ตอนที่ 387 วางแผน
ชวีไหน่ดูภาพวงจรปิดอย่างเอือมระอา ก่อนจะเอ่ยค่อนแคะกับลูกน้อง “นี่มันเป็นการบอกลูกน้องโต้งๆ เลยไม่ใช่หรือไงว่าเขาโดดงานน่ะ”
“พี่ชวีนี่เหมาะสมกับท่านประธานจังค่ะ มีแต่พี่นี่แหละที่กล้าว่าท่านประธานแบบนี้”
“หา?” ถึงแม้ว่าชวีไหน่จะรู้ว่าที่เขาพูดนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกขัดเขินอยู่นิดๆ “พูดบ้าอะไรเนี่ย ท่านประธานมีผู้หญิงที่ชอบแล้ว”
“อ้อ” น้ำเสียงของลูกน้องสื่อความหมายลึกซึ้ง แค่ฟังก็รู้แล้วว่าไม่เชื่อ “รู้ดีขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใครล่ะเนอะ”
“ใช่ๆ” อีกคนพูดเสริม “พวกพนักงานก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น พี่ชวี เราฝากความหวังไว้ที่พี่นะ”
ชวีไหน่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หัวใจกลับสั่นไหว
“โอ๊ย เห็นพี่ชวียิ้มหวานขนาดนี้แล้ว ฉันล่ะอิจฉาจริงๆ เลย”
“บ้านแกสิ” ชวีไหน่ด่าทั้งรอยยิ้ม
พวกเขาสองสามคนเดินเคียงกันกลับไปห้องทำงาน
เหยียนเค่อเจอกับเบลล์ที่ลงมาพอดีในระหว่างที่รอลิฟต์อยู่
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
เหยียนเค่อพยักหน้า กำลังจะเดินเข้าลิฟต์
เขาเพิ่งเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ เบลล์ก็เรียกเขาไว้เสียก่อน “ท่านประธานคะ”
“หืม?” เหยียนเค่อหันกลับมามองเธออย่างไม่เข้าใจ
“ระวังคนข้างกายไว้ให้ดีนะคะ ทางที่ดีสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกเขาให้ละเอียดด้วย” เบลล์ในฐานะพนักงานใหม่ ความจริงก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากนัก แต่สิ่งที่ควรเตือนก็ต้องเตือน “พยายามหาคนที่เกี่ยวข้องกับพี่ชายคุณ มีหลายเรื่องที่ไม่ได้ชัดเจนเหมือนที่เห็นอยู่ตอนนี้”
เหยียนเค่อเลิกคิ้วเบาๆ เขาไม่ได้ถือสาอะไร ก่อนจะพยักหน้า “ขอบคุณที่เตือนครับ”
สิ่งที่เบลล์ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว เหยียนเค่อจะทำหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว อย่างไรเสียเธอพูดออกไปแล้วก็ไม่มีความรับผิดชอบอะไรแล้ว
เหยียนเค่อขบคิดมาตลอดทางก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะเบลล์เห็นคนของเหยียนเฟิงที่บริษัทของ YAN แล้ว สวีอันหรานยังนั่งพลิกปฏิทินดูอย่างเมามัน การที่ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันทำเอาเขาสะดุ้งตกใจ
“ทำไมนายเพิ่งมา” สวีอันหรานเอาปฏิทินกลับไปวางที่เดิม ก่อนจะตบโต๊ะอย่างดุดัน
เหยียนเค่อเดินไปปรายตามองเขาแล้วจัดปฏิทินของตัวเองให้เข้าที่ “ต่อไปห้ามมาแตะต้องของของฉันอีก ลุกขึ้นมา!”
