริมอีกสักประโยคว่า “น่าเบื่อจริง ๆ” แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น ชายคนนั้นก็จับมือเธอแล้วพาขึ้นเครื่องทันที ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร ซูย้าวก็ถูกภาพบรรยากาศในนั้นสะกดไว้ทันที
เดิมทีเครื่องบินส่วนตัวนั้นแตกต่างจากเครื่องบินทั่วไปอยู่แล้ว ทั้งความหรูหราและความสะดวกสบาย ซึ่งมันก็มีมาแต่เดิมทั้งชื่อและทฤษฎีการออกแบบ ส่วนเครื่องบินของลี่เฉินซีเองก็ทำออกมาได้อย่างตรงตัวที่สุด ด้านซูย้าว เธอไม่ได้ตกตะลึงเพราะความหรูหราในห้องโดยสาร แต่เธอแค่ไม่อยากจะเชื่อกับภาพดอกกุหลาบที่เบ่งบานอยู่ในสายตาเธอตอนนี้
ทีละกอบทีละกำต่อ ๆ กัน ทั้งใหญ่และเล็กอย่างน้อยคงจะต้องมีอยู่หลายหมื่นดอก แม้แต่พรมอันหรูหราราคาแพงบนพื้นก็โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
ทั่วทั้งห้องโดยสารถูกตกแต่งไว้อย่างโรแมนติก นอกจากจะมีดอกไม้ซึ่งมีความน่าหลงใหลในตัวอยู่แล้ว ที่อื่น ๆ ยังมีการออกแบบและตกแต่งไว้อย่างงดงาม ทั้งโทนสีที่เป็นสีชมพูและสีแดง รวมทั้งกล่องของขวัญขนาดใหญ่ขนาดเล็กถูกกองซ้อนกันจนกลายเป็นเนินเขาน้อย ๆ
ลี่เฉินซีให้พนักงานออกไปก่อน จากนั้นเขาก็ปิดประตูห้องโดยสาร ก่อนจะก้าวเข้าไปหยิบกล่องของขวัญชิ้นหนึ่งบนเนินเขาเล็ก ๆ ขึ้นมา ทว่าชายหนุ่มไม่ได้แกะมันออก เขาค่อย ๆ ยื่นกล่องของขวัญกล่องนั้นให้เธอแทน “ผ่านมาหลายปี พอคำนวณดี ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าผมไม่เคยฉลองวันเกิดอย่างเป็นจริงเป็นจังกับคุณสักครั้งเลย”
ครั้งเดียวที่เขาฉลองวันเกิดให้เธอ ก็เป็นการจงใจจัดฉากขึ้น เพื่อรักษาชื่อเสียงเขาไว้เท่านั้น
พอตอนนี้กลับมาคิด ๆ ดู เขาในตอนนั้นก็นิสัยเสียอยู่ไม่น้อย
“จะวันครบรอบแต่งงานหรือวันวาเลนไทน์ ผมยิ่งไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน” ชายหนุ่มค่อย ๆ ยัดกล่องของขวัญใส่มือเธอ จากนั้นก็ยกมือหนาเกลี่ยปอยผมที่อยู่ข้างแก้มหญิงสาวเบา ๆ “ผมติดค้างคุณเยอะเกินไป ต่อจากนี้ให้ผมค่อย ๆ ชดใช้ให้ ได้ไหม?”
ซูย้าวพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เธอหลุบตาลงเล็กน้อย จากนั้นเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขา หญิงสาวก็โยนกล่องของขวัญที่อยู่ในมือกลับคืนทันที “แล้วยังไง? ทั้งหมดนี้ที่คุณทำ ก็เพื่อจะชดใช้ฉันในครั้งเดียวงั้นเหรอ? แล้วจากนี้คุณยังอยากจะทำอะไรต่ออีกล่ะ?”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มนิ่งเรียบออกมา ทั้งสดใสและมีเสน่ห์ราวกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่กำลังพร่างพราว “เด็กโง่ แค่ชดใช้ครั้งเดียวจะเพียงพอได้อย่างไร?
