เป็นผู้หญิงที่ยังสาวอยู่ ดูจากหน้าตาแล้วก็แค่อายุยี่สิบกว่า แต่งเนื้อแต่งตัวไม่เหมือนกับสาวสวยของเมืองใหญ่ สวมใส่ได้เรียบมาก รองเท้าบูทผ้าฝ้ายที่ธรรมดา ผมเงาดกดำยาวถึงเอว เปียผมไว้เป็นสองข้างและพาดอยู่บนไหล่
หญิงสาวคนนี้มีผิวพรรณที่ขาวมาก จุดนี้ได้อำพรางอวัยวะทั้งห้าของใบหน้าที่ไม่ถือว่าโดดเด่นของเธอได้ดีมาก เพราะฉะนั้นดูรวมๆ แล้วง่ายต่อการให้ความรู้สึกที่หูตาสว่างแก่คนมาก สดใสเป็นธรรมชาติมากๆ โดยเฉพาะอยู่ที่นี่ เจอกันในวันหิมะตกโปรยปราย หญิงสาวงดงามดั่งดอกบัวที่ผุดขึ้นมาจากในน้ำ มีความเป็นบทกวีมาก
ซูย้าวได้พยักหน้าพร้อมยิ้มอ่อนๆ ให้กับหญิงสาวด้วยมารยาท พร้อมถามว่า “ไม่ทราบว่าเป็นคนที่รับผิดชอบดูแลที่นี่หรือเปล่าคะ?สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ……”
เธอไม่ได้พูดต่อ เพราะไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว หญิงสาวคนนี้เดินมาหาเธอด้วยพร้อมมองปากของเธอขยับไปด้วย ก็รู้เลยว่าเธอกำลังพูดอยู่ จึงรีบยกมือขึ้นมาพูดด้วยภาษามือ
พริบตาเดียว ซูย้าวถึงรู้ตัวว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใบ้และหูหนวก?!
หญิงสาวใช้ภาษามือพูดว่า “ขอโทษค่ะ ฉันเป็นใบ้และหูหนวก ไม่ได้ยินว่าคุณพูดอะไร ไม่ทราบว่ามาสั่งจองดอกไม้หรือเปล่าคะ?”
ซูย้าวอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ใช้ภาษามือสื่อสารกับเธอเช่นกัน “ก็ไม่เชิงค่ะ ฉันมาเล่นสกีที่นี่ บังเอิญมาที่นี่ เห็นที่นี่คือศูนย์เพาะปลูกดอกไม้ ถ้าเป็นไปได้ จะขอเยี่ยมชมห้องเพาะดอกไม้หน่อยได้มั้ยคะ?”
นาทีนี้หญิงสาวได้เดินมาที่ข้างกายเธอ ค่อนข้างประหลาดใจที่ซูย้าวก็เป็นภาษามือด้วย ใบหน้าที่ขาวผ่องเผยรอยยิ้มที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อนออกมา อาจจะเพราะไม่มีคนพูดคุยกับเธอมานานมากแล้ว มีความรู้สึกเหมือนเจอคนรู้ใจ
“ห้องเพาะดอกไม้ของทางเราไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้าเยี่ยมชมค่ะ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นภาษามือ ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนตัวหนังสือให้คุณดู!”หญิงสาวคอยใช้ภาษามือสื่อสารอย่างไม่หยุดด้วยความดีอกดีใจ “ไม่ต้องรีบค่ะ คุณชอบดอกไม้ของที่นี่มากเหรอคะ?พี่ชายฉันก็อยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันพาคุณไปหาเขา ถ้าเขาเห็นด้วย ฉันก็พาคุณไปเยี่ยมชมนะคะ”
ซูย้าวพยักหน้าอย่างคล้อยตาม หญิงสาวได้เชิญเธอเข้าไปในบ้าน ในบ้านอบอุ่นมาก ต่างจากอุณหภูมิของนอกห้องมาก ที่นี่อบอุ่นมาก มีเตาที่เป็นธรรมชาติ ยังมีเครื่องทำความร้อนของใต้พื้นด้วย
ทั้งสองต่างก็ได้ถอดเสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายกับเสื้อนวมบนตัวออก และทยอยกันนั่งลง เธอกับหญิงสาวได้เข้าสู่การสื่อสารด้วยภาษามือต่อ เงียบสงบไร้เสียงกันทั้งสองคน
ซูย้าวถาม “ที่นี่มีแค่คุณกับพี่ชายคุณเหรอคะ?ยังมีพนักงานคนอื่นๆ อีกมั้ย?”
