เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 227 ความคิดที่ย้อนแย้ง / ตอนที่ 228 ตระกูลเสิ่นแห่งเมืองหลวง

ตอนที่ 227 ความคิดที่ย้อนแย้ง

 

 

“ทำไมถึงจุ้นจ้านขนาดนี้” เสิ่นจิ้งเฉินจงใจงัดความลับจากปากเขา “นายไม่ชอบซย่าเสี่ยวมั่วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงห้ามไม่ให้คนอื่นชอบซย่าเสี่ยวมั่วทุกทีเลยล่ะ”

 

 

เหยียนเค่อร้องเหอะอย่างแง่งอน “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย!”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินเองก็ร้อง เฮอะ ออกมาเหมือนเด็กเช่นกัน “แล้วถ้าฉันไปซื้อโซฟาให้เขาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย”

 

 

ฉินซื่อหลานกับเซ่าหมิงฟ่านมองคนนิสัยเด็กทั้งสองโดยไม่พูดอะไร

 

 

ถ้าเจ้าสองคนนี้ทำตัวปัญญาอ่อนขึ้นมา แม้แต่เด็กสามขวบก็สู้ไม่ได้

 

 

“ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!”

 

 

“เขาให้ฉันซื้อให้ นายจะให้ฉันบอกมั่วมั่วว่า ‘เหยียนเค่อไม่ให้ฉันซื้อโซฟาให้เธอ’ งั้นเหรอ”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ถ้าสองคนนี้มีใจให้กัน เขาก็ยอมช่วยให้สมหวังได้

 

 

เมื่อสิ้นเสียง ความเงียบก็เข้าปกคลุมอยู่นาน ไม่มีใครตอบอะไรกลับมา เสิ่นจิ้งเฉินยังนึกว่าวันนี้จะงัดความลับออกมาจากเขาไม่ได้แล้วกำลังจะขอตัวกลับ

 

 

เหยียนเค่อมุดหน้าลงกับหมอนเป็นนกกระจอกเทศอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เดี๋ยวฉันไปซื้อให้เขาเอง”

 

 

“จิ๊”

 

 

แม้แต่เซ่าหมิงฟ่านได้ยินประโยคนี้แล้วก็ประหลาดใจเช่นกัน เสิ่นจิ้งเฉินที่นั่งอยู่ข้างตนกำลังจะลุกขึ้นยืนถึงกับทำหน้าตาไม่อยากจะเชื่อ

 

 

“น…นายจะไปซื้อให้เขาเหรอ”

 

 

“เออ!” เหยียนเค่อตอบกลับน้ำเสียงฉุนเฉียว

 

 

แผนของเสิ่นจิ้งเฉินสำเร็จแล้ว จึงโอบเซ่าหมิงฟ่านแล้วพูดขึ้น “ประหยัดเงินไปได้หนึ่งอย่าง เดี๋ยวไว้ว่างๆ แล้วจะเลี้ยงข้าวแล้วกันนะ มานัดเจอกันหน่อย”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านชนหมัดกับเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายเอาเงินจากไอ้รองมาเลี้ยงพวกเราเลย”

 

 

เหยียนเค่อในใจยังคงวุ่นวายสับสน มุดหัวลงกับหมอนไม่สนใจพวกเขา

 

 

วันนี้ตอนที่ได้เห็นซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่น ปฏิกิริยาของเขาก็ผิดแผกไปจากปกติ อยากดึงซย่าเสี่ยวมั่วเข้ามาแล้วสับมือหลี่หมิงฉวีทิ้งเสีย ตอนเดินเข้าไปหาถึงจะควบคุมอารมณ์ไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังดื่มไปเสียเยอะขนาดนั้น ซึ่งผิดปกติเป็นอย่างมาก

 

 

แล้วก็นะ ทำไมซย่าเสี่ยวมั่วถึงยอมให้คนอื่นกอดง่ายขนาดนั้นกันเล่า! ถ้าโดนคนไม่ดีฉุดไปก็คงไม่รู้ตัวเลยมั้ง ยายโง่นั่น!

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกว่าสมองของตนยุ่งเหยิงไปหมด จับจุดไม่ได้เลยสักนิด โบกมือให้พวกเขาอย่างหงุดหงิด “พวกนายจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเฝ้าฉันแล้ว”

 

 

ฉินซื่อหลานทายาให้เหยียนเค่อเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืนผลักเสิ่นจิ้งเฉินกลับไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะลาก

 

 

เซ่าหมิงฟ่านวิ่งออกไป “ถ้าไอ้รองอารมณ์ฉุนเฉียวจะได้มาลงกับนายได้”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินมองคนทั้งคู่ที่วิ่งหนีหายออกไปแล้ว ก็ยอมนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อไป

 

 

คนโง่อย่างซย่าเสี่ยวมั่วยังคงคิดถึงภาพเหตุการณ์นั้นอย่างหวาดผวา

 

 

คนกลุ่มใหญ่ถูกต่อยตีจนล้มนอนลง บนพื้นเละเทะไปหมด แม้แต่ของตกแต่งที่แขวนอยู่บนฝ้าเพดานก็โดนคนตีจนแตก

 

 

ตอนที่ได้เผชิญหน้ากับฉากนั้นจริงก็รู้สึกสะใจ แต่เมื่อเรื่องจบแล้วก็รู้สึกปวดหัว

 

 

“มั่วมั่ว แกไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวตอนกินข้าวฉันไปเรียก” คุณแม่ซย่าเห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเธอแล้วก็โบกมือไล่ ไม่บ่นอะไรเธออีก

 

 

“ค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเดินขึ้นห้อง ไม่ง่วงเลย แต่รู้สึกไม่สบายใจ ทำได้เพียงวาดรูปเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเอง

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินนั่งอยู่บนโซฟารู้สึกง่วงนิดหน่อย ดึงผ้าห่มมานอนหลับลงบนโซฟา

 

 

เหยียนเค่ออดกลั้นอยู่นาน ก่อนจะถามขึ้นอย่างกระมิดกระเมี้ยน “นายว่าฉันชอบซย่าเสี่ยวมั่วเหรอ” รออยู่นานก็ไม่มีคนตอบเขา

 

 

“หืม?” เขาหันไปมองเสิ่นจิ้งเฉินปราดหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เขากลุ้มใจอยู่สักพัก ก่อนจะกอดหมอนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราเช่นกัน

 

 

‘ยังจำประโยคในเรื่อง ‘Gossip Girl’ ได้ไหม ถ้าคนสองคนถูกกำหนดมาให้อยู่ด้วยกันแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็จะตามหาเส้นทางเพื่อกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งจนเจอ’

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเขียนเกริ่นแนะนำลงบนภาพปกที่เพิ่งวาดเสร็จของหนังสือเล่มนี้ ก่อนจะส่งให้ฉินจาน

 

 

นี่เป็นหนังสือเล่มใหม่ของฉินจาน ที่ให้ซย่าเสี่ยวมั่วช่วยวาดหน้าปกให้

 

 

ฉินจานชื่นชมเธออย่างให้เกียรติ “สไตล์ของภาพเธอสวยมากเลย ตอนที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์แล้วฉันต้องเอารูปนี้มาทำเป็นโปสเตอร์แน่นอน”

 

 

“ขอบคุณนะ” วาดอยู่ค่อนวัน ซย่าเสี่ยวมั่วสบายใจขึ้นไม่น้อย ยืดตัวบิดขี้เกียจ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 228 ตระกูลเสิ่นแห่งเมืองหลวง

 

 

‘เมื่อถูกกำหนดมาให้อยู่ด้วยกันแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็จะตามหาเส้นทางเพื่อกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งจนเจอ’ งั้นเหรอ?

 

 

ถ้าอย่างนั้นเหยียนเค่อกับคู่หมั้นของเขาคือคนที่กำหนดมาให้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ เธอยังจำผู้หญิงที่วันนั้นใส่ชุดสีเดียวกับเธอ หน้าตาสะสวยคนนั้นได้ แค่มองก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูผู้ดี ทุกท่วงท่ากิริยามารยาทเป็นธรรมชาติ รู้จักกาลเทศะ

 

 

ที่แท้เขาก็ชอบผู้หญิงแบบนั้นเองเหรอ

 

 

ก็ใช่ เขาชอบผู้หญิงที่หุ่นเซ็กซี่มีความเป็นผู้หญิงสูงนี่นะ…

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนึกไปถึงหน้าอกของผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มทะลึ่ง แต่เมื่อรอยยิ้มเลือนหายไปแล้ว ก็ครุ่นคิดด้วยสีหน้าหงอยเหงา ผู้หญิงคนนั้นกับเหยียนเค่อเป็นไปได้สวยก็ดี แล้วคู่แท้ของเธออยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย

 

 

เหยียนเค่อที่ถูกอิจฉากำลังฟังคำพูดทักทายอย่างห่วงใยจากคู่หมั้นของตนอยู่

 

 

“นายเป็นยังไงบ้าง คุณน้าคุณอาให้นายกลับบ้านเย็นนี้” สวีอิ๋งอิ๋งแอบหัวเราะในใจ กลับบ้านแล้วต้องโดนดีแน่นอน

 

 

เหยียนเค่อยังไม่ทันตื่นเต็มตาดีก็โดนคนปลุกขึ้นเสียก่อน ขณะกำลังวุ่นวายใจ เห็นสวีอิ๋งอิ๋งแล้วก็รู้สึกเหมือนตาจะบอด คำรามเสียงต่ำตอบกลับ “ใครให้เธอเข้ามา!”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินได้ยินเสียงก็ตื่นเช่นกัน สะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวออกหน้านิ่ง เห็นเหยียนเฟิงที่ยืนพิงอยู่ที่กรอบประตูกับสวีอิ๋งอิ๋งที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็เข้าใจสถานการณ์ในทันที มองใบหน้าของสวีอิ๋งอิ๋งแล้วแอบเหยียดในใจ ‘ซย่าเสี่ยวมั่วสวยกว่าผู้หญิงคนนี้เยอะเลย’