“แค่คิดขึ้นมาได้ผมเลยจัดมันขึ้นมาเพื่อคุณ” เขาจ้องไปที่เธอ เพราะถึงอย่างไรที่โรเซ็นส์ ก็ถือเป็นสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติกอยู่แล้ว คู่รักหลายคู่ต่างเลือกที่จะมาสารภาพรักกันที่นี่ และอีกหลาย ๆ คนยังเลือกสถานที่แห่งนี้จัดงานแต่งงานหรือมาฮันนีมูนด้วย
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น ร่างสูงก้มหน้ามองเธอ นัยน์ลึกล้ำและมีประกายเจิดจ้า “พวกเรามาคบกันเถอะ!”
ลองมีความรักดี ๆ ด้วยกัน จากนั้นก็ใช้ความรักครั้งนี้มองย้อนกลับไปในเรื่องที่เคยสูญเสีย เรื่องที่เคยลืม หรือเรื่องที่เคยเสียใจ
ซูย้าวมองเขาเงียบ ๆ นัยน์ตาลึกซึ้งไม่ต่างจากชายหนุ่ม แต่แววตาของเธอยังมีความสับสนปนอยู่ด้วย หญิงสาวกะพริบตาเบา ๆ
ชายหนุ่มกุมมือบางของเธออีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ประสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน “ครั้งนี้ พวกเราจะเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ค่อย ๆ คบกัน ค่อย ๆ รักกัน ผมจะไม่รุนแรง และไม่ยืนกรานว่าจะต้องแต่งงานอย่างเดียวอีกแล้ว ผมยิ่งไม่บังคับคุณให้ทำอะไร เราแค่คบกัน มีความรักที่เรียบง่ายสักครั้ง”
เธอยังคงจ้องไปที่ชายหนุ่ม พร้อมกับกะพริบตาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
การขอความรักจากชายหนุ่มเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ถ้าจะพูดให้ถูก คือเธอไม่ทันได้เตรียมตัวที่จะรับมือกับเรื่องแบบนี้เลยสักนิด
ถึงแม้ ก่อนหน้านี้อานเจียเย้นจะเคยพูดกับเธอเรื่องการเดิมพัน แต่ซูย้าวก็ไม่ถึงกับว่าจะเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้นแบบไม่ลืมหูลืมตา ว่าเขาจะเป็นคนที่สามารถปล่อยให้เธอไปมีความรักและแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นได้จริง ๆ โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย
ดังนั้น เธอเลยยังมีความกังวลใจอยู่
นี่ก็เป็นกรณีที่หนึ่ง ส่วนอีกจุดหนึ่งที่สำคัญพอกันก็คือ เศษเสี้ยวความทรงจำที่อยู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในภาพฝัน มันทำให้เธอไม่ค่อยมั่นใจในตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าสักเท่าไร
ถ้าหากสามารถลบความทรงจำของใครบางคนได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ ไม่ว่าเรื่องที่ผ่านมานั้นจะดีหรือไม่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหายไปราวกับหมอกควัน มันก็คงจะเหมือนกับการเกิดใหม่
ทว่าหากลบไปไม่หมด แล้วอยู่ ๆ ระหว่างนั้นก็มีเศษเสี้ยวหนึ่งผุดขึ้นมา ความทรงจำที่เคยแตกละเอียดกลับส่องประกายอีกครั้ง มีหรือที่คนคนหนึ่งจะไม่หวั่นไหว?
แผลที่เคยบาดเจ็บ ต่อให้มันจะตกสะเก็ดจนดูเหมือนหายดีแล้ว แต่ถ้าเปิดปากแผลออกมาอีกครั้ง อย่างไรมันก็ยังมีเลือดนองออกมาอยู่ดี
เช่นเดียวกับการที่โดนงูกัด แล้วคนคนนั้นก็จะกลัวเชือกไปอีกเป็นสิบปีนั่นล่ะ
มันก็เป็นหลักการเดียวกัน
ไม่มีใครอยากมีบาดแผลไปเรื่อย ๆ แล้วยังต้องหาคนมาช่วยทำแผลต่ออีกหรอก โดยเฉพาะความรู้สึกที่เหมือนหัวใจจะแตกสลาย หากได้ลิ้มลองไปแล้วครั้งหนึ่ง ใครยังกล้าให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองกัน?
ภายในใจของเธอต่อสู้กันอย่างดุเดือด เป็นเวลานานกว่าความคิดทั้งหมดของเธอจะเข้ามารวมตัวกัน จากนั้นก็ซัดขึ้นซัดลง ราวกับคลื่นลูกใหญ่
ลี่เฉินซีมองไปที่หญิงสาว “ถ้าคุณไม่พูด ผมจะถือว่าคุณตกลงนะ งั้นวันนี้ก็จะนับเป็นวันที่เราคบกันวันแรก”
“หยุด รอก่อน” ซูย้าวรีบอ้าปากพูดตัดบทเขาทันที “ฉันยังไม่ทันได้รับปาก และจะไม่มีวันที่หนึ่งวันที่สองอะไรนี่ด้วย”
ซูย้าวกวาดตามองไปยังภาพบรรยากาศโรแมนติกเบื้องหน้า แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่ออกแบบและจัดการเองทั้งหมด แต่ชายหนุ่มก็คงตั้งใจให้คนของเขาจัดเตรียมขึ้นมาเป็นพิเศษแน่ ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจเป็นอย่างมาก แต่ก็แค่ใส่ใจ แล้วมันอย่างไรล่ะ?
เธอสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ “ตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อย อยากพักสักหน่อย เครื่องบินเที่ยวนี้คือกลับเมือง A ใช่ไหม?”
ลี่เฉินซีก้มหน้าลงเล็กน้อย “อืม ใช่”
“งั้นก็กลับกันเถอะ ฉันไปพักก่อน คุณให้คนมาเก็บของที่รกรุงรังตรงนี้เถอะ!” เธอปัดมือเขาออกเบา ๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปยังห้องพัก
ซูย้าวเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็เหมือนจะนึกอะไรออก เธอจึงทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่าเข้ามากวนฉัน ฉันขอพักสักหน่อย ไว้อีกสักครู่ เราค่อยมาคุยกัน”
ขณะที่พูด หญิงสาวก็เดินตรงเข้าไปยังห้องพัก พร้อมกับล็อกประตูห้องทันที วินาทีนั้นร่างทั้งร่างของเธอก็ไม่ต่างจากลูกโป่งที่มีรอยรั่ว ซูย้าวโซเซเบา ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที
เธอยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ อย่างหมดเรี่ยวแรง เศษเสี้ยวในภาพฝันเธอ ทั้งหมดทั้งมวลคงจะเป็นความจริง มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และก็เป็นเธอนั่นล่ะที่ได้ประสบพบเจอกับเรื่องเหล่านั้นมาด้วยตัวเอง
เพียงแค่ สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ ทั้ง ๆ ที่ความทรงจำของเธอมันหายไปหมดแล้ว ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ฟื้นกลับมาล่ะ?
แล้วทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้ สรุปแล้วการผ่าตัดในตอนแรกไม่ประสบผลสำเร็จเหรอ หรือว่ามีใครมาทำอะไรกับร่างกายเธอ?
และสิ่งที่ทำให้ซูย้าวหมดหนทางที่จะอธิบายมากที่สุดก็คือ ระหว่างเธอกับลี่เฉนซีที่เคยมีอดีตอันน่าเหลือทนด้วยกันมาก่อน ถ้าอย่างนั้น ทำไมเมื่อสองปีที่แล้ว เธอต้องยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเขาด้วยล่ะ?