เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 401 สุดท้ายก็มาถึงจุดสิ้นสุด / ตอนที่ 402 การกระทำเล็กๆ น้อยๆ

ตอนที่ 401 สุดท้ายก็มาถึงจุดสิ้นสุด

 

 

ขณะที่ซย่าเสี่ยวมั่วร้องไห้อยู่นั้นไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใดๆ แต่พอหยุดร้องแล้ว ความเงียบที่ยากจะอธิบายระหว่างทั้งสองคนก็เริ่มแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วคันรถ

 

 

“อย่าหน้าบึ้งสิ” เหยียนเค่อพูดออกมาอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงหลังจากที่เข้ามานั่งในรถ ก่อนจะเอาตุ๊กตากระต่ายขนปุกปุยแสนน่ารักที่แขวนอยู่ในรถมาให้เธอเล่น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรับมาก่อนจะพลิกดูแล้วเอ่ยอย่างรังเกียจ “นี่มันอะไรเนี่ย นายแปลงเพศแล้วเหรอ”

 

 

ความจริงเธอก็รู้สึกลำบากใจเช่นกัน จำต้องพยายามกลับมาพูดคุยด้วยโหมดปกติเหมือนก่อนหน้านี้

 

 

“นี่มันกระต่ายต่างหาก!” เขาไม่อยากจะเสวนากับคนไม่มีความรู้ เหยียนเค่อสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้แล้วอธิบายให้เธอฟัง “มันมีตาด้วยนะ”

 

 

“ปีศาจกระต่ายขนยาว” เธอมองดูเจ้าก้อนขนปุกปุยสีเทา เพียงแต่ขาทั้งสี่ข้างกับใบหูที่ลู่ลงจึงทำให้มันกลายเป็นก้อนกลมๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปากบอกรังเกียจแต่ก็เล่นอย่างสนุกสนาน “รสนิยมประหลาดแบบนี้เหมาะกับนายจริงๆ ด้วยสินะ”

 

 

“หุบปากไป” เหยียนเค่อไม่ได้ถามว่าทำไมซย่าเสี่ยวมั่วถึงทะเลาะกับคุณแม่ซย่า จากสติปัญญาของซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว ถ้าไม่ทะเลาะกันน่ะสิแปลก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ฟังที่เขาพูดหรอก เขาให้หุบปากเธอก็จะพูด “แม่ฉันทำเกินไปแล้ว”

 

 

เหยียนเค่อไม่พูดอะไร นั่งรอฟังเธอตัดพ้อว่าคุณแม่เธอทำเกินไปอย่างไรบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะไม่พูดต่อ

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน เหยียนเค่อที่ไม่ได้ยินประโยคต่อมาสักทีจึงเอ่ยขึ้น “เป็นอะไรไป”

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก” ซย่าเสี่ยวมั่วดึงขนกระต่ายออกมาสองเส้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะซ่อนมันไว้ในมือแล้วแอบโยนลงไปด้านล่าง

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้มองเธออยู่ก็จริง แต่การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอมีหรือจะหลุดรอดสายตาของเหยียนเค่อไปได้ “ทำอะไรน่ะ”

 

 

“เหอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วขยุ้มผมตัวเอง ก่อนจะดึงออกมาสองสามเส้นแล้วโบกไปมาอย่างกล้าหาญ

 

 

เหยียนเค่อหมดคำจะพูด

 

 

นี่มันเหยียบหน้ากันชัดๆ เลย

 

 

“เจ้ากระต่ายน้อย ตัวสีเทา สองหูตั้งขึ้นมา…”

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงต่ำเศร้าสร้อยของเธอแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงจงใจพูดเสียงแข็ง “เธอกี่ขวบแล้วเนี่ย”

 

 

“ไม่ต้องมายุ่ง!” ซย่าเสี่ยวมั่วทำท่าทางถือดี ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจนัก

 

 

เมื่อทั้งสองคนต่อล้อต่อเถียงกันไปมาก็ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างในตอนแรกแล้ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนที่อยู่กับเหยียนเค่อจะรู้สึกจิตใจสงบนิ่งปลอดโปร่งอย่างน่าประหลาด เธอลูบตุ๊กตาในมือ สมองคิดเพ้อเจ้อไปต่างๆ นานา

 

 

เหยียนเค่อผ่อนคันเร่งลง ไม่อยากไปส่งซย่าเสี่ยวมั่วเร็วนัก ตั้งแต่แยกจากกันแล้ว ทั้งสองคนก็มีโอกาสอยู่ด้วยกันเพียงลำพังน้อยมาก ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันเงียบๆ แบบนี้เลย ทำให้เขานึกไม่อยากให้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกลับไปเร็วนัก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าเหยียนเค่อคิดอะไรอยู่ในใจ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกว่าอยากอยู่กับ

 

 

เหยียนเค่ออย่างแรงกล้าเช่นนี้ ให้เธอไม่กลับบ้านก็ยังได้

 

 

สุดท้ายก็ต้องถึงจุดสิ้นสุด ตอนที่รถหยุดลงนั้น ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

 

 

“ลงรถ” เหยียนเค่อปลดกลอนประตู ไม่คิดจะลงรถไปสองเธอเลย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองอาคารบ้านเรือนที่คุ้นเคย ในใจกลับเกิดความรู้สึกหดหู่ เหยียนเค่อเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ปกติ สายตาจ้องมองไปที่ตุ๊กตากระต่ายในมือของเธอ ก็นึกว่าไม่อยากแยกจากมันไป จึงเอื้อมมือไปขยี้ผมเธอ “ถ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าอย่างงุนงง ตอบไม่ตรงคำถาม “ฉันลืมเอาหมามาด้วย”

 

 

“แล้วเธอจะกลับไปอีกรอบเหรอ” เหยียนเค่อตามความคิดของเธอไม่ทัน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหน้า “ช่างเถอะ เดี๋ยวให้พ่อฉันส่งมาให้แล้วกัน”

 

 

ฉินซื่อหลานที่ยืนรออยู่ด้านนอกเห็นว่ารถคันนี้จอดลงตรงหน้าตนแล้วแต่ยังไม่ยอมขยับ และก็ไม่มีคนลงมาจากรถด้วย จึงมองผ่านฟิล์มสีดำเข้าไปด้านในอย่างสงสัย แต่นอกจากเงาคนสีดำๆ แล้วก็เห็นอะไรไม่ชัดเจนนัก

 

 

เหยียนเค่อมองศีรษะที่แนบกับกระจกหน้ารถของตน ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังทำท่าแหย่จมูกของเขาไม่หยุด หัวเราะจนแทบจะเป็นบ้า

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 402 การกระทำเล็กๆ น้อยๆ

 

 

“เดี๋ยวฉันลงรถไปเป็นเพื่อน” เหยียนเค่อช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยให้ซย่าเสี่ยวมั่ว เป็นเชิงให้เธอลงรถ

 

 

ฉินซื่อหลานเห็นเหยียนเค่อลงจากรถมาก็รีบยืดตัวตรง แล้วกลับไปยืนห่างจากหน้ารถของ

 

 

เหยียนเค่อห้าเมตร

 

 

เมื่อเหยียนเค่อลงรถแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วจึงจะถือตุ๊กตากระต่ายลงจากรถมาอย่างไม่ยินยอมนัก

 

 

“ทำไมพวกนายเพิ่งมา” การที่ฉินซื่อหลานโทรหาเหยียนเค่อก็น่าขายหน้ามากพออยู่แล้ว ตอนนี้ต้องวางมาดไว้ก่อน จะมาแพ้อีกไม่ได้

 

 

ความจริงระหว่างพวกเขาคุ้นเคยกันขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องมีมาดอะไรอีก ก็แค่พยายามหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นเท่านั้นแหละ

 

 

เหยียนเค่อมีเรื่องจะคุยกับฉินซื่อหลานพอดี ซย่าเสี่ยวมั่วเดินตามหลังเขามาติดๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วลอบยื่นนิ้วชี้และนิ้วโป้งออกไปจับแขนเสื้อของเหยียนเค่อไว้เงียบๆ ฉินซื่อหลานเหลือบมองแล้วก็รู้สึกขัดใจ เขาล้วนรับรู้ได้ถึงจังหวะการพูดที่ชัดเจน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของความคิดและความรู้สึกในคำพูดของเหยียนเค่อแล้ว มีแต่ซย่าเสี่ยวมั่วเท่านั้นแหละที่ยังคิดว่าคนอื่นไม่รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่

 

 

เหยียนเค่อคุยธุระเสร็จก็จะกลับบริษัทเลย หลายครั้งแล้วที่เขาให้ผู้ช่วยเข้าประชุมแทนแบบนี้ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรีบไปให้ทันการประชุมครึ่งหลัง แต่มือที่จับแขนเสื้อเขาอยู่นั้นกลับทำให้เขาไม่กล้าจะจากไป

 

 

เขาหมุนตัวจะเดินกลับก็หลุดพ้นจากมือของซย่าเสี่ยวมั่ว ซย่าเสี่ยวมั่วบีบนิ้วของตน รู้สึกอาลัยอาวรณ์ เหยียนเค่อหันกลับไปลูบหัวเธอเบาๆ “กลับไปก็ยิ้มแย้มหน่อย”

 

 

“อืม” ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ตอนแรกเธอนึกว่าเธอแค่จับเบาๆ เท่านั้น คงไม่ทำให้เหยียนเค่อสังเกตเห็น แต่ตอนหลังเห็นว่าสายตาของฉินซื่อหลานดูแปลกไป นั่นก็แสดงว่าพวกเขาสองคนต่างก็สังเกตเห็นแล้ว ถ้าเหยียนเค่อไม่สนใจก็ต้องหัวเราะเยาะเธอแน่นอน แต่เขากลับแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่มันผิดปกติมากๆ

 

 

เธอกระแอมสองสามที รวบรวมสติและตอบออกไปทันที “เมื่อกี้ฉันใช้แขนเสื้อนายเช็ดมือ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

 

 

เธอทั้งตอบเหยียนเค่อและอธิบายการกระทำของตัวเองเมื่อกี้อย่างสบายๆ ภายในคำพูดเดียว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าบางครั้งเธอก็ฉลาดจริงๆ

 

 

“ใช่เหรอ” เหยียนเค่อหรี่ตา เป็นเหตุผลที่ดีมาก ดีจนทำให้เขาอยากตีเธอสักที

 

 

ฉินซื่อหลานมองทั้งสองคนที่ไม่ยอมปริปากพูดความจริงด้วยสายตาเย็นชา ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ข้างๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเบะปากก่อนจะพึมพำ “จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่สำคัญหรอกน่า”

 

 

เหยียนเค่ออยู่พล่ามกับเธอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงโบกมือลาฉินซื่อหลานแล้วออกไปทันที

 

 

ฉินซื่อหลานยืนรออยู่ด้านนอกนานแล้ว ตอนนี้อยากจะเข้าไปในอาคารจะแย่ แต่ยายซย่าเสี่ยวมั่วนี่พอขึ้นมาข้างบนแล้วกลับเอาแต่เหลือบตามองออกไปนอกหน้าต่างของทางเดิน ไม่คิดแม้แต่จะเปิดประตูให้เขาเลยด้วยซ้ำ

 

 

“เลิกมองได้แล้ว คนไปแล้วจะมายืนมองท้ายรถอยู่ทำไม” ฉินซื่อหลานหันหลังพิงกระจกเพื่อบดบังสายตาของซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

“ฉันก็แค่ดูว่าใบไม้ข้างนอกร่วงลงมาเยอะขนาดไหนแล้วเท่านั้นแหละ วันไหนว่างจะได้ออกไปหาที่วาดรูปสักหน่อย” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ยอมรับ

 

 

วันนี้ฉินซื่อหลานอยากจะถกเถียงกับเธอมากเป็นพิเศษ “ดูตอนไหนก็ได้นี่ ทำไมต้องดูตอนนี้ด้วย”

 

 

“วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ก็อยากดูวิวสักหน่อย นายมีปัญหาเหรอ!” เป็นความผิดฉินซื่อหลานนั่นแหละ รถของเหยียนเค่อแล่นออกไปตั้งนานแล้ว เธอไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ “กลับบ้านไป!”

 

 

ฉินซื่อหลานรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เขาเหนื่อยแทบตายเพื่อเอากระเป๋าเดินทางมาให้เธอ แถมยังต้องยืนรอเธอกลับมาท่ามกลางสายลมอันเย็นเยียบ แต่ตอนนี้กลับมาโดนซย่าเสี่ยวมั่วโมโหใส่เสียอย่างนั้น

 

 

“ทำไมตอนเหยียนเค่ออยู่เธอถึงดูว่าง่ายนักล่ะ” ฉินซื่อหลานรู้สึกไม่ยุติธรรม ก็เพื่อนกันหมด เขาคนนี้ที่อยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วทุกวันยังสู้เหยียนเค่อไม่ได้เลย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วลองนับนิ้วดูแล้วก็พบว่าเธอไม่ได้กลับบ้านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว หลังจากเปิดประตูเข้าบ้านแล้วจึงเดินสำรวจรอบหนึ่งก่อนจะยกมือห้ามไว้ “นายไม่ต้องไปแล้ว อยู่ช่วยฉันทำความสะอาดบ้านก่อนแล้วกัน”

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset