ตอนที่ 361 เจอกันครั้งแรก
ซย่าเสี่ยวมั่วตื่นตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อค่อยๆ สงบลงแล้วก็พบว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์เปิดเผยพิรุธออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เหยียนเค่อไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วให้เธอฝากมาบอก เรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้แบบนี้ฉันไม่เชื่อหรอก บอกมานะ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันซักผ้าเขาจนเยินน่ะ”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์มองตะเกียบคู่หนึ่งที่จ่อขวางอยู่บริเวณคอของตนอย่างจนปัญญา เอือมระอากับตรรกะความคิดของซย่าเสี่ยวมั่ว “ถ้าพี่บอกว่า พี่เหยียนจะไม่ปล่อยโอกาสในการมาเจอพี่ฉันยังพอรับได้นะคะ แต่บอกว่าไม่อยากเห็นหน้าพี่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”
“ไม่รู้แหละ ที่ฉันพูดความจริง”ซย่าเสี่ยวมั่วเบือนหน้าไปมองเสื้อผ้าสองตัวที่พัดสะบัดไปมาท่ามกลางสายลม “เธอรู้ได้ไงว่าฉันทำเสื้อผ้าเขาพัง มันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็เบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน วันนั้นที่ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นสภาพแบบไหน แล้ววันนี้เป็นสภาพแบบไหน ใครๆ ก็คงมองออกกันทุกคนล่ะนะ
“ชัดสิคะ ถ้ากระจกไม่สกปรกเกินไป ก็คงเป็นเพราะผ้ามันเก่าลงแล้วล่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองกระจกใสสะอาดแล้วบ่นอุบอย่างไม่พอใจ “หน้าต่างโรงพยาบาลของพวกเธอเช็ดสะอาดเกินไปแล้ว”
เหยียนเค่อคุยโทรศัพท์เห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้วจึงออกไปหาเบลล์ก่อนเวลานัด
ในเวลาทำงาน ด้านนอกของตึกสำนักงานใจกลางเมืองแทบไม่มีคนพลุกพล่าน มองจากกระจกด้านล่างสามารถเห็นคนที่สวมชุดสูทเต็มยศเดินไปเดินมาอยู่ชั้นบนได้
เดิมทีเบลล์ก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว จึงมาถึงสถานที่ที่เหยียนเค่อนัดไว้ก่อนเวลานัด ลูกค้าในร้านมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าของร้านเองก็รู้สึกขี้เกียจอยู่หน่อยๆ เมื่อเอาของมาเสิร์ฟเสร็จก็หายไปเสียแล้ว
เหยียนเค่อก็ไปถึงร้านเครื่องดื่มก่อนเวลานัดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเบลล์มาถึงก่อนก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก
ทั้งคู่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน เบลล์ก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเหยียนเค่อมาก่อน แต่เพียงแรกเห็นสายตาก็จับจ้องไปที่ผู้ชายคนนี้ทันที สัญชาตญาณบอกเธอว่า เขาคนนี้นี่แหละ เหยียนเค่อ
“ประธานเหยียนมาเร็วจังเลยนะคะ”
เหยียนเค่อเคยเห็นรูปเธอมาก่อนแต่ลืมไปแล้ว เมื่อเห็นว่าในร้านมีเธอเพียงคนเดียวจึงจะมั่นใจในตัวตนของเธอ
“เช่นกันนี่ครับ” เหยียนเค่อไม่ได้สั่งอะไร ปล่อยให้ผู้หญิงตรงหน้าได้มองสำรวจตามสบาย
เพียงไม่นานเบลล์ก็พบว่าเธอได้จ้องมองเหยียนเค่ออย่างเสียมารยาทมานานแล้ว จึงก้มหน้าจิบน้ำผลไม้เพื่อปกปิดความกระอักกระอ่วนของตัวเอง
“ประธานเหยียนมากความสามารถสมคำร่ำลือจริงๆ เลยนะคะ”
เหยียนเค่อชอบพูดคุยเงื่อนไขกันอย่างตรงไปตรงมามากกว่า จึงไม่อยากจะคุยกับเธอต่อ “คุณต้องการอะไรสามารถเสนอมาได้เลยนะครับ ทาง YAN จะสรรหามาให้อย่างเต็มที่ ถ้าว่างเมื่อไรก็เข้าไปเซ็นสัญญาที่บริษัทได้เลยนะครับ”
คำพูดไม่กี่ประโยคของเขาก็เผยนิสัยของเขาออกมาให้คนอื่นได้รับรู้จนหมด ทำให้เธอหลบตาเขาโดยอัตโนมัติ เป็นคนที่ตรงไปตรงมาจริงๆ