หญิงสาวส่ายหัว และรีบใช้ภาษามือพูดว่า “มีแค่เราสองคนค่ะ เพราะสิ่งที่ฉันกับพี่ชายฉันถนัดที่สุดก็คือเพาะปลูกดอกไม้ งานก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ พวกเราทำไหวอยู่ค่ะ”
หญิงสาวได้พูดต่อว่า “อ้อใช่ ยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณชื่ออะไร ฉันชื่อลั่วซีค่ะ”
ซูย้าวค่อนข้างประหลาดใจ “ชื่อเพราะจังเลยค่ะ ฉันชื่อซูย้าว”
“ชื่อของคุณก็เพราะมากเหมือนกันค่ะ ชื่อเหมือนคนเลย คุณหน้าตาสวยมากค่ะ”ระหว่างที่ลั่วซีพูด ใบหน้าได้ประดับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน
พูดตามตรง ซูย้าวได้ลืมความตั้งใจเดิมและเจตนารมณ์เดิมที่มาที่นี่ไปในชั่วขณะจริงๆ มองหญิงสาวที่บริสุทธิ์ หน่อมแน้มและไร้เดียงสาของตรงหน้านี้ ยากที่นำจะไปเชื่อมโยงกับเรื่องชั่วๆ ของพวกอานเจียเย้นจริงๆ
บางทีเธออาจจะหาผิดที่แล้วจริงๆ ที่นี่อาจจะเป็นแค่ศูนย์เพาะปลูกดอกไม้แห่งหนึ่งมั้ง!
ส่วนทำไมถึงใช้ไฟสิ้นเปลืองขนาดนั้น สาเหตุคงจะเพราะห้องเพาะปลูกดอกไม้หลายสิบห้องนั้นมั้ง เพราะต้องรักษาอุณหภูมิให้คงที่ แทบจะต้องส่งความร้อนให้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็ย่อมเปลืองไฟมากอยู่แล้ว
แต่ว่าถ้าเป็นแค่การเพาะปลูกดอกไม้ธรรมดาอย่างเดียว ทำไมต้องเลือกสถานที่นี้ด้วย?
ในประเทศมีเมืองที่อบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิอยู่มากมายไม่เลือก แต่ดันมาเลือกที่นี่……
เธอมีความสงสัยนี้ จึงได้ถือโอกาสใช้ภาษามือสอบถามลั่วซี “ไม่ทราบว่า ทำไมคุณกับพี่ชายคุณถึงเลือกที่ก่อตั้งฐานเพาะปลูกดอกไม้ที่นี่ล่ะคะ?ที่นี่น่าจะไม่ค่อยเหมาะเลย!”
เหมือนลั่วซีไม่ได้สงสัยคำถามของเธอเลย แค่ส่งเสียงหัวเราะออกมา และใช้ภาษามือพูดว่า”คงแปลกใจมากเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ช่วยไม่ได้ ดอกไม้มากมายที่พวกเราเพาะปลูก และดอกไม้พันธุ์ใหม่ส่วนใหญ่ล้วนไม่เหมาะที่จะเจริญเติบโตในเมืองอบอุ่น อีกอย่างพวกเราโตมาจากที่นี่ตั้งเด็ก คุ้นเคยกับที่นี่มาก ดินของที่นี่ก็เอื้อต่อการเจริญเติบโตของดอกไม้ที่พวกเราเพาะปลูก……”
ในขณะที่เธอกำลังพูด จู่ๆ ชั้นบนมีเสียงฝีเท้าก้องมา
ทีนี้ซูย้าวถึงประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าชั้นบนจะมีคน?!
