เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 271 หักมุม / ตอนที่ 272 คนแก่มือสั่น

ตอนที่ 271 หักมุม 

 

 

สวีรั่วชีโดนรุกฆาตจนไม่มีอารมณ์จะเล่นกับเหยียนเค่อแล้ว จึงยืนพิงอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยหยอกล้อ “นายเป็น ‘ตัวร้าย’ หรือไง ให้กำลังใจฉันหน่อยได้ไหมล่ะ?” 

 

 

เหยียนเค่อไม่พูดอะไร จ้องปลายไม้และลูกสนุกเกอร์อย่างตั้งอกตั้งใจ 

 

 

สวีรั่วชีจำต้องพูดกับตัวเอง ไม่สนใจปฏิกิริยาของเขาเลยสักนิด “ฉันว่าฉินซื่อหลานก็ดีอยู่…” 

 

 

พลั่ก! 

 

 

เสียงที่ดังขึ้นในคราวนี้ไม่ใช่เสียงแทงลูกสนุกเกอร์อันไพเราะ แต่เป็นเสียงที่ทั้งดังและทึบ 

 

 

โต๊ะสนุกเกอร์คุณภาพแย่อย่างนั้นเหรอ สวีรั่วชีมองรูตรงกลางที่โดนไม้แทงลงไป ก่อนจะหุบปากแล้วถอยตัวออกมาเงียบๆ น่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้ชายที่มีความแค้นนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ! 

 

 

ฉินซื่อหลานได้ยินเสียงดังขึ้นก็หันกลับมามอง จึงเห็นไม้สนุกเกอร์ที่อยู่ในตำแหน่งแปลกๆ รวมไปถึงเหยียนเค่อที่ยืนดื่มน้ำอย่างงามสง่าแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวแปลกๆ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เมื่อดื่มน้ำเสร็จก็ร้องเพลงกับฉินซื่อหลานต่อ ทำเอาเพลงแนวดนตรีจีนโบราณเละตุ้มเป๊ะไปหมด 

 

 

“เธอมาตั้งนานแล้วไม่คิดจะไปเดินดูตรงอื่นบ้างเหรอ” 

 

 

“ฉันกลัวว่าพอหมุนตัวแล้ว เอวจะลั่นขึ้นมาน่ะสิ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยอย่างเจ็บปวด 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินหัวเราะท้องแข็ง “ยายบ๊องเอ๊ย ไปกินข้าวเร็ว” 

 

 

เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มจะคุ้นเคยกับพวกเขาแล้วก็ไม่สนใจภาพลักษณ์อีกต่อไป ก้าวเท้าลงจากโซฟา ก่อนจะวิ่งไปที่โต๊ะอาหาร 

 

 

ผู้จัดการแผนกอาหารและเครื่องดื่มมาจัดการอาหารมื้อเย็นให้ หลังจากจัดทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็ยืนอยู่ข้างๆ คอยบริการเจ้านายกลุ่มนี้ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่ววิ่งเข้ามาก็เห็นเหยียนเค่อ จึงโบกมือทักทายเขาอย่างอารมณ์ดี “นายเหยียนปัญญาอ่อน!” 

 

 

เหยียนเค่อไม่สนใจเธอ ก่อนจะนั่งลงที่ตำแหน่งที่ห่างออกไป 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบตามองปราดหนึ่ง เธอไม่เข้าใจ เป็นอะไรของเขาอีกล่ะเนี่ย? จึงหันไปคุยเล่นกับฉินซื่อหลานและเสิ่นจิ้งเฉิน 

 

 

สวีอันหรานลากสวีรั่วชีมานั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง เซ่าหมิงฟ่านที่ขึ้นไปดูดาวเดินลงมาจากด้านบน มองดูการนั่งที่แบ่งออกเป็นสามส่วนแล้ว จึงเลือกที่จะไปนั่งกับเหยียนเค่อ 

 

 

“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ โดนว่ามาเหรอ” เซ่าหมิงฟ่านเห็นเขาสีหน้าเรียบนิ่งก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เหยียนเค่อตอนยิ้มกับไม่ยิ้มกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะสีหน้าแบบนี้น่ะ…คนที่ไม่คุ้นเคยต่างก็มองไม่ออกว่าเขามีความสุขหรือไม่กันแน่ 

 

 

“เปล่า คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” เหยียนเค่อยื่นแก้วเหล้าที่วางอยู่ใกล้ๆ กันให้เขา “ช่วงนี้เหนื่อยแย่เลยสินะ” 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านโดนทำดีด้วยก็ตกตะลึง รีบโบกมือ “ไม่เหนื่อยหรอกน่า” 

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? จากเซียวเป่าเจวี้ยน[1]กลายเป็นหลี่ซื่อหมิน[2]งั้นเหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนไปจนน่ากลัวเช่นนี้ล่ะ 

 

 

“นายหายเจ็บแล้วเหรอ” 

 

 

“ยังเลย” สายตาของเขาจับจ้องไปที่กุ้งมังกรในมือ นิ้วเรียวยาวขยับไม่นานนักก็แกะกุ้งมังกรขนาดฝ่ามือจนเสร็จก็โยนลงจานของเซ่าหมิงฟ่านที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะใช้ผ้าร้อนเช็ดมือตัวเองทุกซอกทุกมุม 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านตกตะลึงไปแล้วจริงๆ ถือแก้วไว้ในมือไม่กล้าขยับ ทำไมเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเดินเข้ามานั่งกันนะ 

 

 

คู่ของสวีอันหรานกับสวีรั่วชีพูดคุยหยอกล้อกัน แต่ในขณะนั้นก็รอดูเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้นด้วย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบตามองเหยียนเค่อ เหยียนเค่อเมนส์มาหรือเปล่านะ มองไปนานๆ เข้าก็ถูกอาหารที่เสิ่นจิ้งเฉินตักมาวางไว้ในจานดึงดูดความสนใจไปจนหมด 

 

 

ช่างเขาปะไร เหยียนเค่ออารมณ์เสียเหมือนเมนส์มาบ่อยจะตาย แต่กุ้งมังกรตัวใหญ่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ หรอกนะ เธอกินกุ้งที่เสิ่นจิ้งเฉินแกะให้ด้วยความสมัครใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิง 

 

 

“ไอ้หนูเสิ่น ฝีมือดีนะเนี่ย” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินเช็ดมือแล้วเขกลงบนหัวเธอ “พูดให้มันดีๆ หน่อย” 

 

 

“พี่จิ้งเฉิน กินผักค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วคีบผักปวยเล้งมาชิดริมฝีปากของเสิ่นจิ้งเฉิน ส่วนเสิ่นจิ้งเฉินก็ไม่รังเกียจน้ำลายของน้องสาวตนเลยแม้แต่น้อย อ้าปากรับคำโต 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านกำลังคิดในใจว่าเสิ่นจิ้งเฉินไปสนิทสนมกับซย่าเสี่ยวมั่วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่ความรู้สึกเย็นบนกางเกงในวินาทีต่อมาก็เรียกให้เขาออกจากความคิดนั้น 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เซียวเป่าเจวี้ยน จักรพรรดิของแคว้นฉีในสมัยราชวงศ์เหนือใต้  

 

 

[2] หลี่ซื่อหมิน หรือจักรพรรดิถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 272 คนแก่มือสั่น 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านได้ยินเสียงแก้วแตกเสียดหู และกางเกงของเขาก็กลายเป็นของฝังร่วม 

 

 

“ไอ้ฉิบหาย บ้าไปแล้วหรือไงวะ!” 

 

 

เหยียนเค่อโยนผ้าขนหนูลงบนขาของเขา “จัดการเองนะ” 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านร้องไห้จ้า ใช้ผ้าขนหนูปิดส่วนลับของตัวเองแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนกางเกง 

 

 

สวีอันหรานหันมามองปราดหนึ่ง ตอนแรกนึกว่าในมือของเหยียนเค่อคือไวน์องุ่น แต่สวีรั่วชีก็ด่าขึ้นมาเสียก่อน “บ้าไปแล้ว!” วิ่งไปเช็ดมือให้เขาจนสะอาดแล้วห่อเอาไว้ 

 

 

“นายคงไม่ได้บีบจนแหลกคามือหรอกนะ” สวีอันหรานพูดเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ 

 

 

เหยียนเค่อแก้ผ้าขนหนูที่ทั้งโง่เง่าและน่าเกลียดนี่ออก ปรากฏให้เห็นบาดแผลขนาดเล็กที่เผลอทำบาดโดยไม่ทันระวัง “ฉันดูโง่เง่าขนาดนั้นเลยเหรอ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนเสิ่นจิ้งเฉินกับฉินซื่อหลานก็เดินเข้าไปดู 

 

 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม เดี๋ยวฉันฆ่าเชื้อให้” ฉินซื่อหลานหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ผู้จัดการเตรียมไว้ให้มา 

 

 

เหยียนเค่อยื่นมือออกไป ก่อนจะอธิบายอย่างไม่ยี่หระ “เมื่อกี้ไม่ทันระวังเลยกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ เซ่าหมิงฟ่านสภาพแย่กว่าอีก” 

 

 

ถึงเซ่าหมิงฟ่านจะสภาพแย่กว่านี้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เหยียนเค่อพอใจก็พอแล้ว… 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าไปมองดูปราดหนึ่ง ฝ่ามือของเหยียนเค่อเป็นรอยบาดขนาดประมาณสามเซนติเมตรก็ค่อนแคะในใจ โถ เหยียนเก๋อเก๋อผู้บอบบาง 

 

 

เหยียนเค่อเห็นสีหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ แอบขบฟันเงียบๆ ซย่าเสี่ยวมั่ว ทางที่ดีอย่าตกมาอยู่ในกำมือของฉันก็แล้วกัน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกลับไปนั่งตามเดิม กินอาหารต่อไปในขณะที่ทุกคนต่างล้อมมุงดูเหยียนเค่อ 

 

 

ทันใดนั้นในหัวก็มีคำพูดหนึ่งผุดขึ้นมา ‘มีคนประเภทหนึ่ง ต่อให้เขาอยู่ในมุมที่มืดมิดที่สุด ก็ดับแสงสว่างในตัวของเขาไม่ได้ ทำให้สายตาสามารถจับจ้องไปที่เขาได้ภายในแวบแรกที่เห็น’ 

 

 

เหยียนเค่อคือคนประเภทนั้น เขาไม่ต้องการให้คนมาโอ๋มารัก แต่ทุกคนต่างก็ยินยอมที่จะมอบความรักให้แก่เขา 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูผู้ชายสามคนที่ยืนล้อมอยู่แล้วโอดครวญ มีแต่พวกทาสเพื่อนทั้งนั้น 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านโดนเหยียนเค่อเอาเหล้าราดก็รู้สึกท้อแท้ใจ จึงไปอาบน้ำก่อนจะเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ 

 

 

คนที่มุงล้อมเหยียนเค่ออยู่ต่างก็แยกย้ายกลับไปนั่งที่แล้ว เมื่อเซ่าหมิงฟ่านกลับมาก็ลากเก้าอี้ออกห่างจากเหยียนเค่อ สายตากวาดมองมือขวาของเขาที่พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวแล้วก็อดสบถคำหยาบต่อว่าออกมาไม่ได้ “นายสาดเหล้าใส่ฉันแล้วโยนแก้วทิ้งนี่นา ยังทำให้ตัวเองเจ็บตัวด้วยเหรอเนี่ย” 

 

 

เหยียนเค่อที่โดนเปิดโปงความผิดก็ไม่ได้รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่นิด “อืม มือลื่นน่ะ” 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านขยับออกห่างจากเขาอีก ใครจะรู้ว่าเขาจะเผลอมือลื่นแก้แค้นกันอีกหรือเปล่า 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยขึ้นเสียงเบา “คนแก่อะนะ มือก็สั่นเป็นธรรมดา พวกเราต้องเข้าใจเขาหน่อย” 

 

 

มือที่ยกแก้วน้ำขึ้นของเหยียนเค่อหยุดชะงักลง ใบหน้าเรียบนิ่ง ความดุร้ายแผ่ซ่านไปทั้งร่าง 

 

 

“แค่กๆ” สวีรั่วชีสำลักเนื้อปลาจนไอโขลก น้ำตาแทบไหล 

 

 

“กินช้าๆ หน่อย” สวีอันหรานลูบหลังเธอเบาๆ แต่แอบหัวเราะในใจ 

 

 

เหยียนเค่อเป็นคนที่ปากร้ายที่สุดในบรรดาพวกเขา การด่าเหยียนเค่อเท่ากับหาเรื่องให้โดนด่า ตอนนี้มาเจอซย่าเสี่ยวมั่วที่ปากร้ายยิ่งกว่าเหยียนเค่อแล้ว เห็นเขาโดนด่าก็สะใจดีเหมือนกัน… 

 

 

“ก็ยังดีกว่าคนแก่บางคนที่อายุปูนนั้นแล้วแต่ยังแอ๊บเด็กละกัน” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่สนใจเขา ไม่คิดว่าคนนั้นจะหมายถึงตัวเองเลยแม้แต่น้อย 

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกหมดแรงราวกับปล่อยหมัดลงบนปุยนุ่น ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นชนกับเซ่าหมิงฟ่าน 

 

 

เซ่าหมิงฟ่านกระดกเหล้าลงไปเยอะแล้วก็อยากเทน้ำเปล่ากินบ้าง แต่เมื่อถูกสายตาเย็นชาของ 

 

 

เหยียนเค่อตวัดมองก็วางแก้วลง ก่อนจะหันไปเทเหล้าขาวลงแล้วดื่มต่อ 

 

 

วันนี้เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงเลือกที่จะมานั่งกับเหยียนเค่อ นี่มันช่วงเวลาทรมานกันชัดๆ 

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset