“หยุด รอสักครู่!”
โม่หว่านหว่านขัดขวางตัดคำทันที พิจารณาเล็กน้อยสักหน่อย จึงพูดอีกว่า “แกน่าจะไม่มีเจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจอีกแล้วล่ะ!”
“ฟังก่อน——” เธอไม่ให้โอกาสซูย้าวเอ่ยปากใดๆ รีบพูดอีกโดยตรงว่า “ตอนที่ฉันคลอดบูริน ล้วนไม่เคยถามความยินยอมของลูกมาก่อน ก็สะเปะสะปะอาศัยความรู้สึกของฉันกับส้าวหลิง บังคับพาเขามาถึงโลกนี้สำหรับเด็กมากล่าว นี่คือไม่ยุติธรรมนะ”
“แต่คนอยู่บนโลกนี้ ที่ไหนจะมีความยุติธรรมกับไม่ยุติธรรมมากมายขนาดนี้ล่ะ? ดังนั้นตอนนี้ฉันจะเพราะเพื่อนที่ดีของตนเองทำเรื่องที่ฉันคิดว่ามีความหมายสักหน่อย ถ้าหากด้วยเหตุนี้เกี่ยวพันถึงบูรินที่ยังเป็นเด็ก อย่างงั้น ฉันคนที่เป็นมารดาคนนี้ เพียงพูดได้แต่ขอโทษมาก ขอเพียงแต่ว่าเขาเติบโตแล้วจะสามารถเข้าใจได้”
“ถ้าหากไม่สามารถเข้าใจ งั้นก็ไม่ต้องเข้าใจล่ะ ถึงอย่างไรเขาเติบโตแล้วก็จะมีจุดมากมายที่ดื้อรั้นตอบโต้กับฉัน ทั้งชีวิตของทุกคนก็คือทั้งชีวิตของตนเอง ไม่ต้องวิตกกังวลกับคนมากมายขนาดนั้น แม้ว่าส้าวหลิงเป็นสามีของฉัน เขาดีขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถอยู่กับฉันทั้งชีวิตเช่นกัน ฉันอยากทำอะไร ยังคงต้องเชื่อฟังความคิดของตัวเองเป็นหลัก”
คำพูดโม่หว่านหว่านฮึกเหิมเร่าร้อน พูดน้ำไหลไฟดับคำพูดทั้งชุดนี้พูดจนซูย้าวก็เงียบสนิททันทีเลย
หลังผ่านไปสักพัก ซูย้าวจ้องมองไปยังเธออีกครั้ง ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “ฉันไม่ได้คิดจะพูดมากขนาดนี้……แกดูเหมือนรุนแรงมากเกินไปแล้ว ได้ล่ะ แกยินยอมที่จะช่วยฉันนั้นก็ดีที่สุดอยู่แล้ว ฉันยอมรับได้หรือยัง!”
เธอก็รู้ว่าอารมณ์ของโม่หว่านหว่านนี้ ตอนที่ระเบิดขึ้นมา ไม่มีคนสามารถขัดขวางได้ เดิมทีคิดว่าแต่งงานแล้ว คลอดลูกแล้วจะสามารถมีการแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ตอนนี้ดูแล้ว ลู่ส้าวหลิงรักใคร่โปรดปรานเธอมากเกินไปแล้วจริงๆ ยังมีลักษณะท่าทีที่ทำอะไรเสรีโดยไม่สนใจความคิดของคนอื่นแบบนั้น
“ฉันจะสืบหาสกีรีสอร์ทแห่งนี้ แกสามารถช่วยฉัน……”
ล้วนไม่ได้ให้ซูย้าวพูดต่อไปอีก โม่หว่านหว่านก็พุ่งเข้ามาโดยตรง เอามือปิดปากของเธอไว้ทันที ใช้เสียงที่เบาที่สุดพูดว่า “ฉันรู้แล้ว!”
จากนั้น ก็ใช้ภาษามือพูดกับเธอว่า “แกที่นี่อาจจะถูกคนดักฟังแล้ว ระวังคำพูดหน่อย คำบางคำไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้แล้ว”
ซูย้าวแปลกใจในฉับพลัน ถูกดักฟังแล้วเหรอ?!
สายตาเธอลาดตระเวนกวาดมองรอบๆ หันหน้าจ้องมองไปยังลี่เฉินซี ใบหน้าหล่อของเขาก็เต็มไปด้วยความแปลกใจเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าเขาก็ไม่ค่อยชัดเจนเช่นกัน
โม่หว่านหว่านหยิบอุปกรณ์ที่เป็นชุดออกมาจากกระเป๋าของตนเอง ทำการตรวจสอบสิ่งต่างๆ อย่างรอบคอบให้แน่ชัด จากนั้นจึงถอนหายใจยาวๆ หนึ่งที “ไม่มีเลย ฉันตื่นเต้นไปหน่อยแล้ว”
สีหน้าที่พูดไม่ออกของซูย้าวตื่นตะลึง “แก……”
“ดูเหมือนฉันดูหนังมากเกินไป อินกับหนังมากไปหน่อย” โม่หว่านหว่านยิ้มเจ้าเล่ห์หนึ่งทีอย่างขำขัน ซุกหัวเขียนโปรแกรมอยู่ในคอมพิวเตอร์ต่อ
เธอจะตั้งค่าอีกโปรแกรมหนึ่งใหม่ ระงับร่องรอยใดๆ ที่อาจจะทิ้งไว้ พยายามทำให้ถึงเทพไม่รู้ผีไม่เห็น
หนังตาซูย้าวหย่อนลงถอนหายใจต่อๆ กันอย่างจนใจ เธอก็ควรจะรู้ ในส่วนลึกของจิตใจโม่หว่านหว่านชอบเสาะหาความแตกต่างจากปกติแบบนั้นมากอยู่แล้ว ก็เหมือนดั่งสองปีก่อน ตอนที่เธอวิ่งหลบหัวซุกหัวซุนโม่หว่านหว่านยังรู้สึกตื่นเต้นมากอีก เหมือนโครงเรื่องที่อยู่ในหนังมาก ตื่นเต้นดีอกดีใจไปนานมากเลย
ถ้าหากสามารถรักษาความใฝ่ฝันเล็กน้อยชิ้นนี้ของเธอไว้ได้อย่างมั่นคง ทำให้เธอมีความสุขไร้ทุกข์ไร้โศกอย่างนี้ตลอดไป จะดีขนาดไหน
ขอเพียงแต่ว่า สุดท้ายจะไม่กลายเป็นแย่มากเกินไปล่ะ!
ซูย้าวสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที ขวางความยุ่งของโม่หว่านหว่านไว้ “กินอาหารก่อนสักหน่อยเถอะ อยากกินอะไรเหรอ?”
โม่หว่านหว่านนิ่งเงียบอึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก กะพริบตาโตที่สวยงามกะพริบแล้วกะพริบอีก “ก็ใช่ คนไม่กินไม่ได้ กินอิ่มแล้วค่อยทำงานจึงสามารถใช้สติปัญญาน้อยแต่ได้ผลมาก ฉันอยากกิน……”
ต่อจากนี้ เธอพูดชื่ออาหารประมาณสิบกว่าอย่างในทีเดียว ซูย้าวล้วนพูดไม่ออกแล้ว เธอนี่คือจะมาช่วยตนเองเหรอ? จะมากินดื่มเสพสุขมั้ง!
แต่ทำยังไงได้ล่ะ?
