กลัว
ใช่ ลี่เฉินซีพูดถูก เธอกลัวจริงๆ
ในตอนแรก เธอเดินทางตามลี่เฉินซีไปทั่วยุโรป เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆ ไปพร้อมกับเขา หญิงสาวนึกว่าตัวเองจะทำให้เขาหวั่นไหวได้แล้วจริงๆ ซึ่งต่อจากนั้น มันก็อาจจะเกิดเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาวขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่าง คงจะเป็นไปตามทางที่มันควรจะเป็น
รวมทั้งเรื่องเมื่อคืนที่เขาพาเธอไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าว หญิงสาวรู้สึกสนุกสนานกับสิ่งเหล่านี้มาตลอด เพลิดเพลินกับความสุขที่เขามอบให้
และอาจเป็นเพราะความสุขนั้นมาแบบกะทันหันเกินไป ถึงแม้จะมีบางอย่างซึ่งอาจจะเกินจินตนาการของเธอไปบ้าง เธอจึงไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ ที่อยู่ๆ หลินเจว๋ก็มาหาเธอ คำพูดบางคำที่เขาหลุดออกมา ราวกับปลุกเธอให้ตื่นจากฝัน
ลี่เฉินซีช่วยเธอก่อตั้งบริษัทเสื้อผ้าที่ชื่อบริษัท TD จำกัด ทั้งยังจ้างดีไซเนอร์ชื่อดังทั้งในและต่างประเทศมาร่วมทีม ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดในช่วงปลายปีนี้ ก่อนจะนำเข้าสู่ตลาดในปีหน้า …
ทั้งหมดที่เห็นนี้ภายนอกอาจจะดูสวยงาม ชายหนุ่มดูใจกว้าง เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน เขาทั้งสุภาพและให้เกียรติเธอ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยล่วงเกินเธอเลยสักนิด
ทว่าหลินเจว๋ได้เอาเรื่องที่เคยเกิดกับหานฉ่ายหลิงทั้งหมดมาเล่าให้เธอฟัง อาจเป็นเพราะซูหยวนเดินทางไปต่างประเทศกับเขาเป็นเวลานาน เธอแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรที่เคยเกิดขึ้นในเมือง A เลยสักนิด หลังจากฟังหลินเจว๋เล่าจบ เธอก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
กับดักที่แสนจะหอมหวาน ลูกระเบิดอันอ่อนโยนและนิ่มนวล นี่เป็นสิ่งที่ลี่เฉินซีถนัดที่สุด เขาใช้วิธีนี้ในการหลอกล่อหานฉ่ายหลิง ก่อนจะจับหล่อนโยนเข้าคุก
เธอไม่ใช่อู๋หยานตัวจริง และเธอก็ไม่เคยทำอะไรให้ซูย้าวกับลี่เฉินซีขุ่นเคือง แต่หากเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ ผลลัพธ์ที่ได้……
ซูหยวนไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ!
และมนุษย์เรายิ่งตื่นตระหนกมากเท่าไร ก็มักจะเกิดความผิดพลาดง่ายขึ้นเท่านั้น เหมือนดั่งเช่นซูหยวนในตอนนี้
นัยน์ตาของเธอกระเพื่อมด้วยความสับสนไม่หยุด ลำคอของหญิงสาวตีบตันด้วยความตื่นตระหนก “ฉัน….เฉิน เฉินซี ฉันไม่ถนัดเรื่องการบริหารจริงๆ แล้วฉันก็ทำธุรกิจไม่เป็นด้วย ฉัน….อย่าเอาโครงการที่ใหญ่ขนาดนั้นมามอบให้ฉันเลย ฉัน…….”
นี่ไม่ได้เรียกว่าทำเซอร์ไพรส์ให้ประหลาดใจเลยสักนิด มีแต่จะทำให้ตกใจมากกว่าอีก!
ในตอนต้นเขาอาจจะใช้เงินลงทุนกว่าหมื่นล้านเพื่อมอบเป็นของขวัญให้เธอ แล้วในตอนกลางกับตอนปลายล่ะ เธออาจจะอยู่รอไม่ถึงวันที่ได้กำไรกลับคืนก็ได้ เพราะถึงตอนนั้นตัวเธอเองก็คงจะไปพัวพันอยู่กับหนี้ก้อนมหาศาลนั่นแล้ว นี่มันหายนะชัดๆ !
ริมฝีปากบางของลี่เฉินซียกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ดูครุมเครือ ซึ่งมักจะทำให้คนเดาทางไม่ถูก ขณะที่ชายหนุ่มยิ้ม รอยยิ้มนั้นมันขึ้นไปไม่ถึงดวงตาด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่แฝงอยู่ในนั้นก็คงจะจินตนาการได้
ลี่เฉินซีจ้องเธอด้วยแววตาอันตราย ทันใดนั้น เขาก็บีบมือเรียวของหญิงสาวพร้อมกับสะบัดออกไปเต็มแรงด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะยกมือขึ้นขยับเนกไทสีเทาอ่อนเบาๆ น้ำเสียงแหบพร่าทว่าชวนดึงดูดราวกับแม่เหล็กดังขึ้นว่า “ไม่ต้องกลัว นี่มันก็แค่ความเป็นไปได้ที่จะเกิด โครงการนี้ยังไม่ทันได้เริ่มประมูลด้วยซ้ำ คุณรู้สึกกลัวตั้งแต่ตอนนี้ ไม่คิดว่ามันจะเร็วไปหน่อยเหรอ?”
