ตอนที่ 631 พบกันที่ลิฟต์
“ไปกินที่ไหน” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ค่อยสนใจนัก เธออยากกลับบ้าน กินข้าวเสร็จสามารถเข้านอนได้เลยแบบนั้น
เหยียนเค่อไม่อยากให้หล่อนเหนื่อยเกินไปนัก “วันนี้เธอง่วงขนาดนี้จะทำกับข้าวได้อย่างไร ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน”
“อย่างนั้นเราก็ไม่ต้องกินข้าวไหม กลับบ้านไปนอนกันดีกว่านะ” ซย่าเสี่ยวมั่วดึงแขนชายหนุ่มทำท่าทางออดอ้อน
เหยียนเค่อยิ้มน้อยๆ “เธอเชิญฉัน ให้ไปนอนด้วยกันเหรอ”
ไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์…ซย่าเสี่ยวมั่วมองเห็นนิสัยที่แท้จริงของชายหนุ่มแล้ว “ถอยไปเลย”
“ตึ้ง” เสียงสัญญาณดังขึ้น หน้าประตูลิฟต์มีคนปรากฏตัวอยู่
เหยียนเค่อที่กำลังอยากจะแกล้งเอาเปรียบซย่าเสี่ยวมั่ว เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าก็ขมวดคิ้ว
“ประธานเหยียน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลรีบหลับตา รู้สึกว่าหล่อนใกล้จะตายแล้ว
“ฉัน…”
“ประธานเหยียน” ชวีหน่ายเอ่ยทัก
เหยียนเค่อพยักหน้า ช่วงนี้เขาอารมณ์ดีไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับคนพวกนี้ “เข้ามาเถอะ” ชายหนุ่มประคองให้ซย่าเสี่ยวมั่วถอยหลังเข้าไปหนึ่งก้าว ให้คนที่เหลือได้เข้ามา
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกคุ้นหน้าชวีหน่าย จึงมองไปทางเหยียนเค่ออยากไม่ค่อยเข้าใจแวบหนึ่ง
เหยียนเค่อขมวดคิ้ว ถามว่าเป็นอะไรโดยไม่ได้เอ่ยออกเสียง
ซย่าเสี่ยวมั่วกระตุกแขนเสื้อชายหนุ่ม เหยียนเค่อก็ให้ความร่วมมือโดยการโน้มตัวลงมา
“ฉันเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า”
ลมหายใจร้อนๆกระทบที่ใบหน้าด้านข้าง ทำเอาหูของชายหนุ่มแดงเถือกขึ้น
“เฮ้” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดจบแล้วแต่เหยียนเค่อก็ยังคงก้มหัวอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะตอบตนแต่อย่างใด
“หืม” เหยียนเค่อได้สติก็พบว่าซย่าเสี่ยวมั่วกำลังขมวดคิ้วจ้องมาที่ตน
เหยียนเค่อพยักหน้า ยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว “กลิ่นหอมดี”
ซย่าเสี่ยวมั่วขี้เกียจจะพูดกับชายหนุ่มแล้ว “พอเลย หยุดพูดไปเลย”
ผู้จัดการแผนกบุคคลรู้สึกตัวสั่น เขาพาชวีหน่ายมาก็เพื่อจะพามาพบท่านประธาน ไม่คิดว่าท่านประธานจะเลิกงานในเวลานี้ แถมยังยิ้มแย้มหัวเราะร่าเริงกับหญิงสาวที่ไม่รู้ที่มาคนนี้อีก
ชวีหน่ายเห็นว่าผู้จัดการไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรแล้วเธอจึงเอ่ยพูดเพื่อตัวเองแทน หันไปหาประธานเหยียนแล้วเอ่ยขึ้น “ประธานเหยียนคะ ฉันมีเรื่องอยากจะพูดด้วย”
เหยียนเค่อหุบยิ้มทันที “ฉันเลิกงานแล้ว”
“ประธานเหยียน เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว” วันนี้ชวีหน่ายต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้รู้เรื่องให้ได้
“เรื่องส่วนตัว อย่างนั้นเราก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” ปกติเหยียนเค่อก็ไม่เคยต้องไว้หน้าใครอยู่แล้ว
ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นชวีหน่ายใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเลยสะกิดไปที่เหยียนเค่อ “พูดดีๆหน่อยสิ”
เหยียนเค่อจับหน้าของหล่อนที่เบนไปด้านโน้นให้หันกลับมา “อย่างนั้นเธอจะให้ทำอย่างไรล่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องไปที่ชายหนุ่ม ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆของเขายังจะมาให้เธอออกความเห็นอีก
เหยียนเค่อโอบหัวซย่าเสี่ยวมั่วให้มาอยู่ในอ้อมอก เอ่ยพูดกับชวีหน่าย “อย่างนั้นเราไปหาที่อื่นคุยกันเถอะ”
จากนั้นก็เดินจูงซย่าเสี่ยวมั่วออกจากลิฟต์ โดยมีชวีหน่ายเดินตามมาอย่างเงียบๆ
พอซย่าเสี่ยวมั่วเดินออกมาจาก YAN แล้วก็เริ่มพยศ “นายปล่อยได้แล้ว”
“ทำดีๆหน่อย อย่าหาเรื่อง” เหยียนเค่อพยายามกลั้นยิ้ม “ใส่หมวกดีๆด้วย”
ซย่าเสี่ยวมั่วถูกหมวกใบใหญ่บังตาไว้มิด เลยต่อยกำปั้นไปที่ท้องของเหยียนเค่อทีหนึ่ง “นายแกล้งฉันใช่ไหม”
“เปล่าซะหน่อย” เหยียนเค่อถอยห่างออกมาหน่อยให้หล่อนได้จัดแจงตัวเอง แล้วก็ช่วยจัดผมหล่อนที่ตนทำยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทาง “ไปเถอะ”
ชวีหน่ายเห็นคนทั้งคู่แสดงความรักต่อกันตรงหน้าก็รู้สึกเจ็บปวด ใจแตกสลายเดินตามชายหนุ่มไปด้านหลัง
“ประธานเหยียน”
เหยียนเค่อหันไปมองแต่ไม่อยากพูดเรื่องอะไรกับหล่อนตรงนี้ “อยู่กับฉันมาตั้งนานก็ลำบากเธอแล้ว เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน”
ชวีหน่ายไม่ได้ปฏิเสธ จากกันคราวนี้ถ้าจะได้เจอกันอีกก็คงยากเต็มที
ตอนที่ 632 กินข้าว
เหยียนเค่ออยากจะพาซย่าเสี่ยวมั่วเดินไปเอารถด้วยกัน แต่หญิงสาวคิดว่าทิ้งให้ชวีหน่ายยอยู่คนเดียวไม่ค่อยดีนักจึงไล่ให้เหยียนเค่อไปเอารถมาคนเดียว
“เธอคบกับประธานเหยียนแล้วใช่ไหม” ชวีหน่ายเอ่ยถามขึ้นเสียงนิ่งๆ
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงหล่อนเอ่ยพูดกับตนจังหันหน้าไปมองแล้วพยักหน้า “อืม”
“ฉันรู้จักเธอมานานแล้ว บนโต๊ะทำงานของท่านประธานก็มีรูปเธอ อีกอย่างฉันก็เคยถ่ายรูปให้พวกเธอสองคนด้วย” ชวีหน่ายไม่คิดจะปกปิด แต่เธอรังเกียจซย่าเสี่ยวมั่วจริงๆ นิ่งๆเงียบๆกว่าคนอื่น ของที่คนอื่นอยากได้หล่อนไม่ได้ทำอะไรเลยกลับได้มันไปอย่างง่ายดาย
“อือ” แม้ว่าเหยยีนเค่อจะไม่ได้บอกเธอแต่เธอก็จำได้ว่าเคยเจอหล่อนที่เมือง S “ขอบคุณนะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ” คำขอบคุณของซย่าเสี่ยวมั่ว เธอได้ยินแล้วรู้สึกว่ามันคือการประชด
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้พูดอะไรต่อ สักพักเหยียนเค่อก็กลับมา
“หล่อนรังแกเธอหรือเปล่า” ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามขึ้นขณะช่วยเข็มขัดให้ซย่าเสี่ยวมั่ว
“นอกจากนายแล้ว มีใครกล้ารังแกฉันอีกหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วเอนพิงเบาะแน่น
เหยียนเค่อแอบขโมยหอมแก้มหล่อนไปหนึ่งทีขณะที่ดึงสายเข็มขัดมารัดให้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขับรถไปซีเหยียนอย่างอารมณ์ดี