งั้นก่อนหน้านี้เธอเคาะประตูจนนับครั้งไม่ถ้วน ทำไมถึงไม่มีคนตอบสักที?
ความข้องใจนี้ ไม่นานก็ได้คำตอบหลังจากที่ผู้ชายลงมาชั้นล่าง เพราะผู้ชายคนนี้ก็เป็นใบ้และหูหนวกเหมือนกัน พูดไม่เป็น และไม่ได้ยินอะไรเลย
ลั่วซีเห็นผู้ชายลงมาปุ๊บได้รีบเดินไปหาเขา ใช้ภาษามือสื่อสารกับเขา ก่อนอื่นได้แนะนำตัวซูย้าวก่อน จากนั้นก็ได้ถามว่า “พี่ชาย คุณผู้หญิงท่านนี้จะไปเยี่ยมชมห้องเพาะดอกไม้หน่อยได้มั้ย?ฉันอยากให้เธอดูดอกไม้ที่ฉันเพาะปลูก……”
ผู้ชายมองหน้าเธอพร้อมยิ้มละไม และยื่นมือขยี้ศีรษะของเธอเล็กน้อย จากนั้นได้พยักหน้า
พออย่างนี้ ลั่วซีเหมือนได้รับอนุญาต เธอดึงซูย้าวลุกขึ้นมาใส่เสื้อคลุม ในขณะที่ไม่ได้ตั้งใจ ซูย้าวได้เหลือบเห็น
กรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นวางหนังสือ
เป็นรูปถ่ายที่ลั่วซีถ่ายร่วมกับผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าแค่นี้ เธอไม่ตะลึงพรึงเพริดอะไรหรอก แต่นี่ไม่ใช่รูปถ่ายธรรมดา แต่เป็นรูปแต่งงานรูปหนึ่ง
ลั่วซีที่อยู่ในรูปใส่ชุดจีนสีแดงแรงฤทธิ์สวยงาม โอบผู้ชายที่ใส่ชุดราชวงศ์ถังของข้างกายไว้ ถึงแม้หน้าตาของทั้งคู่ต่างก็ไม่ถือว่าโดดเด่นเท่าไหร่ แต่อยู่ด้วยกันแล้ว สีหน้าแววตาของผู้ชายอ่อนโยน หน้าตาผู้หญิงเหมือนดั่งภาพวาด มีความรู้สึกที่รักใคร่สุดซึ้งจริงๆ
แต่ พวกเขาเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ?!
ซูย้าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย กำลังอยากจะสอบถามอะไรสักหน่อย เหมือนลั่วซีเห็นความสงสัยของเธอ ได้ยิ้มและใช้ภาษามือพูดอีกว่า “แปลกใจมากเลยใช่มั้ย เขาไม่เพียงเป็นพี่ชายฉัน แต่ยังเป็นสามีของฉันด้วยค่ะ”
“ฉันถูกเขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย แค่ชินกับการเรียกเขาว่าพี่ชายตั้งแต่เด็ก แม้แต่ชื่อของฉัน สมัยเด็กๆ เพื่อง่ายต่อการเข้าทะเบียนบ้าน ถึงได้ใช้นามสกุลเดียวกับพี่ชายฉัน อ้อใช่ เขาชื่อลั่วปินค่ะ”
ซูย้าวเข้าใจในทันที เธอได้ก้มหน้าอีกครั้ง ออกไปกับลั่วซีด้วยและใช้ภาษามือพูดไปด้วย “ดูออกว่าพี่ชายคุณเอ็นดูคุณมาก ความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่เลวเลย”
รอยยิ้มของหญิงสาวยิ่งหวานมากขึ้น “อืม เขาชอบฉันมาตั้งแต่เด็กเลย ดีกับฉันมาก ชีวิตนี้สามารถได้เจอเขา เป็นความโชคดีของฉันค่ะ”
เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้ซูย้าวไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมทั้งสองคนต่างก็เป็นใบ้และหูหนวก?จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า?
ถ้าไม่ใช่ งั้นในสองคนนี้ มีใครที่จงใจเสแสร้งและโกหก?
ข้างๆ ของตึกสองชั้นที่พักอาศัยอยู่นี้ ก็คือห้องเพาะดอกไม้ที่เรียงกันเป็นแถวๆ ลั่วซีพาเธอเลือกห้องที่ใกล้ที่สุด เอากุญแจไขประตู จากนั้นได้เดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน
ด้านในกับด้านนอกยิ่งต่างกันเข้าไปใหญ่ ในนี้พืชเขียวขจี กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลไปทั่ว
ดอกไม้สดที่เพาะปลูกอย่างดีแถวแล้วแถวเล่า กำลังพยายามเบ่งบานอยู่ สวยจนเกินคำบรรยาย ลั่วซีชี้ที่ไหนสักแห่งของที่ที่อยู่ไกลออกไปแล้วเดินไปอย่างไว
ซูย้าวเฝ้าดูหญิงสาวคนตรงหน้าที่เร่งฝีเท้าอย่างไวไว้ ลังเลจนแววตาลุ่มลึก เธอหยิบพลั่วขนาดเล็กขึ้นมาจากโต๊ะอย่างหยั่งเชิง จากนั้นมีเสียง‘แกร๊ก’ดังขึ้นทีหนึ่ง พลั่วถูกทิ้งลงไปบนพื้น
ถ้าเป็นคนปกติที่สามารถได้ยิน ตอนที่ได้ยินเสียงกะทันหัน จะต้องมีปฏิกิริยาแน่นอน
แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เธอตะลึงสุดๆ หญิงสาวไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเสแสร้งได้สมจริงเกินไป หรือว่าได้สงสัยซูย้าวตั้งนานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเหมือนไม่ได้ยินเลย ได้เดินไปที่ไหนสักที่โดยตรง จากนั้นถึงหันมากวักมือให้ซูย้าว ส่งสัญญาณให้เธอมาเร็วๆ
ซูย้าวได้พยักหน้าและตรงดิ่งไป ทีนี้ถึงสังเกตเห็นสิ่งที่ลั่วซีอยากโชว์ให้เธอดู คือพวกผลิตน้ำมันหอมระเหย สิ่งอำนวยความสะดวกของสกัดและสินค้าสำเร็จรูป
ลั่วซียังถือโอกาสหยิบบีกเกอร์ขึ้นมาอันหนึ่ง ด้านในคือครีมที่ผสมเสร็จแล้ว เธอใช้มือคว้านขึ้นมาใส่ที่บนหลังมือนิดหน่อย จากนั้นได้ถูให้สม่ำเสมอกัน แล้วเขยิบเข้าไปหาซูย้าว เพื่อส่งสัญญาณให้เธอลองดมดู
กลิ่นหอมสดชื่น มีกลิ่นหอมของดอกพุดซ้อน และมีความหอมกรุ่นของไม้ ตอนดมแรกๆ รู้สึกว่ากลิ่นฉุนเกิน แต่ไม่นาน ก็รู้สึกได้ถึงนิ่มนวลและผ่อนคลาย พอรับรู้อย่างละเอียด กลิ่นหอมจนยากที่จะลืมเลือน
“นี่คืออะไรคะ?”ซูย้าวได้สอบถามด้วยภาษามือ
ลั่วซีวางบีกเกอร์ลง “ครีมบำรุงมือที่ฉันผสมเอง ไม่เลวเลยใช่มั้ยคะ!”
ซูย้าวพยักหน้า “อืม ไม่เลวเลยจริงๆ ”
ทั้งสองพูดคุยกัน หางตาของซูย้าวได้เหลือบไปที่ยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นได้ใช้ภาษามือพูดว่า “ขอโทษค่ะ ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”
เธออยากเข้าห้องน้ำจริงๆ ก่อนหน้านี้เพื่อตรวจตั้งครรภ์อีกรอบ ได้กรอกน้ำให้ตัวเองอย่างไม่ขาดสาย นาทีนี้ยิ่งทนไม่ไหวแล้ว แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ ผลตรวจที่ออกมาอีกครั้งจะคือ……ตั้งครรภ์จริงๆ !