เบลล์ยิ้ม “ประธานเหยียนก็บริหารงานเก่งเหมือนกันค่ะ”
อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนมีอำนาจ คนแปลกหน้ามักจะไม่วิพากษ์วิจารณ์เหยียนเค่อตรงๆ แต่เบลล์กลับไม่กลัวเขา ในเมื่อเหยียนเค่อไม่ชอบคุยกับคนอื่นนัก เธอก็ไม่อยากปิดบังแก่นแท้ของตนเช่นกัน
เหยียนเค่อไม่พูด ปล่อยให้เธอวิพากษ์วิจารณ์
“คุณอายุน้อยกว่าฉัน แต่เมื่อเห็นคุณฉันก็เข้าใจว่าอะไรคือความหมายของคำว่า ‘มีความสามารถไม่ได้หมายความว่าต้องอายุมาก’ ฉันชื่นชมคุณมาก ถึงขั้นนับถือเลยล่ะ” เบลล์พูดอย่างจริงใจ และไม่สนด้วยว่าเหยียนเค่อจะคิดอย่างไร “ฉันคิดว่าคุณน่าจะเป็นที่รักของทุกคนแน่เลยค่ะ”
เหยียนเค่อเข้าใจจุดประสงค์ที่เบลล์เอ่ยคำนี้ออกมา สถานะของเธอไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้อง แต่เป็นความประทับใจแรกระหว่างคนแปลกหน้าสองคนมากกว่า
“คุณพกกระบอกน้ำเก็บความร้อนด้วยเหรอคะเนี่ย” เบลล์กำลังพูดอย่างกระตือรือร้นอยู่นั้นก็เห็นว่าเหยียนเค่อหยิบกระบอกน้ำเก็บความร้อนขึ้นมาไว้ทางด้านขวามือ ก่อนจะนั่งจิบน้ำอย่างนิ่งเฉย
เหยียนเค่อพูดเป็นเชิงให้เธอพูดต่อ “ช่วงนี้ระคายคอน่ะครับ”
คนที่มากไปด้วยความสามารถต้องมีพฤติกรรมแปลกประหลาดไม่มากก็น้อย เบลล์ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็เมินเฉยต่อคำพูดนั้นไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออีก
คนหนึ่งนั่งดื่มน้ำ คนหนึ่งยกแก้วขึ้น นั่งตรงข้ามกันเงียบๆ
ตอนที่ 362 ตำแหน่ง
“คุณรู้สึกอย่างไรกับฉันในครั้งแรกที่พบกันบ้างคะ” เบลล์ทนไม่ไหวกับบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้
เหยียนเค่อดูเคร่งขรึมยิ่งกว่าเหยียนเฟิงเสียอีก
เหยียนเค่อพูดตามตรงอย่างไม่ไว้หน้า “ไม่มีความรู้สึกอะไรครับ”
“หืม?” เสียงของเบลล์ขึ้นสูง ไม่บอกว่าเธอสวย บอกว่ามีมาดก็ได้นี่นา
เหยียนเค่อเงยหน้าขึ้นมองเธอปราดหนึ่ง “ผมไม่มีความสนใจทั้งกับผู้ชายและผู้หญิงครับ”
“งั้นคุณก็หลงตัวเองงั้นเหรอคะ” เบลล์พบว่าเมื่อเธออยู่ต่อหน้าเหยียนเค่อแล้วกลับทำตัวเคร่งขรึมเหมือนอยู่กับเหยียนเฟิงไม่ได้เลย อาจจะเป็นเพราะเหยียนเค่อดูเย็นชากว่าเหยียนเฟิง แต่ความจริงแล้ว
เหยียนเค่อดูอบอุ่นและใจกว้างกว่าเหยียนเฟิงอยู่มาก
“ทำไมคุณพูดมากจังล่ะครับ” พูดมากน่ารำคาญจริงๆ เหยียนเค่อขมวดคิ้วอย่างติดรำคาญ
ขนาดขมวดคิ้วยังดูดีเลย เบลล์ชื่นชมความงามตรงหน้า ถ้าใครได้แต่งงานกับเหยียนเค่อ มองหน้าของเขาไปตลอดชีวิตก็คงไม่เบื่อเลย
ถ้ารู้แต่แรกว่าเธอจะทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้เขาไม่มีทางมาด้วยตัวเองหรอก แถมยังหาเรื่องด้วยการมาก่อนเวลานัดอีก
“คุณบอกฉันได้ไหมคะว่าจะจัดให้ฉันไปอยู่ในตำแหน่งไหน” เบลล์เองก็รู้ว่าถ้าขืนพูดต่อเหยียนเค่อน่าจะกลับไปเสียก่อน จึงปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมขึ้นแล้วเริ่มคุยเรื่องสำคัญกับเขา
“เป็นผู้ช่วยของผมเป็นไง?” เหยียนเค่อถาม ตอนแรกเขาก็คิดว่าตำแหน่งนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่จากการที่พูดคุยกับเบลล์เมื่อกี้แล้ว ความสามารถของเบลล์ไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน
ความจริงเบลล์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็พึงพอใจแล้ว อย่างไรเสียการเป็นผู้ช่วยให้เหยียนเค่อกับการเป็นผู้ช่วยให้เหยียนเฟิงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขณะจะตอบรับ ก็ได้ยินเสียง
เหยียนเค่อพูดขึ้นช้าๆ เสียก่อน “คุณเลือกเองแล้วกัน”
เบลล์มองเขาด้วยความตกใจ เลือกเอง? ทำไมถึงให้ความสำคัญกับเธอขนาดนั้น?
“ข้างกายผมไม่มีผู้ช่วยผู้หญิง และก็ไม่ต้องการผู้ช่วยผู้หญิง ไม่ได้เหยียดนะ ก็แค่เวลาทำอะไรแล้วมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไรน่ะ ให้คุณมาเป็นผู้ช่วยก็แค่เป็นตัวเลือกสำรองข้อหนึ่ง พอเจอคุณแล้วผมก็คิดว่าคุณเลือกเองจะดีกว่า” เหยียนเค่อพูดจบก็รู้สึกคันคออยากจะไอขึ้นมา
อารมณ์ความรู้สึกที่ถูกสะกดกลั้นอยู่ในใจมาทั้งวันของเบลล์ในที่สุดก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น “คุณนี่ตาถึงจริงๆ”
เหยียนเค่อก็ไม่อยากลองใจอะไรเธอมาก “รองผู้จัดการของฮุยเถิง สนใจไหมครับ”
เบลล์ตกตะลึงพรึงเพริด “คุณกล้าให้ฉันเข้าไปจัดการฮุยเถิงเลยเหรอคะ”
เหยียนเค่อก็พอจะเดาไว้ว่าเธอคงจะรู้เรื่องราวภายในอยู่บ้าง นั่งรอเธอตอบตกลงอย่างรำคาญใจ “คุณรีบตัดสินใจเถอะครับ เย็นนี้ผมมีนัดทานข้าวนะครับ”
“ฉันนึกว่าคุณจะชวนฉันไปกินมื้อเย็นซะอีก” เบลล์หยอกล้อ อย่างไรเสียในอนาคตเธอก็คงไม่ได้อยู่ในสายตาของเหยียนเค่อแล้ว ถือโอกาสนี้ยั่วยวนเสียหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร
เหยียนเค่อไม่ตอบ เบลล์ก็กลัวว่าจะทำให้เจ้านายท่านนี้โมโหขึ้นมาจริงๆ เสียก่อนจึงรีบตอบตกลง “ฉันตกลงค่ะ เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าเหยียนเฟิงจะเอายังไงกันแน่”
จะปลดเธอออกจากตำแหน่งหรือแค่โยกย้ายตำแหน่ง เบลล์เองก็ไม่แน่ใจว่าเหยียนเฟิงจะให้เธอไปทำงานในแผนกย่อยของเหยียนกรุ๊ปหรือเปล่า
เหยียนเค่อรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของเบลล์กับเหยียนเฟิงอาจจะไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น โดยเฉพาะนิสัยของพี่ชายเขาที่ไม่ยอมปล่อยคนของตัวเองไปง่ายๆ ด้วยแล้ว
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เบลล์นึกว่าเขาคิดอะไรออก จึงนั่งรอให้เหยียนเค่อออกไอเดียให้เธออย่างคาดหวัง แต่เหยียนเค่อกลับเอียงคอมองเธอ “ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว”
โดยไม่รู้ตัว พวกเขาสองคนก็นั่งในนี้มาสองชั่วโมงแล้ว
เบลล์ก็ยอมว่าตามแต่โดยดี “ค่ะ งั้นเราไปทานข้าวกัน”
เหยียนเค่อรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร แต่เบลล์ไม่จำเป็นต้องรู้ พูดตามตรงเขาก็ไม่อยากออกไปกินข้าวกับผู้หญิงคนนี้สักเท่าไร
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” เบลล์พูดจบก็เห็นว่าเหยียนเค่อกำลังใช้สีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองมองมาที่เธออยู่ สีหน้านั้นลึกซึ้งยากเกินจะคาดเดา