บนโต๊ะอาหารเงียบมาก ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากคุยเลยเอาแต่กินอย่างเดียว ส่วนเหยียเค่อก็นั่งแกะกุ้งแกะก้างปลาให้หล่อนอยู่ข้างๆโดยไม่สนใจอย่างอื่น
“ประธานเหยียน ฉันอยากรู้ว่าคุณไล่ฉันออกทำไม” ชวีหน่ายรู้สึกว่าถ้าไม่ถามเธอก็จะไม่มีโอกาสได้ถามอีก
เหยียนเค่อวางกุ้งตัวโตที่ปอกเปลือกเรียบร้อยไว้ที่จนของซย่าเสี่ยวมั่ว เช็ดมือให้สะอาด “ประธานสวีไม่ได้บอกเธอเหรอ”
“เปล่าค่ะ” ชวีหน่ายกินไม่ลง เธอต้องการคำตอบจากเหยียนเค่อ
ชายหนุ่มช่วยเอาผมที่ตกลงมาบังหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วปัดไปด้านหลัง จากนั้นก็เริ่มคุยกับชวีหน่ายอย่างจริงจรัง
“ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบริษัทตระกูลเหยียน เหยียนเฟิงกับฉัน…” เหยียนเค่อไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาเรียกแทนดี “เกี่ยวข้องกันแค่เรื่องตำแหน่ง ไม่มีเรื่องความสัมพันธ์พี่น้อง”
ซย่าเสี่ยวมั่วหันมองหน้าเหยียนเค่อ เหยียนเค่อหันหัวหล่อนให้กลับไปโดยไม่ได้มองไปทางหล่อนสักนิด
ชวีหน่ายแสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของชายหนุ่ม “ก็เลยกลายเป็นว่าฉันเป็นหนอนบ่อนไส้โดยที่ฉันก็ไม่รู้ตัวเหรอคะ”
“เธอเต็มใจหรือเปล่าฉันไม่รู้” เหยียนเค่อไม่ได้อยากยุ่งเรื่องนี้ขนาดนั้น ชวีหน่ายทำข้อมูลลับของบริษัทรั่วไหลไปแล้ว ไม่ว่าหล่อนจะตั้งใจหรือไม่ YAN ก็ไม่อาจเก็บหล่อนไว้ได้
“ฉันเข้าใจค่ะ ต้องขอโทษคุณด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันยอมรับการผลการตัดสินใจแบบนี้” พอชวีหน่ายรู้เหตุผลว่าเป็นเพราะตนถูกหลอกใช้เลยโดนไล่ออกเธอเลยไม่ได้พยายามแก้ตัวอะไรอีก
เธออยู่กับเหยียนเค่อมานาน รู้ว่าชายหนุ่มมีนิสัยที่เด็ดขาดจะไม่แหกกฎเพราะเหตุผลอะไรทั้งสิ้น แค่ไม่คิดว่าแต่ก่อนเธอชอบเหยียนเค่อที่มีหลักการเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้กลับต้องมาโดนไล่ออกก็เพราะไอ้หลักการนี่เอง
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าเธอกินข้าวมื้อนี้อย่างไม่มีความสุข เธอทั้งต้องทนกับสายตาริษยาของชวีหน่ายที่คอยส่งมาเป็นระยะ ถูกเหยียนเค่อรบกวนด้วยวิธีการต่างๆ แถมยังบังคับให้เธอกินข้าวเยอะๆอีกต่างหาก
“ตอนนี้ก็ถือว่าประธานเหยียนสมหวังดังปรารถนาแล้วใช่ไหมคะ” ชวีหน่ายเอ่ยถาม
เหยียนเค่อพยักหน้า “ใช่ ยังไงก็ขอให้เธอเจอเนื้อคู่เร็วๆเหมือนกันนะ”
“หัวหน้าชวี ฉันขอดื่มให้ หลายปีที่อยู่ด้วยกันมาลำบากเธอแล้ว” ถึงแม้เหยียนเค่อจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับหล่อน แต่ว่าหลายปีมานี้ชวีหน่ายก็ทำเพื่อ YAN มามาก ทำงานกับเขาหล่อนก็เสียสละไปไม่น้อย
“ค่ะ” ชวีหน่ายยกแก้วไปชนกับแก้วของเหยียนเค่อ “ทำให้ท่านประธานเหยียนดื่มให้ฉันได้ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว”
ช่วงเวลาที่ทำงานกับเหยียนเค่อคือช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่สุด ถึงแม้จะต้องมานั่งระวังกับอารมณ์ที่มักจะระเบิดออกมาของชายหนุ่ม แต่ว่าตอนนี้ถ้ามองย้อนไปกลับรู้สึกว่าช่วงเวลาทั้งหมดที่มีเหยียนเค่ออยู่ด้วยมันช่างสวยงามจริงๆ