ตอนที่ 215 ดินเนอร์
สวีอันหรานเอาชุดพิธีที่สวีรั่วชีต้องใส่ไปให้ที่คอนโดของเธอเรียบร้อยแล้ว เขารู้สึกลังเลในใจ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้สวีรั่วชีจะกลับมาไหม
ห้องที่ว่างเปล่าไม่มีความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตเลยสักนิด โซฟาถูกคลุมด้วยผ้าขาวป้องกันฝุ่นสกปรก
ไม่มีใครรู้ว่างานพรุ่งนี้จะราบรื่นไหม
ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา ทุกแผนการที่คิดไว้ไม่แน่นอนตามการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ เขากับสวีรั่วชีก็ไม่รู้เช่นกันว่าเมื่อไรจะได้อยู่ด้วยกัน
ส่วนเหยียนเค่อในตอนนี้โดนยายสวีอิ๋งอิ๋งทรมานจบแทบบ้าแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนหมั้นเองสักหน่อย แถมยังตื่นเต้นจนเห็นอะไรก็ซื้อไปหมด
“ต่อไปที่บ้านก็วางเตียงกับโซฟาแบบนั้นแล้วกัน” สวีอิ๋งอิ๋งนั่งลงบนโซฟาผ้าแล้วรู้สึกว่าไม่เลว
เหยียนเค่อไม่อยากจะจินตนาการเรื่องอนาคตไปกับเธอเลยสักนิด ดูนาฬิกาข้อมือปราดหนึ่งก่อนจะเอ่ยเตือน “สามชั่วโมงนี้สำหรับฉันแล้วหาเงินได้หลายสิบล้านเลยนะ”
“แต่ฉันประเมินค่าไม่ได้นะ” สวีอิ๋งอิ๋งเข้าใจความหมายของเขา เอ่ยอย่างหยิ่งผยอง
เหยียนเค่อแอบพยักหน้าในใจ ก็ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ ของที่ไม่มีค่าจะประเมินค่าได้อย่างไรกัน
เขาคิดไว้แล้วว่าหลังจากนี้จะหลบพ้นจากเงื้อมมือมารของเธอได้อย่างไร ดังนั้นวันนี้ทำได้เพียงรับมืออย่างสงบเท่านั้น
เหยียนเค่อยอมรับข้อเสนอการไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารธีม Sugar กับสวีอิ๋งอิ๋งแล้ว
Sugar ก็เป็นร้านอาหารธีมร้านหนึ่งภายใต้การดูแลของ YAN ผู้ควบคุมใหญ่สุดคือเหยียนเค่อ แต่ความจริงแล้วเป็นร้านที่เสิ่นจิ้งเฉินจัดการดูแลอยู่ และไม่มีใครมาขุดคุ้ยเบื้องลึกเบื้องหลัง ดังนั้นจึงมีคนรู้น้อยมากว่าเป็นธุรกิจของ YAN
เพราะว่าเป็นร้านอาหารสไตล์คู่รัก เหยียนเค่อไม่เคยมากินอาหารที่นี่ แต่การตกแต่งของร้านนั้น
เหยียนเค่อเป็นคนร่างเค้าโครงด้วยตัวเอง
ธีมหลักของร้านอาหารนี้คือความหวานและความเพ้อฝัน
ชั้นหนึ่งตกแต่งสไตล์หวานๆ เป็นหลัก เหมาะกับคู่รักในช่วงที่เพิ่งคบหากันใหม่ๆ ทั้งชั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของจินตนาการของเด็กสาวที่มีต่อความรัก มุมผนังฝังประดับกากเพชร สีธีมหลักคือสีชมพูสดใส
ส่วนชั้นสองเหมาะกับคู่รักที่ความรักมั่นคงลงตัวแล้ว บรรยากาศอบอุ่นอ่อนโยนก็เหมาะกับการฉลองวันครบรอบแบบต่างๆ
บนฝ้าเพดานแขวนมุกดาอิ่มน้ำต่างระดับคละกันไป เมื่อสะท้อนกับแสงไฟอันอ่อนโยนก็กลายเป็นสีพระจันทร์เหลืองนวล โดยใช้สีฟ้าอ่อนเป็นหลัก
ห้องที่ทั้งคู่จองไว้คือห้องกั้นของชั้นหนึ่ง
พูดตามตรง เหยียนเค่อนั่งตรงข้ามสวีอิ๋งอิ๋งแล้วก็กินอะไรไม่ค่อยลง แต่ครั้งแรกเริ่มให้ความรู้สึกที่แย่ขนาดนี้ ครั้งที่สองไม่ว่าจะกินกับใครคงต้องรู้สึกดีมากแน่นอน
……
ซย่าเสี่ยวมั่วเที่ยวเล่นที่บ้านคุณตา ก็สบายใจขึ้นไม่น้อย หลังจากกลับมาแล้วก็ไม่สนใจเรื่องของเซียวอู๋อี้อีก
เธอลองทำอาหารเมนูที่หลากหลายทุกวัน วาดต้นฉบับเก็บไว้บ้างบางคราว แถมยังน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลฯด้วย
อันหร่านโทรศัพท์หาเธออย่างสนอกสนใจ สอบถามถึงแผนการของเธอ “เมื่อไรเธอจะลาออกมาอยู่ฮุยเถิงอะ”
