ตอนที่ 347 นัดหมายกันแล้ว
เบลล์ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนโดนเหยียนเค่อเพ่งเล็งเอาไว้แล้ว กำลังเก็บของบนโต๊ะของตนอย่างขะมักเขม้น
สวีอิ๋งอิ๋งเดินตามเธอออกมาแล้วยืนมองอยู่ข้างๆ “ว้า ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะมีวันนี้”
เป็นครั้งแรกที่เบลล์ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เธอโดนโยกย้ายให้พ้นจากตำแหน่งและภาพที่เหยียนเฟิงมองเหมือนเห็นเธอเป็นตัวตลก เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน แต่รู้สึกว่า สวีอิ๋งอิ๋งคงหัวเราะไปได้ไม่นานหรอก
“คุณสวีคะ หวังว่าตัวฉันในวันนี้จะทำให้คุณคิดอะไรได้บ้างนะคะ รักษาตัวไว้จะดีกว่าค่ะ” เบลล์นึกไปถึงสายโทรศัพท์เมื่อครู่ของเหยียนเฟิงก็รู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา
“สิ่งที่เธอเจออาจจะไม่เกิดขึ้นกับฉันก็ได้นี่” สวีอิ๋งอิ๋งไม่เก็บคำเตือนของเธอไว้ในใจ ก็แค่คิดว่าเบลล์แค่อิจฉาริษยาก็เลยพูดออกมา
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้คุณเห็นตัวตนที่แท้จริงของชายในฝันของคุณเลยค่ะ” เบลล์ไม่มีความรู้สึกอะไรกับสวีอิ๋งอิ๋ง เพียงแต่รู้สึกว่าสวีอิ๋งอิ๋งจะกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกเหยียนเฟิงทำร้ายเป็นคนต่อไป และการทำร้ายเช่นนี้จะเป็นบาดแผลที่ยากจะเยียวยา ติดตัวเธอไปตลอดชีวิต
สวีอิ๋งอิ๋งยืนมองเธอเก็บของใส่ลัง และไม่รู้ว่าไปกระทบจิตใจส่วนไหนเข้าหรืออย่างไร ทำให้ไม่ได้เอ่ยเยาะเย้ยอีกต่อไป เพียงแต่เดินจากไปอย่างหยิ่งผยอง
“เฮ้อ” เบลล์ไม่อยากเอาอะไรออกไปเลย เพราะความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่มีสิ่งที่เธออยากเก็บเอาไว้เลย
ไม่ว่าจะโดนโยกย้ายหรือโดนปลดจากตำแหน่งก็ตาม ถ้าเหยียนเฟิงตามหาเธอเจอได้ สำหรับเธอแล้วไม่ได้แตกต่างอะไรกับการทำงานที่นี่เลย
กริ๊งงง… เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ราวกับเรียกสติเธอคืนมา เบลล์ควานหาโทรศัพท์ออกมาจากใต้กรอบรูปก่อนจะขมวดคิ้ว หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏว่าเป็นสายจากห้องทำงานของบริษัท YAN
เหยียนเค่อโทรหาฉินซื่อหลานเสร็จก็โทรหาเบลล์ทันที กลัวว่าตนจะหลงลืมเรื่องนี้ไป
เพราะระหว่างทั้งสองบริษัทนี้มีความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดอยู่ เบลล์ทำได้เพียงจดจำเบอร์นี้ไว้ในใจ ต่อให้ไม่ได้บันทึกไว้ในโทรศัพท์ก็สามารถแยกแยะออกได้อย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
[ผมเหยียนเค่อนะครับ] เหยียนเค่อเป็นคนที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมมาแต่ไหนแต่ไร และเขาก็ไม่ได้มีความอดทนกับผู้หญิงมากนัก
“ท่านมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ฉันเพิ่งออกจากงาน น่าจะช่วยอะไรท่านไม่ได้ จะให้ฉันต่อสายโทรศัพท์หาประธานเหยียนหรือเปล่าคะ”
ได้มาโดยไม่ต้องเสียแรงเลยหรือเนี่ย เหยียนเค่อคาดไม่ถึงว่าจะแม่นยำขนาดนี้ [ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณครับ หวังว่าคุณจะมาเข้าร่วมกับทาง YAN]
เบลล์นิ่งอึ้งไป ยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้ยินเสียงเหยียนเค่อพูดต่อ [ผมข้องใจในความสามารถอยู่ก็จริง แต่วิธีการจัดการหลังจากที่คุณรับโทรศัพท์ผมเมื่อกี้ทำให้ผมอดชื่นชมคุณไม่ได้]
“ขอบคุณที่ชมนะคะท่าน…” เบลล์กำลังคิดว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงเหยียนเค่อพูดขัดขึ้นก่อน [ผมไม่ได้ชมอะไรหรอก ผมแค่ถูกใจความสามารถของคุณ ผมให้เวลาคุณได้ ขอแค่คุณอย่าทำตัวเป็นนกสองหัว ขอแค่คุณซื่อสัตย์จริงใจ ทาง YAN ก็ต้อนรับคุณเสมอนะครับ]
เบลล์ที่โดนแย่งพูดไปหมดจำต้องยอมรับ ว่าความสามารถของเหยียนเค่อเก่งกาจกว่าเหยียนเฟิง เหมือนคนที่เป็นเจ้าคนนายคนมากกว่า แม้ว่าตนจะไม่เคยเจอเหยียนเค่อและไม่เคยติดต่อกับเหยียนเค่อมาก่อน แต่โทรศัพท์แค่สายเดียวก็ทำให้เธอเกิดความประทับใจในตัวเหยียนเค่อได้ทันที
“ค่ะ ฉันจะลองพิจารณาดู แต่…” เบลล์น้ำท่วมปาก ต่อให้เธอจะอยากไปทำงานที่ YAN แต่ก็จะมีอิทธิพลของเหยียนเฟิงมาขัดขวางเธอเอาไว้อยู่ดี
[เรื่องอื่นคุณไม่ต้องห่วงเลยครับ ถ้าเข้ามาทำงานที่ YAN ทางเราก็จะรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของคุณเอง] เหยียนเค่อพอจะรู้ว่าเธอกังวลอะไรในใจ จึงเอ่ยปากรับประกัน ดูท่าพี่ชายเขาจะบีบบังคับเขาจริงๆ ด้วยสินะ
“ขอบคุณนะคะ” เบลล์กล่าวขอบคุณด้วยใจจริง ต่อให้ต่อไปนี้ YAN จะรับประกันไม่ได้ว่าชีวิตหลังจากนี้ของเธอจะไม่ถูกเหยียนเฟิงก่อกวน แต่เธอก็ซาบซึ้งในคำพูดของเหยียนเค่อในวันนี้เหลือเกิน
ตอนที่ 348 ถูกบีบจนหมดสิ้นหนทาง
การที่เบลล์ได้อยู่เคียงข้างเหยียนเฟิงมานานขนาดนี้ต้องเป็นเพราะความสามารถบางอย่างที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้หรือจะบอกว่าเหยียนเฟิงไม่ยอมให้ใครมาแทนที่มากกว่า
ในช่วงเวลาแบบนี้ การชงกาแฟให้อร่อยก็เป็นความสามารถหนึ่งที่ทำให้คนสักคนใช้ชีวิตอยู่ในบริษัทหนึ่งอย่างสงบได้ ดังนั้นเหยียนเค่อก็อยากจะรู้เช่นกันว่าผู้ช่วยของพี่ชายคนนี้จะมีความสามารถอะไรที่ทำให้เธอได้ทำงานที่เหยียนกรุ๊ปไปตลอด
เบลล์เก็บของเสร็จก็ไม่ได้รอออกไปพร้อมกับเหยียนเฟิงตามที่เขาพูด แต่เลือกที่จะออกไปก่อน มี เหยียนเค่อคอยรับประกัน ทำให้เธอคลายความกังวลไปได้ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่ต้องเผชิญยังคงหนีไม่พ้น
เหยียนเฟิงกวาดเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด คนด้านนอกได้ยินเสียงของตกกระทบพื้นต่างก็มองหน้ากันโดยไม่กล้าปริปากพูดอะไร
เขามองกาแฟอุ่นๆ บนโต๊ะแล้วขว้างมันลงบนพื้นอย่างแรง เครื่องแก้วลายครามแตก กาแฟสาดเลอะเต็มพื้น คราบน้ำสีน้ำตาลเปรอะเปื้อนคดเคี้ยวเป็นสายเหมือนกับความรู้สึกสลับซับซ้อนของเหยียนเฟิงที่มีต่อเบลล์
หลังจากเบลล์ออกจากบริษัทแล้วก็แวะซูเปอร์มาเก็ตก่อน หมกตัวอยู่ในบ้านช่วงหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจึงไปหาเหยียนเฟิงที่บ้าน
เธอกับเหยียนเฟิงรู้จักกันมาเจ็ดปปีกว่าแล้ว ความสัมพันธ์แบบคนรักอาจจะยังไม่ยืนยาวนานเหมือนกับพวกเขาเลย แต่ความสัมพันธ์ของคนสองคนก็ช่างน่าประหลาดเช่นนี้ ระยะเวลาร่วมสิบปีนี้เธอยังไม่เคยชอบในตัวเหยียนเฟิงเลย หรือจะบอกว่าเคยชอบแต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกนั้นนานแล้ว
หลายปีผ่านไป ถ้าไม่คิดไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนล่ะก็ จะไม่สังเกตเลยว่าพวกเขาสองคนรู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว
เมื่อเบลล์เปิดประตูแล้วก็สังเกตได้ว่าในห้องมีกลิ่นของบุหรี่ เสียงกุญแจพวงหนึ่งวางลงบนตู้รองเท้าได้ยินชัดเจนในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงัดเช่นนี้
“เธอไม่อยู่จริงๆ ด้วยสินะ” จู่ๆ เหยียนเฟิงก็พูดขึ้นมา แต่เบลล์กลับเข้าใจความหมายของเขาเป็นอย่างดี
เธอไม่อยากถามในสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนหรือสิ่งที่นอกเหนือจากความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ทำเพียงเดินเข้าไปดื่มน้ำในห้องครัว
กลิ่นของห้องครัวเจือจางกว่าในห้องรับแขกเพียงเล็กน้อย เธอไม่อยากออกจากห้องครัวเพื่อไปสูดดมกลิ่นแปลกๆ เหล่านั้น เมื่อเหยียนเฟิงไม่อนุญาต เธอก็ไม่กล้าไปเปิดหน้าต่างระบายอากาศ
“เธอจะอยู่ในนั้นอีกนานไหม” เพราะว่าเพิ่งสูบบุหรี่มา เสียงของเหยียนเฟิงจึงฟังดูแหบพร่าเล็กน้อย
เบลล์มองคนที่ยืนพิงขอบประตู ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบน้ำ กลิ่นบุหรี่เข้มข้นที่โชยมาจากตัวของเขาทำให้เบลล์ไม่อยากเข้าใกล้
“ทำไมคนถึงชอบหักหลังกันนะ” เหยียนเฟิงพูดแฝงความนัย
“เพราะไม่เคยอยู่ด้วยกันจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง จะหักหลังได้อย่างไรกันล่ะคะ” เบลล์พอจะรู้แล้วว่าเขาคิดอย่างไร
ความต้องการที่จะควบคุมคนอื่นของเหยียนเฟิงทำให้ไม่มีใครยืนอยู่ข้างเขาสักคน
“ริอ่านเถียงฉันแล้วเหรอ” เหยียนเฟิงบีบคางของเธอแล้วเอ่ยเยาะ “ดูท่าเมื่อกี้เธอคงจะอยากพ้นจากตำแหน่งเองสินะ”
เขาบีบแรงราวกับจะหักคางของเบลล์อย่างไรอย่างนั้น เบลล์ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ สีหน้ายังคงเยียบเย็น
“ทำไมไม่พูดล่ะ” เหยียนเฟิงเขยิบเข้าไปแนบชิดกับเธอ กายอุ่นทำให้รู้สึกร้อนรุ่ม
“เธอคิดนานแล้วใช่ไหมว่าทำยังไงถึงจะหลุดพ้น คิดจะไปจากฉันหลายครั้งแล้วใช่ไหม”
ฝ่ามือร้อนปัดผ่านไปตามลำตัว สีหน้าเจ็บปวดและกลิ่นบุหรี่จากกายของเหยียนเฟิงทำให้เธอมึนงง ส่วนนิ้วมือที่ขยับลูบไล้ไปตามลำตัวทำให้สติพร่าเลือนยิ่งกว่าเดิม
“ปล่อยฉัน” เบลล์ใช้สองมือยันแผงอกของเขาไว้ ขัดขืนไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ พยายามอย่างมากที่จะพูดออกมา
เหยียนเฟิงผ่อนแรงที่มือ ก่อนจะก้มหน้าประทับจูบลงบนริมฝีปากเย้ายวนนั้น ปิดกั้นคำพูดที่ตนไม่อยากฟัง
แสงสีส้มทองของยามอัสดงส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง แต่กลับทำให้ภายในห้องที่อบอวลไปด้วยควันบุหรี่สว่างขึ้นไม่ได้ ในด้านที่เหยียนเฟิงมองไม่เห็นนั้น น้ำตาหยาดหนึ่งรินไหลลงมาตามใบหน้าของเบลล์ ก่อนจะถูกปกปิดไว้ด้วยความสุข