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินกลัวเหยียนเค่อจะโมโห ก็ตอบแทน “วันนี้ไม่ได้หรอก น่าจะต้องอยู่โรงพยาบาลอีกอาทิตย์หนึ่ง ซี่โครงหักสองท่อน ข้อมือก็หักเหมือนกัน” เขาจงใจพูดให้อาการหนักเข้าไว้ก่อน

 

 

สีหน้าของสวีอิ๋งอิ๋งตื่นตระหนก ถามขึ้นอย่างห่วงใย “สาหัสขนาดนั้นเลยเหรอ นายต้องรักษาตัวดีๆ นะ” แต่แอบสะใจ สมน้ำหน้าที่เจ็บหนักขนาดนั้น

 

 

แต่เสิ่นจิ้งเฉินเห็นว่ามุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นทันทีเมื่อฟังจบ ถึงแม้ว่าจะปกปิดอย่างดีก็ตาม แต่ปฏิกิริยาแรกเป็นสิ่งที่ไม่ได้ปกปิดกันง่ายๆ

 

 

“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ เหยียนเค่อต้องการพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปก่อนเถอะ” เสิ่นจิ้งเฉินเห็นเหยียนเค่อมุดตัวอยู่ในผ้าห่มแสร้งทำเป็น ‘ยังไม่ตื่น’ แล้วก็ยกมุมปากขึ้น ช่วยไล่พวกเขาไปให้

 

 

“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” สวีอิ๋งอิ๋งยิ้มให้เสิ่นจิ้งเฉินอย่างมีมารยาท สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไปกับเหยียนเฟิง

 

 

“แม่ง นั่นพี่ชายนายแท้ๆ หรือเปล่าน่ะ ไม่ถามสักคำ” เสิ่นจิ้งเฉินอดค่อนแคะไม่ได้

 

 

เมื่อครู่เหยียนเฟิงยืนพิงอยู่ตรงนั้นราวกับไม่ใช่เรื่องของตน ไม่แม้แต่ชายตามองเลยสักนิด คิดๆ ดูแล้วเขากับเสิ่นมั่วหลีก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กันเสียหน่อย แต่ถ้าพี่ชายเป็นหวัดมีไข้ไม่สบาย เขาก็จะไปเยี่ยมพี่เขาเสมอ เหยียนเค่อเจ็บหนักขนาดนี้ แต่พี่ชายแท้ๆ กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเขาเป็นอย่างมาก

 

 

“เขาคงอยากให้ฉันโดนตีตายจนตัวสั่น” เหยียนเค่อพูดตามตรง

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินลูบหัวเขาแล้วเอ่ยอย่างเห็นใจ “เด็กน้อยผู้น่าสงสาร”

 

 

เหยียนเค่อโมโห “ลูบหาอะไรวะ!”

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งนึกไปถึงหนุ่มหล่อที่คอยดูแลเหยียนเค่อแล้วถามเหยียนเฟิง “ผู้ชายคนนั้นคือใครเหรอคะ ทำไมไม่เคยเจอเลย”

 

 

ตอนที่เหยียนเฟิงเห็นเสิ่นจิ้งเฉินก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเจ้าคนตระกูลเสิ่นคนนี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไร

 

 

“เขาเป็นลูกชายคนรองของตระกูลเสิ่น”

 

 

“ตระกูลเสิ่น?” สวีอิ๋งอิ๋งกวาดหาข้อมูลในสมองแต่กลับไม่รู้ข้อมูลของบ้านนี้เลย

 

 

“ตระกูลนี้ไม่ทำธุรกิจ เป็นพวกบัณฑิตมีความรู้ มีรากฐานอยู่ที่เมืองหลวง” เหยียนเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คลื่นอันเ**้ยมโหดนั้นซัดสาดอยู่ในใจมานานแล้ว

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งเคยได้ยินมาบ้างนิดหน่อย พยักหน้าแล้วไม่ได้เก็บมาคิดอะไรอีก

 

 

เหยียนเฟิงเห็นเธอฟังจบแล้วไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็รู้ว่าเธอไม่ได้เก็บเรื่องของตระกูลเสิ่นมาคิด

 

 

ตระกูลบัณฑิตที่ไม่รู้ว่าดำรงอยู่มานานกี่ปีแล้วแบบนั้น หนังสือต้นฉบับที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวบนโลกสภาพไม่สมบูรณ์สักเล่มก็สามารถเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาได้แล้ว แถมยังมีอิทธิพลอยู่ในเมืองหลวงที่สลับซับซ้อนอีก มีแค่ผู้หญิงที่มีแต่เงินในสายตาอย่างสวีอิ๋งอิ๋งเท่านั้นแหละที่ไม่เก็บมาใส่ใจ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset