หลังจากโทรศัพท์เตือนสติของซูย้าว หลินโม่ป่ายถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เธอกังวลนั้นมาจากไหน แต่ว่าเธอที่เมื่อก่อนผ่านการสูญเสียความทรงจำมา และเรื่องราวที่เกิดขึ้นขึ้นๆลงๆระยะเวลาอันสั้นนี้ ก็พอจะเข้าใจเธออยู่ไม่มากก็น้อย
ดังนั้น พอวางโทรศัพท์ เขาจึงนำเอกสารของหมอเจ้าของไข้และนางพยาบาลผู้รับผิดชอบทุกคนของลี่หมิงส่งไปให้ และประกาศแจ้งว่านอกเหนือจากบุคคลเหล่านี้แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องผู้ป่วยกักโรคICUเด็ดขาด
นอกจากนี้ ยังมีกล้องวงจรปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกเส้นทางไม่เว้นแม้กระทั่งจุดอับต่างๆ เขายังให้บอดี้การ์ดของตัวเองเข้าไปแทรกแซงด้วย เพื่อระงับไม่ให้บุคคลที่น่าสงสัยคนไหนก็ตามสามารถเข้าใกล้ถึงห้องผู้ป่วยได้
และทางด้านซูย้าวนี้ หลังจากได้รับเอกสาร ก็พุ่งตรงกลับบ้านใหญ่ ขึ้นชั้นบนขังตัวเองคนเดียวไว้ในห้องหนังสือ พลิกดูเอกสารของแต่ละคนอย่างละเอียด
แรกเห็นนั้น นอกจากประวัติเบื้องต้นและความสามารถในการทำงาน และสถานการณ์ครอบครัวแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่น ถึงจะบอกว่าน่าสงสัย ทุกคนก็ดูไม่น่าสงสัย และก็หาไม่เจอจุดอะไรที่ดูน่าสงสัยเลย
เธอพลิกดูสี่ห้ารอบ ก็ยังไม่เห็นเจอเบาะแสอะไรเลย
พอมาคิดกลับกัน ว่าถ้าหากเธอเป็นอานเจียเย้น จะทำอย่างไร?
สิ่งที่เขาต้องการมาแต่ไหนแต่ไร ยังไงก็ต้องได้มาให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีและหนทางอะไรก็ตาม ถ้าครอบครองไม่ได้จริงๆ ก็จำเป็นต้องทำลายด้วยน้ำมือของตัวเอง
และคนพวกนี้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอานเจียเย้น ไม่ได้ติดต่อข้องแวะกับใคร และทั้งหมดก็เป็นคนธรรมดาสามัญ อย่างนี้ถึงจะสามารถบีบบังคับคนธรรมดาหนึ่งคนให้ละเมิดหลักการภายในใจ ทำเรื่องผิดกฎหมายออกมาได้……
ข่มขู่คุกคาม ถึงจะสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ต่อได้
ถ้าพูดถึงข่มขู่คุกคาม ถ้าอย่างนั้น……
ซูย้าวเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พลิกดูเอกสารที่พิมพ์ออกมาในมือให้ผ่านตาอีกครั้ง สองจิตสองใจ สุดท้ายก็โทรศัพท์หาโม่หว่านหว่าน
“หว่านหว่าน ขอโทษที ฉันไม่ควรจะให้คุณต้องมาช่วย แต่ว่า……”
ซูย้าวเองก็รู้ว่า การให้โม่หว่านหว่านเข้ามามีส่วนร่วม เธอเองก็จะเกิดอันตราย แต่ว่าตอนนี้เป็นห่วงความปลอดภัยหรืออันตรายของลี่หมิง และถ้าสามารถมีทักษะแบบนี้และทำให้ตัวเองเชื่อมั่นได้อย่างไม่ต้องสงสัย กลัวว่านอกจากโม่หว่านหว่านแล้วก็คงหาใครอื่นมาไม่ได้
โม่หว่านหว่านไม่ค่อยเข้าใจ ถามกลับด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไม่เป็นไรนะ ฉันช่วยคุณเอง พูดกับฉันตามตรงว่าทำยังไงก็พอแล้ว”
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างหมดแรง “ฉันจะส่งเอกสารบางอย่างให้กับคุณ จากข้อมูลในนี้อยากให้คุณหาวิธีตรวจสอบ สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาแต่ละคนให้ละเอียด เลือกญาติที่สนิทชิดเชื้อ ส่งข้อมูลของญาติสนิทเหล่านั้นมาให้ฉันอีกครั้งด้วย ถ้าหากเป็นไปได้ ตรวจสอบยืนยันให้ด้วยว่าพวกเขาปลอดภัยหรือเปล่า มาเข้าทำงานปกติ หรือว่าสูญหายโดยไร้สาเหตุ หรือติดต่อไม่ได้อะไรพวกนั้น”
พฤติกรรมของคนอย่างอานเจียเย้นนั้น มีชื่อเสียงทางด้านชั่วร้ายโหดเหี้ยม เขาไม่สนใจกังวลกับความรู้สึกและแนวคิดของคนอื่น และการคุกคามบีบบังคับล่อด้วยผลประโยชน์เองก็เป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุด
สามารถทำให้คนธรรมดาหนึ่งคน ละทิ้งฝ่าฝืนกฎทั้งหมดได้ และช่วยเหลือเขาด้วยความเต็มใจ นอกจากยั่วยวนด้วยเงินทองแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของญาติสนิท
“และตรวจสอบเรื่องปัญหาทางด้านทรัพย์สินของแต่ละคนด้วย ดูสิว่ามีคนที่ติดหนี้อยู่หรือเปล่า หรือว่ามีงานอดิเรกที่ไม่ดี สมาชิกในครอบครัวมีคนเจ็บป่วยหรือไม่ ต้องการใช้เงินด่วนอะไรแบบนั้น” ซูย้าวย้ำเตือนอีกครั้ง
เธอพูดไม่กี่คำ โม่หว่านหว่านก็เข้าใจพอสมควรแล้ว “OK ฉันเข้าใจแล้ว คุณรอข่าวจากฉันละกัน!”