ซูหยวนกะพริบตาปริบๆ ทั้งกระอักกระอ่วนและทำตัวไม่ถูก หญิงสาวตื่นตระหนกจนดูเหมือนสูญเสียความสามารถในการสื่อสารไปจนหมดสิ้น เธอทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เขาด้วยความงุนงง
ขณะที่ลี่เฉินซีกำลังหมุนตัว มือหนาของเขาก็ยกขึ้นลูบไล้แก้มเธออย่างคุกคาม ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เชื่อฟังผม ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว”
ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่าซูหยวนจะบังคับให้ตัวเองมีปฏิกิริยาตอบกลับมาได้ หญิงสาวหันกลับไปมองเขาช้าๆ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “ได้ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง!”
ถึงแม้ปากจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่ซูหยวนกลับรีบหนีออกไปจากบริษัทลี่ซื่อด้วยความเร็วสูงสุด หลังจากที่เธอก้าวออกไปไม่นานเท่าไร ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาอีกทีโดยหวางอี้
“ประธานลี่ครับ คนของเราตามไปแล้วครับ” หวางอี้ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะรายงานด้วยความเคารพ “เพียงแต่ถ้าเธอตกใจแล้ว เธอจะตรงไปหานายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ เหรอครับ? แล้วถ้าไม่ไป งั้นที่เราปล่อยข่าวออกไปก่อนหน้านี้ จะถือเป็นเรื่องน่าเสียดายรึเปล่าครับ?”
เหมืองแร่คาราเวอไรต์ที่อ่าวไห่ ลี่เฉินซีเองก็ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดมากนัก เขารู้แค่ว่ากรุ๊ปเพ้ยซื่อต้องการจะเข้าประมูล เรื่องทั้งหมดก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้
ส่วนสัมภาษณ์เมื่อคืนนั้น ก็เป็นเขาเองที่สั่งให้หวางอี้ไปปล่อยข่าวกับสื่อล่วงหน้า
เป้าหมายคืออะไรน่ะเหรอ?
ก็เพื่อทำให้ “อู๋หยาน” ตกใจอย่างไรล่ะ เขาถึงจะได้รู้ว่า บอสที่อยู่เบื้องหลังเธอจริงๆ แล้วคือใครกันแน่ ไม่อย่างนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานมายืนยัน แค่คำพูดของหมิงเอ๋อเพียงคนเดียว ก็คงเป็นการด่วนสรุปเกินไปว่าคนคนหนึ่งจะทำเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนั้นด้วยตัวจริง
นัยน์ตาที่เย็นยะเยือกของลี่เฉินซีไม่ได้เงยขึ้นมอง เขายุ่งอยู่กับงานในมือของตัวเองอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “วางใจเถอะ เธอต้องติดต่อไปแน่ รอฟังข่าวก็พอแล้ว”
“ครับ” หวางอี้พยักหน้ารับคำ
ลี่เฉินซีรู้ดี ผู้หญิงแบบ “อู๋หยาน” ต่างจากซูย้าวที่มีความสุขุมอยู่มาก เธอใจร้อนแล้วก็สะเพร่าเกินไป คนแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องทำเสียเรื่อง
และข้อเท็จจริงที่เห็นก็พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ทันทีที่ซูหยวนออกจากบริษัทลี่ซื่อ เธอก็ทิ้งรถซูเปอร์คาร์ของตัวเองทันที พร้อมกับเดินเรียบไปอีกด้าน ซึ่งถัดออกไปอีกประมาณสองถึงสามร้อยเมตร ข้างๆ ถนนมีรถเบนซ์สีดำจอดอยู่ หญิงสาวตรงเข้าไปเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับทันที
หลินเจว๋ที่กำลังนั่งจิบน้ำอยู่ฝั่งคนขับ ตกใจจนเกือบสำลักที่อยู่ๆ เธอก็พรวดพลาดเข้ามาในรถ
ชายหนุ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณมาได้อย่างไร? กลางวันแสกๆ คุณ…..”
หลินเจว๋ได้รับคำสั่งมาว่าให้คอยเฝ้าติดตามเธอตลอดเวลา ไม่ใช่เพื่ออารักขาความปลอดภัย แต่เพราะกลัวว่าถ้าสมมติผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรพลาดขึ้นมา เขาจะได้หยุดมันได้ทันท่วงที
และเนื่องจากเป็นการให้ความร่วมมือและติดตามกันอย่างลับๆ ก็เลยต้องทำให้เงียบเชียบมากที่สุด ทว่าอยู่ๆ หญิงสาวก็ก้าวขึ้นรถมาอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าหากมีใครตาดีเห็นเข้า ความลับก็แตกน่ะสิ!
สีหน้าโกรธจัดของหลินเจว๋ค่อยๆ สงบลง “คุณคงไม่ได้ลืมฐานะตัวเองไปแล้วหรอกนะ? ถ้าไม่มีอะไรแล้วมาหาผมทำไม?”
ซูหยวนที่ตกใจสุดขีด ใบหน้าของเธอซีดเผือด หญิงสาวไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะมาสนใจน้ำเสียงหรือท่าทีของเขา เธอเพียงแค่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ สายตามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “เขาเหมือนจะรู้แล้ว! เขาเริ่มสงสัยฉันแล้ว………”
ขณะที่พูด เธอก็หันกลับมาข้างๆ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าแขนหลินเจว๋ไว้ “ช่วยฉันด้วย ให้ท่านประธานอานช่วยฉันที ฉันไม่อยากเป็นหานฉ่ายหลิงคนที่สอง ฉันไม่อยากเข้าคุก! ช่วยฉัน…..”
หลินเจว๋ถูกการกระทำของเธอทำให้มึนงงไปชั่วขณะ ยังไม่ทันได้คิดอะไรเขาก็ดันเธอออกห่างไปอย่างโหดเหี้ยม “คุณสงบสติอารมณ์หน่อยได้ไหม ลี่เฉินซีรู้อะไร? ใครคือหานฉ่ายหลิงคนที่สอง คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”
“โครงการเหมืองแร่คาราเวอไรต์นั่น คุณพูดถูก เขาตั้งใจจะชนะการประมูลแล้วก็มอบให้ฉันจริงๆ ไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเขาทำแบบนี้จริงๆ ฉันต้องตายแน่ๆ ! หลินเจว๋คุณติดต่อท่านประธานอานสิ ติดต่อท่านประธานอาน……”
ซูหยวนตื่นตระหนกเกินไป เธอทั้งร้อนรนและกระวนกระวาย คำพูดที่เอ่ยออกมาล้วนฟังไม่ได้ศัพท์
หลินเจว๋พยายามปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นจากคำพูดของเธอ ก่อนจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ถ้าลี่เฉินซีชนะการประมูลโครงการเหมืองแร่คาราเวอไรต์จริงๆ จำนวนเงินลงทุนก็กว่าหมื่นล้าน แต่ช่วงหลังก็จะได้กำไรกลับคืนอีกไม่น้อยกว่าแสนล้าน ธุรกิจดีๆ แบบนี้ เขาจะมอบให้คุณเหรอ?”
“คุณคิดมากไปรึเปล่า!” หลินเจว๋ขึ้นเสียงใส่เธออย่างเย็นชา “อย่างมากเขาก็แค่หยอกๆ เพราะต้องการบางคำจากคุณก็เท่านั้นล่ะ โครงการใหญ่ขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าบอกเปลี่ยนมือก็จะเปลี่ยนได้เลยนะ เมื่อคืนผมก็แค่อย่างจะเตือนคุณเฉยๆ !”
ไม่อย่างนั้นผู้หญิงโง่ๆ แบบนี้ อาจจะนึกว่าตัวเองสวยสง่าเกินจริง วันๆ อยู่ท่ามกลางความอ่อนโยนของลี่เฉินซี มีชีวิตอยู่ด้วยความเพ้อฝัน จนลืมจุดยืนของตัวเองไป และอาจจะลืมด้วยว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ!
ซูหยวนยังคงตื่นตระหนก เธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ก็ถูกชายหนุ่มขัดจังหวะเสียก่อน “ท่านประธานอานไม่ได้เป็นคนธรรมดาแบบคุณนะ ที่อยากจะติดต่อก็ติดต่อได้เลย ฝันอยู่รึไง แต่ไหนแต่ไรมาท่านประธานอานก็แค่ให้การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น คุณจะถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะต้องตอบรับทุกครั้ง”
“สิ่งต่อไปที่คุณควรทำก็คือ ใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่คุณมี ดึงลี่เฉินซีเข้ามาอยู่ในกำมือให้ได้ คุณเองก็ไม่ใช่ว่าแอบชอบเขามาตั้งแต่แรกเหรอ? โอกาสดีจะตาย! ก็ Win-Win ทั้งสองฝ่าย ถูกไหม?”
ซูหยวนสับสนเล็กน้อย เธอคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “แต่ว่า เขาดูเหมือนจะสงสัยฉันแล้ว เกรงว่าโอกาสครั้งต่อไปจะยากที่จะ……”
“ไม่มีโอกาสก็ต้องสร้างมันขึ้นมา!” หลินเจว๋เพิ่มระดับเสียงให้ดังกว่าเดิม นัยน์ตาชายหนุ่มเย็นยะเยือกอย่างเห็นได้ชัด “นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้คุณยังมีชีวิตอยู่ ถ้าแค่คุณค่าตรงนี้คุณยังไม่มี งั้นจะให้เราเก็บคุณไว้ทำไม?”