เพื่อนของตนเอง ถึงจะรับไม่ได้ยังไงก็ต้องอดทน
ก็เป็นเช่นนี้ เธอกับโม่หว่านหว่าน ยังมีลี่เฉินซีทั้งสามคนเดินไปยังข้างล่าง หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ประมาณหลังเที่ยงแล้ว เดิมทีก็อยู่ในบริเวณจุดชมวิวอยู่แล้ว สภาพแวดล้อมสวยเกินคำบรรยาย ทำให้คนอารมณ์ร่าเริง
ลี่เฉินซีทางโน้นสายเข้าตลอดเหมือนเดิม ยังคงยุ่งจนสลัดหลุดออกมาไม่ได้
แต่โชคดีว่าโม่หว่านหว่านก็มาแล้ว มีเธออยู่กับซูย้าว เขายังคงค่อนข้างวางใจ
หลังจากกินข้าวเสร็จ โม่หว่านหว่านก็ไม่คิดที่จะไปโรงแรม ก็เลยอยู่ที่ร้านกาแฟบริเวณใกล้เคียงเลือกที่นั่งสักแห่ง ซูย้าวดื่มกาแฟส่วนเธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ยุ่งในการเขียนโปรแกรมต่อ เงยหน้ากวาดดูเธอบ่อยๆ จึงพูดว่า “ถ้าหากไม่ใช่สภาพการณ์พิเศษแบบนี้ การเดทของแกกับลี่เฉินซี ฉันจะไม่เข้ามาก่อกวนล่ะ”
ซูย้าว “……”
เธอสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งทีอย่างจนใจ วางแก้วกาแฟที่อยู่ในมือลง “ไม่ใช่เดท ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่”
“พวกแกไม่ใช่คบกันอยู่เหรอ?” โม่หว่านหว่านถามกลับ การกระทำที่ยุ่งอยู่ไม่หยุดยั้งสักนิด
ซูย้าวถูกถามจนพูดไม่ออก กะพริบตาแล้วกะพริบตาอีกอย่างอึดอัด “คบกันคือคบกัน แต่นี่ก็ไม่ใช่เดทล่ะ”
โม่หว่านหว่านเบ้ปากเล็กน้อยหนึ่งที “ล้วนเป็นความหมายเดียวกัน แต่ว่า ย้าวย้าว แกกับลี่เฉินซีก็ได้สัมผัสกันช่วงระยะหนึ่งแล้ว ความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? สามารถให้อภัยสิ่งที่เขาเคยทำมาก่อนหรือไม่ อยู่กับเขาต่อไปอีกไหม?”
“อันนี้……” ซูย้าวไม่รู้จะตอบกลับยังไง ในชั่วขณะตกเข้าสู่ความเงียบสนิทอีกครั้ง
เธอกับลี่เฉินซีเหรอ?
นี่เป็นหัวข้อการพูดคุยที่เธอล้วนไม่กล้าไปคิดอย่างหนึ่งตลอดกาล ทั้งๆ ที่เขาก็ค่อนข้างดีต่อเธอเช่นกัน เขาก็ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ ระหว่างทั้งสองคนยังมีลูกอีก พิจารณาไปด้านไหนมุมไหน เธอล้วนควรให้โอกาสเขาใหม่อีกครั้ง ถ้าหากสามารถอยู่ด้วยกัน กลายเป็นคนครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง ไม่ว่าสำหรับลูก หรือว่าสำหรับกันและกัน ก็ล้วนจะดีเช่นกันล่ะ
แต่ทำไมตอนที่ทุกครั้งเธอนึกถึงที่นี่ ในใจก็มีความขัดแย้งเล็กน้อยอย่างประหลาดใจล่ะ?
คืออดีตถูกการทำร้ายมากเกินไป หรือว่าเป็นสถานการณ์แตกต่างจากปกติในปัจจุบันนี้……
อาจจะล้วนมีความเกี่ยวข้องล่ะ!
ตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดแอบพิจารณาอยู่ โม่หว่านหว่านทางนี้ดูเหมือนเกิดอะไรขึ้น อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “มีคนก่อกวน!”
ซูย้าวอึ้งชะงักอย่างฉับพลัน ลุกขึ้นมานั่งอยู่ใกล้ๆ เธอ จ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ บนหน้าจอสีดำเต็มเปี่ยมด้วยโค้ดโปรแกรมต่างๆ นานา และตัวอักษรที่เต้นอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เธอขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “อะไรล่ะ?”
เธอต่อสิ่งแบบนี้ ไม่ได้ช่ำชองมาก แม้ไม่ถึงขั้นที่ไม่มีความรู้แม้แต่น้อย แต่ก็ไม่เชี่ยวชาญแน่ กระทั่งมีสิ่งมากมาย ล้วนเป็นขั้นที่ไม่ค่อยเข้าใจ
โม่หว่านหว่านก็ไม่สามารถอธิบายให้กับเธอทีละอย่าง ได้เพียงแต่ใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายพูดว่า “ดูเหมือนมีคนพบเห็นฉันแล้วกำลังโจมตีฉันอยู่ คิดที่จะเตะฉันออกไป แต่ว่า เขาฝันไปเถอะ ฉันจะถูกโค่นล้มอย่างง่ายดายขนาดนั้นเหรอ?”