สัญญาสิ้นสุดแล้ว อันหร่านก็ลาออก สัญญาฉบับใหม่ก็ยังไม่มา ซย่าเสี่ยวมั่วตอบหนึ่งคำก่อนจะเอ่ยชวน “เธอก็ม้วนเสื่อกลับมาไหมล่ะ”
“เธอคิดว่าฮุยเถิงเป็นที่ที่ใครอยากเข้าก็ได้งั้นเหรอ” อันหร่านโดนน้ำเสียงไม่ใส่ใจของเธอทำร้ายเข้าเต็มๆ
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ตอบ มักจะรู้สึกว่าการเซ็นสัญญากับบริษัทเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย จู่ๆ ก็คิดอยากจะทำงานคนเดียวขึ้นมา
อันหร่านกระแอมก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “ในฐานะคนพิเศษ ฉันเข้ามาทำงานที่ฮุยเถิงแล้วนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจจริงๆ ก่อนจะอวยพรเธอ “ยินดีด้วยนะ”
“ไม่ต้องมายินดีเลย ฉันเข้ามาทำงานที่ฮุยเถิงเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว” อันหร่านพึมพำ ก่อนจะแอบกระซิบบอกเธอ “ฉันเจอเซียวอู๋อี้ตอนประชุมตอนเช้าทุกวัน สีหน้าที่อยากจะฆ่าฉันแต่ทำไม่ได้ของยายนั่น เห็นแล้วโคตรสะใจเลย”
“อย่าทำอะไรเกินงาม เอาแต่พอดีก็พอ” ซย่าเสี่ยวมั่วนวดแป้ง กำลังจะทำเกี๊ยวน้ำให้ตัวเองกิน
“ได้ เธอมาเซ็นสัญญาที่ฮุยเถิงพรุ่งนี้ละกัน” อันหร่านกำหนดตารางให้เธอ
“ไม่มีปัญหา” ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าอย่างไรเสียพรุ่งนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เข้าไปเซ็นสัญญาก่อนค่อยว่ากัน
ทั้งคู่คุยกันไม่จบไม่สิ้นสักที สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องวางสายเพราะโทรศัพท์ของอันหร่านแบตหมด
ตอนที่ 216 เพิ่มความสนิทสนม
ก่อนที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะยกชามใบเล็กขึ้นมากินเกี๊ยวน้ำนั้นก็ถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงบนเวยปั๋วก่อน จากนั้นจึงสวาปามอย่างมีความสุข
โทรศัพท์มีเสียงดังแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา เธอเองก็ไม่มีเวลาไปสนใจดู เมื่อกินหมดแล้วก็ยังอยากจะยัดหม้อลงท้องอยู่ดี
แล้วเธอก็จับตัวคนที่ @ มาเพียงคนเดียวท่ามกลางการคอมเม้นต์และกดไลก์มากมายได้
เป็นนายเหยียนเค่อคนน่ารำคาญนั่นอีกแล้ว เธอลูบคางตัวเอง ก่อนจะกดเข้าไปดู
เหมือนกับครั้งแรก มีเพียงรูปภาพกับมือ ที่แตกต่างก็คือ มือนั้นไม่ได้ดูจงใจยื่นออกมาเหมือนรูปก่อนหน้านี้ เพียงแค่หยิบส้อมโผล่เข้ามาในเฟรมเท่านั้น
นายคนนี้มันว่างและกวนประสาทมากแค่ไหนกันนะ ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูอาหารวางเต็มโต๊ะของเขาแล้วก็ต้องกลืนน้ำลาย เพิ่งกินข้าวเสร็จทำไมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่อิ่มเลยนะ
……
ของหวานล้างปากหลังอาหารค่อยๆ มาเสิร์ฟ
เหยียนเค่อค่อนข้างชอบกินของหวาน แถมร่างกายยังเผาผลาญดีอีกต่างหาก กินเท่าไรก็ไม่อ้วน
สวีอิ๋งอิ๋งมองจานไอศกรีมเค้กและผลไม้ราดน้ำผึ้งที่ใส่รวมกันในจานเดียวตรงหน้า จิ้มมากินสองสามคำก็ไม่กล้ากินต่ออีก
ผู้ชายตรงหน้ากินไอศกรีมเค้กรสช็อกโกแลตเข้าไปก้อนใหญ่ แถมยังกินเค้กมูสไปอีกก้อนหนึ่ง กินของหวานที่สั่งมาจนหมด ไม่เหลือทิ้งให้สิ้นเปลืองเลย
เหยียนเค่อมองของหวานของสวีอิ๋งอิ๋งที่ไม่พร่องลงไปเลยสักนิดก็ไม่ได้พูดอะไร
ถ้าเขากินข้าวกับซย่าเสี่ยวมั่วคงไม่มีใครห้ามใคร แถมทั้งคู่ยังแย่งกันกินอีกต่างหาก เพียงแต่
ซย่าเสี่ยวมั่วกินได้ไม่เยอะเท่าไรนัก