วางโทรศัพท์ เวลาผ่านไปนานหัวใจของเธอก็ยังยากที่จะสงบ
เธอควรจะมีลางสังหรณ์แบบนี้ให้เร็วกว่านี้ ถ้าหากจุดประสงค์ของอานเจียเย้นอยู่ที่เธอคนเดียว แล้วจะพยายามทุกวิถีทางปลอมแปลงความทรงจำของเธอ ให้เธอกลับมาเมืองAพบกับลี่เฉินซีไปเพื่ออะไร?
ให้เธอมีชีวิตอยู่ในฐานะและความทรงจำของอานหว่านชิงไปตลอด กักขังเธอไว้ข้างกาย ถึงเธอจะไม่รักเขา แต่ว่าวันเวลาผ่านไป วันเวลาแปรเปลี่ยนเป็นความรัก หรือว่าเขาใช้กำลังเผด็จการร้องขอ ผ่านไปนานเรื่อยๆ ทั้งหมดก็จะสามารถพายเรือตามน้ำ ดำเนินไปอย่างช้าๆเอง
ลี่เฉินซีทุ่มเทลงแรงปลอมแปลงความทรงจำของเธอ ส่งเธอกลับมาอีกครั้ง จ้องมองเธอกับลี่เฉินซีติดต่อพัวพันกัน นี่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าจุดประสงค์ไม่มีทางเป็นเธอแค่เพียงคนเดียว!
เกินกว่าสองปีที่แล้ว เขาต้องการพาหมิงเอ๋อไป ซูย้าวจมเข้าไปอยู่ในความคิดแบบนี้ ยากที่จะถอนตัว ยิ่งคิดจิตใจก็ยิ่งไม่สงบ เดินวนไปวนมาภายในห้อง ไม่รู้ว่าเดินวนไปแล้วกี่รอบกัน และไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว รอไปเรื่อยๆก็ไม่มีโทรศัพท์มาเลย แต่กลับเป็นลี่เฉินซีที่มา
เขาผลักประตูเข้ามา มองเห็นเธอที่มีใบหน้าวิตกกังวลมองมาที่ตัวเอง ผู้ชายชะงักเล็กน้อย เหมือนว่าจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จัดการปลดกระดุมเสื้อสูท พร้อมกับเดินตรงมาที่เธอ “นี่เป็นอะไร?”
ซูย้าวไม่มีนิสัยหวานซึ้งโชว์ความรักกับเขาอะไรแบบนั้น พูดเพียง “ทำไมคุณมาอีกแล้ว?”
อีกแล้ว?!
ลี่เฉินซีฟังประโยคบาดหูนี้ ดวงตาเรียวยาวก็หรี่ลงทันที เดินตรงเข้ามาแขนยาวด้านหน้าจับมือของเธอเอาไว้ “ผมเป็นคนรักของคุณ ไหนคุณบอกผมสิว่าผมมาทำไม?”
แน่นอนว่าอยากจะอยู่ด้วยกันกับเธอให้ได้มากเท่าที่มากได้ เลยเอาเวลาว่างทั้งหมดมาอยู่ด้วยกันสองคน!
ซูย้าวถอนหายใจเบาๆอย่างทนไม่ไหว ผลักเขาออกไป และหมุนตัวกลับไปนั่งลงที่โซฟา “ขออภัย ฉันไม่มีอารมณ์อยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณกลับไปเถอะ!”
ลี่เฉินซีไม่สนใจการขับไล่แบบไม่แยแสของเธอ ทำเพียงเดินไปและนั่งลงด้านข้างใกล้เธอ แขนยาวค่อยๆนวดช้าๆที่บ่าของเธอ เสียงแหบอ่อนโยนเล็กน้อย “เป็นอะไรกันแน่นี่? กังวลเรื่องหมิงเอ๋อ? หรือว่ามีเรื่องอื่นอีก?”
เขาพูดไปด้วย ยื่นมือว่านวดบ่าเบาๆให้กับเธอ “พูดกับผมมา ผมจะแก้ปัญหาแทนคุณเอง”
ซูย้าวนวดคลึงหน้าผากสูดหายใจลึก เขาจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างไร?
ถึงจะพูดด้วยตัวเอง เกรงว่าจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้เขาเท่านั้น!
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์จากโม่หว่านหว่านก็ดังเข้ามาได้ถูกจังหวะ ซูย้าวกวาดตามองหน้าจอโทรศัพท์ เหมือนจะได้รับสัญญาณอะไรบางอย่าง ไม่ลังเลที่จะดีดตัวขึ้นมาด้วยความเร็วที่สุด รับโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อน “หว่านหว่าน ตรวจสอบเจอหรือเปล่า?”
“ตรวจสอบเจอมาบางส่วน ฉันจะบอกคุณว่า……” โม่หว่านหว่านใช้คอหนีบโทรศัพท์เอาไว้ ในเวลาเดียวกันก็ดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองด้วยใจจดจ่อ เอาข้อมูลที่พบ—บอกกับเธอ
“คนที่คุณส่งข้อมูลมาให้ฉัน ฉันตรวจสอบส่วนใหญ่แล้ว เหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร สถานการณ์ในครอบครัวเองก็ปกติมาก ไม่มีข้อพิพาทเรื่องหนี้สิน และไม่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ ทางฝั่งญาติสนิทเองก็ปกติ พ่อแม่เกษียณอยู่บ้าน คู่สมรสไปทำงาน ลูกเองก็ไปโรงเรียน ไม่มีหายสาบสูญ และก็ไม่มีการระบุที่อยู่ไม่ได้”
แต่เสียงพูดของโม่หว่านหว่านเปลี่ยนและเข้าสู่ประเด็นสำคัญ “แต่ว่ามีนางพยาบาลคนหนึ่งชื่อฟางเวย เธอเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อไม่มีแม่ และไม่มีญาติสนิทที่สามารถตรวจสอบได้ แต่กลับมีเด็กที่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับเธอ เป็นเด็กผู้หญิง ปีนี้อายุหกขวบ ฉันตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อสิบวันก่อนมีการแจ้งหายจากโรงเรียนอนุบาล แต่ว่าคืนนั้นฟางเวยก็ติดต่อไปหาผู้อำนวยการด้วยตัวเอง เปลี่ยนเป็นพักการเรียน จนถึงตอนนี้เด็กคนนี้เหมือนว่าจะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน……”
“แต่ว่า อาจจะมีสถานการณ์อย่างอื่นเกิดขึ้น วันนี้ดึกมาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปชุมชนที่ฟางเวยอาศัยอยู่ตรวจสอบด้วยตัวเอง! รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด คล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่คุณพูด”
โม่หว่านหว่านพูดเสร็จ ก็บอก “เออใช่ ฉันส่งข้อมูลที่หาพบไปให้ที่อีเมลคุณแล้ว คุณค่อยๆอ่านหลังจากนี้ บางทีอาจจะมีที่ฉันตกหล่นไป ถ้าต้องการให้ตรวจสอบบางอย่างอีก คุณก็ติดต่อฉันมาละกัน”
ซูย้าวตอบกลับอย่างซาบซึ้ง “ได้เลย ขอบคุณมากเลยนะ”
“กับฉันจะเกรงใจแบบนี้ไปทำไมกัน? เอาละ ฉันจะตรวจสอบอีกครั้ง ถ้ามีอะไรใหม่จะบอกคุณอีกที”
โม่หว่านหว่านพูดจบ การคุยโทรศัพท์ของทั้งสองคนจบลง ซูย้าวรีบเดินไปที่โต๊ะหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์เข้าอีเมล ได้รับอีเมลใส่รหัสจากโม่หว่านหว่านจริงๆ หลังจากเปิด ทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่หมอพยาบาลและญาติสนิทของคนเหล่านั้น
ลี่เฉินซียื่นอยู่ด้านหลังของเธอ กวาดตาดูเนื้อหาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างคร่าวๆ คิ้วที่สวยงามได้รูปขมวดแน่น “คุณตรวจสอบพวกนี้ไปทำอะไร?”
เขาโน้มตัวเล็กน้อย มือข้างหนึ่งนวดที่บ่าของเธอ และพูด “หรือว่าคุณรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง? คุณยังรู้สึกว่าทางด้านหมิงเอ๋อจะมีอันตรายเกิดขึ้น?”
ไม่อย่างนั้นเธอจะตรวจสอบประวัติหมอและพยาบาลเจ้าของไข้ของลี่หมิงอย่างดีไปเพื่ออะไรกัน?
นิ้วมือของซูย้าวที่อยู่ขอบโต๊ะบีบแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ คิดอย่างลึกซึ้งอยู่ประมาณครึ่งนาที ก็อดไม่ได้ที่จะหายใจอย่างหนักแน่น หมุนตัวกลับ เงยขึ้นมามองลี่เฉินซีอีกครั้ง “เรื่องหมิงเอ๋อ พวกเรามาคุยกันเถอะ!”
เพราะว่านี่เป็นลูกของพวกเขาสองคน ในฐานะพ่อแม่ การดูแลปกป้องลูกเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่พึงกระทำ เธอไม่สามารถปิดบังเขาอีกต่อไปแล้ว……