เธอยิ้มแปลกประหลาดหนึ่งที ลงมืออย่างรวดเร็วเคาะ ก๊อกๆ อยู่บนแป้นพิม ทำการไล่ล่าต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามดั่งไฟที่โหมไหม้เป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบกว่านาที ในที่สุดก็ได้รู้แพ้ชนะ
โม่หว่านหว่านร้องไชโยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจกับชัยชนะ กอดคอของซูย้าวไว้ทันที ยังถือโอกาสกลืนกินสตรอเบอร์รี่เล็กๆ จากเค้กบนโต๊ะในคำเดียว “ดูสิ ตกลงใครเตะใครออกไปล่ะ!”
ซูย้าวปลื้มใจในความสำเร็จของเธอ แต่ก็อยากรู้ผลลัพธ์มากเช่นกัน “สืบได้อะไรหรือยัง?”
โม่หว่านหว่านพูดเพียงว่า “อย่าร้อนใจ เพิ่งเข้าไป รอสักครู่ ให้ฉันหาสักหน่อย……”
เธอทั้งปฏิบัติการอยู่ ทั้งยังแช่อิ่มอยู่ในเกมไล่ล่าเมื่อกี้ ยากที่จะถอนตัว อดไม่ได้ที่จะพูดอีกว่า “คนคนนี้ดูแล้วฝีมือก็ไม่เลวเช่นกันสามารถพบเห็นฉันยังโจมตีฉันได้อีก ไอ้หยะหยะ อยากจะทำให้เข้าใจสถานะของฝ่ายตรงข้าม……”
ซูย้าวเข้มงวดกวดขันขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “ตรวจสอบข้อมูลสถานะของคนอื่นโดยพลการ จะ……”
ไม่ได้ให้เธอพูดต่อไป โม่หว่านหว่านก็ขัดขวางไว้ทันที “แกทำไมชอบทำให้คนเกิดความเซ็งขนาดนั้นล่ะ? อยากที่ฉันจะมีอารมณ์ฮึกเหิมอยู่ ถ้าหากแกไม่มีอะไรล่ะก็ ไปร้านไก่ทอดข้างๆ ช่วยซื้อน่องไก่ทอดกลับมาให้ฉันหน่อย”
ซูย้าวอึ้งชะงักอย่างแปลกใจ ก้มมองเค้กที่ถูกโม่หว่านหว่านกินจนไม่เหลือที่อยู่บนโต๊ะชิ้นนั้น ค่อยมองแก้วน้ำที่ว่างเปล่าแก้วใหญ่หลายใบที่อยู่ข้างๆ อีก “แก……กินไปไม่น้อยแล้วล่ะ คงต้องกินน้อยหน่อย ไม่งั้นกินจนอ้วนแล้ว หุ่นก็ไม่ดีล่ะ!”
“ตอนที่ยุ่งอยู่ฉันก็ชอบกินมากหน่อย แกจะเข้าใจอะไรล่ะ?ไปช่วยซื้อน้ำอัดลมรสส้มให้ฉันอีกสองขวด” โม่หว่านหว่านสั่งไปอีกคำ
ซูย้าวทำอะไรกับเธอไม่ได้จริงๆ พยักหน้าต่อๆ กันอย่างจนใจ ซักถามอีกว่าจะเอาอย่างอื่นหรือไม่ หลังจากถามซ้ำๆ ให้แน่ใจ จึงหยิบกระเป๋าเงินออกจากร้านกาแฟ
พอเธอออกไป โม่หว่านหว่านดึงหน้าต่างที่ซ่อนไว้ออกมาทันที ในเวลาเดียวกันที่เปิดดู มือถือกำลังดังขึ้น เธอรีบรับสาย ลดเสียงเบาลง “พูดเถอะ ฉันเพิ่งหาข้ออ้างให้เธอออกไปแล้ว”