เมื่อออกจากภวังค์ เขาก็พบว่าตัวเองคิดถึงซย่าเสี่ยวมั่วอีกแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรง
เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านอาหาร
หลังจากขึ้นรถแล้วเหยียนเค่อก็เอาถุงตรงหน้ายื่นให้เธอ
สวีอิ๋งอิ๋งงุนงงเล็กน้อย หมอนี่ทำไมถึงให้ของเธอได้ล่ะ
เหยียนเค่ออธิบายสั้นๆ “ซื้อมาจากอเมริกา”
“อ๋อ” ความหยิ่งทะนงในตนเองของเด็กสาวกำเริบ เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งได้รับของขวัญก็รู้สึกอารมณ์สั่นไหวโดยไม่ทราบสาเหตุ
เหยียนเค่อไม่รู้ว่าเธออารมณ์สั่นไหว เขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียเงินซื้ออะไรไป ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
ซย่าเสี่ยวมั่วทำสตรอเบอร์รี่มิลค์เชค แก้วใหญ่ให้ตัวเอง เล่นกับหมา เขียนการ์ตูนอย่างที่ทำประจำวัน แต่ตอนนี้เพิ่มการคุยกับเสิ่นจิ้งเฉินเพื่อเพิ่มความสนิทสนมเข้ามาด้วย
ตอนที่เหยียนเค่อจ่ายเงิน เสิ่นจิ้งเฉินก็รู้ว่ามีบางคนกำลังจีบสาวอยู่ จึงสำรวจคู่หมั้นในตำนานของ
เหยียนเค่อผ่านภาพจากกล้องวงจรปิด หลังจากเห็นแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก
คนแบบนี้จะสู้ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยังไง ถ้าไม่ไหวจริงๆ เขาจะยุยงให้เหยียนเค่อมาแย่งน้องสาวของตัวเองไปเลย
ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนคิดหาทุกวิถีทางเพื่อส่งตัวให้เหยียนเค่อไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ กำลังให้เสิ่นจิ้งเฉินดูบ้านของตัวเองแบบสามร้อยหกสิบองศาอยู่
คราวก่อนรีบร้อนมากไปหน่อย เขานั่งที่ห้องรับแขกอยู่ชั่วครู่เท่านั้น เห็นการจัดและตกแต่งได้ไม่ชัดเจนนัก อยากดูว่าน้องสาวเธอยังขาดอะไรอีก เขาจะได้ซื้อไปเพิ่มให้
ซย่าเสี่ยวมั่วเรียกร้องอย่างเกรงใจ “ว่างเมื่อไรก็ซื้อโซฟาเม็ดโฟมให้ฉันสักตัวนะ”
“เธอชอบแบบไหนล่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วแคปรูปภาพจากเว็บขายของออนไลน์ให้เขา ให้เขาไปซื้อตามนี้
เสิ่นจิ้งเฉินที่กำลังวิดีโอคอลกับน้องสาวของตนอย่างเบิกบานใจอยู่นั้นก็ได้รับโทรศัพท์จาก
เหยียนเค่อ
ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นเขารับโทรศัพท์ก็ปิดปากฉับอย่างรู้จักกาลเทศะ จ้องมองท่าทางรับโทรศัพท์อันหล่อเหลาของพี่ชายตัวเองแล้วน้ำลายไหล
“โทรมามีอะไร”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร เสิ่นจิ้งเฉินมองซย่าเสี่ยวมั่วปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง “ฉันวิดีโอคอลกับซย่าเสี่ยวมั่วอยู่”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินชื่อตัวเองก็เงยหน้าขึ้นมองเขาทีหนึ่ง
คุยกันผ่านสายตากับพี่ชายตัวเองสักครู่ เสิ่นจิ้งเฉินก็หยิบโทรศัพท์ไปชิดกับคอมพิวเตอร์ “มั่วมั่ว เธอพูดอะไรหน่อยสิ”
“ให้ฉันพูดอะไรอะ”
น้ำเสียงสบายๆ ของหญิงสาวทะลุผ่านคลื่นไฟฟ้าสองชั้นส่งผ่านเข้าหูของเหยียนเค่อ เขากระแอมเสียงเบา อยากจะฉีกเสิ่นจิ้งเฉินเป็นชิ้นๆ
เสิ่นจิ้งเฉินเก็บโทรศัพท์กลับมาแล้วยิ้มชั่วร้าย “พี่ชาย เป็นไงล่ะ ไม่ยอมเชื่อ”
เขาแอบสะใจ ดูซิว่าคราวนี้ใครจะเรียกใครว่าพี่กันแน่
ซย่าเสี่ยวมั่วถามเสียงเบา “เสิ่นมั่วหลีเหรอ”
เสิ่นจิ้งเฉินส่ายหัวอย่างลึกลับ ใช้นิ้วมือชี้ไปด้านหลัง เป็นเชิงว่าตนจะออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ไปทำงานของตัวเองเช่นกัน