สวีอันหรานไม่ลุก นั่งเท้าคางเงยหน้ามองเขา “นายมีเรื่องอะไรปิดบังฉันใช่ไหม”
“นายเจอเบลล์เหรอ”
“นายรู้ได้ไง” สวีอันหรานมองเขาอย่างฉงนใจ ไอ้หมอนี่คงไม่มีสายสืบคอยรายงานหรอกนะ
เหยียนเค่อนั่งพิงลงบนโต๊ะ หยิบของชิ้นอื่นๆ กลับไปวางไว้ที่เดิม “เมื่อกี้ฉันเจอเขาข้างล่าง”
“ฮะ? ตอนฉันเข้ามาเขาก็จะออกไปอยู่แล้วนะ นายไปเจอเขาได้ยังไง”
เหยียนเค่อรู้ดีว่าสวีอันหรานคิดอะไรอยู่ “อย่าคิดสกปรกกับเขาน่า นายคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนนายหรือไง” เหยียนเค่อยิ้มมีเลศนัย
“เฮ้ย นายพูดงี้หมายความว่าไงวะ!” สวีอันหรานไม่ยอม “ฉันคิดสกปรกตรงไหน!”
“คิดถึงรถตัวเองก่อนเถอะค่อยมาพูดเรื่องนี้กับฉัน”
สวีอันหรานมองเหยียด “เหอะ คนที่ไม่ได้กินเนื้อยังจะกล้าพูดอีกเหรอ”
“…” เหยียนเค่อไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว “เบลล์เตือนฉันว่าให้สืบประวัติคนในบริษัททั้งหมด”
“พูดก็ง่ายน่ะสิ คนเยอะขนาดนี้จะสืบหมดได้ยังไง” สวีอันหรานจับนาฬิกาเรือนเล็กในมือเล่น
เหยียนเค่อใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะเบาๆ “เริ่มจากคนที่ใกล้ตัวฉันที่สุดก่อน เอารายชื่อคนที่เจอเบลล์ในวันนี้มาให้ฉันชุดหนึ่งด้วย ฉันคิดว่าเขาคนนี้ต้องไม่เห็นเบลล์ แต่เบลล์น่าจะเห็นเขา” อย่างไรเสียผู้หญิงคนนั้นก็ต้องปกป้องตัวเอง ไม่มีทางเปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนของเหยียนเฟิงแน่นอน
เมื่อลองคิดดู เขาก็พูดเสริมขึ้นมา “โดยเฉพาะคนที่อยู่ชั้นเดียวกันฉัน”
“ได้” สวีอันหรานยอมแพ้ ก่อนจะพึมพำเสียงเบา “เบลล์…ชื่อเบลล์ไม่เห็นจะเพราะเลย ไม่มีชื่อภาษาจีนเหรอ”
“ไม่มี” ทำไมเรื่องมากนักนะ
“โอ้โฮ แตะต้องไม่ได้เลย” สวีอันหรานยื่นมือไปจี้เข้าที่เอวบางของเหยียนเค่อ “ชอบเขาหรือเปล่าเนี่ย ปกป้องกันขนาดนี้!” เขายังไม่ทันพูดจบก็ร้องโอดครวญออกมาเสียก่อน
ตอนที่ 388 กลัวการแต่งงาน
เหยียนเค่อใช้สองนิ้วจับเข้าที่นิ้วชี้ของเขาแล้วดัดไปอีกด้าน “อย่ามาโดนตัวฉัน”
“โอ๊ยๆๆ ปล่อยนะเว้ย!” สวีอันหรานรู้สึกเหมือนนิ้วของตนใกล้จะหลุดอยู่แล้ว ไอ้ผู้ชายโหดเ**้ยมไม่มีความปรานี!
เหยียนเค่อสะบัดมือเขาทิ้ง “นายมาหาฉันมีอะไรกันแน่”
“นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าตกลงนายชอบเขาหรือเปล่า!” สวีอันหรานประคองมือของตัวเอง แล้วด่าเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง
เหยียนเค่อหันกลับไปมองเขา “นายคงไม่อยากได้สมองแล้วใช่ไหม”
สวีอันหรานถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อรักษาระยะห่างจากเหยียนเค่อ ทำให้เสียงของตนฟังดูเคร่งขรึมราบเรียบขึ้นมาสักหน่อย “นายช่วยฉันวางแผนพิธีแต่งงานหน่อยสิ”
“เหอะๆ” เหยียนเค่อกระตุกมุมปาก แต่ในสายตาของสวีอันหรานนั้นช่างดูชั่วร้ายยิ่งนัก
เขารีบเปลี่ยนคำพูด “คิดว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกันนะ ไม่ได้พูดอะไรเลย”
เห็นเขาเป็นนักวางแผนให้ฟรีหรือไง เหยียนเค่อเอ่ยเตือนอย่างไม่ใส่ใจนัก “แฟนนายก็ยังมี
ซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ไม่ใช่หรือไง”
“แฟนฉันบอกว่าซย่าเสี่ยวมั่วอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาซากกระดูกไปแขวนไว้ในงานแต่งของเราก็ได้ ก็เลย…”
สองผัวเมียคู่นี้ช่างประหลาดคนจริงๆ มีนักออกแบบวางแผนชื่อดังมากมายไม่ไปจ้าง ดันมาใช้แรงงานคนรอบตัว
“ปีที่แล้วฉันจองตัวนักออกแบบผู้ชายชาวอิตาลีมา ใครจะไปรู้ว่าเดือนมีนาคมปีนี้เขาจะขึ้นสวรรค์ไปพบพระเจ้าเล่า” สวีอันหรานก็จนใจ ช่วงเวลาแบบนี้ให้ไปแย่งคนมาได้ แต่ก็ไม่ไว้ใจเรื่องคุณภาพ
“แสดงให้เห็นว่า พวกนายไม่ควรจัดงานแต่ง” เหยียนเค่อจัดแขนเสื้อของตัวเอง
ตอนที่นักออกแบบคนนั้นเสียชีวิต สวีอันหรานก็คิดแบบนี้เหมือนกัน จึงไม่ได้จองตัวใครอีก แต่สุดท้ายตอนนี้เขาพูดเรื่องตารางเวลาที่จะใช้จัดงานแต่งของตนกับสวีรั่วชีแล้วก็พบว่ายังไม่มีนักวางแผน
“ใครจะไปรู้เล่า” สวีอันหรานคิดว่าจะกลับไปแย่งตัวมาสักสามสี่คน คนเดียววางแผนได้ไม่ดี สามสี่คนก็คงพอได้อยู่
จู่ๆ เหยียนเค่อก็คิดถึงคนว่างงานคนหนึ่ง จึงเอ่ยแนะสวีอันหราน “ฉันหาให้นายได้คนหนึ่ง น่าจะมีชื่อเสียงพอๆ กับคนอิตาลีคนนั้น”
จากนั้นก็เอาเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคนคนนั้นให้สวีอันหรานไปทั้งหมด “คนนี้จะประหลาดหน่อยๆ อย่าไปเร่งเขา เดี๋ยวถึงเวลาเขาก็เอางานมาให้เอง ถ้าอยากทำเผื่อไว้ นายก็หาคนอื่นมาทำแทน เป็นแผนสำรองไว้ก่อน”
“ได้” สวีอันหรานไว้ใจเหยียนเค่อ ในเมื่อเขาเป็นคนแนะนำมา ถ้านิสัยประหลาดก็เป็นเรื่องปกติ
“นายจะไปได้หรือยัง” เหยียนเค่อพูดธุระจบก็เริ่มส่งแขก
สวีอันหรานนอนฟุบลงบนโต๊ะไม่อยากลุกขึ้น “ทำไมนายใจร้ายจังล่ะ!”
“งั้นฉันไปก่อนล่ะ นายก็นอนต่อไปเถอะ” เหยียนเค่อยันโต๊ะแล้วตั้งท่าจะเดินออกไป แต่ก็มีมือข้างหนึ่งคว้า ขวับ เข้าที่นิ้วของเขาก่อน
“อย่าเพิ่งไปสิ ตอนนี้ฉันกลัวมากเลย” สวีอันหรานบีบนิ้วที่เห็นรอยข้อต่ออย่างชัดเจนของ
เหยียนเค่อ ก่อนจะจ้องมองมือของเขาเขม็ง
“รีบพูดมา” เหยียนเค่อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเดี๋ยวนี้เจ้าหมอนี่ถึงชักช้าลีลาได้ขนาดนี้
“ถ้าต่อไปให้นายใช้ชีวิตอยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วตลอดชีวิต นายจะรู้สึกกลัวหรือเปล่า”
“ไม่” เหยียนเค่อตอบอย่างรวดเร็วฉับไว กลัวสวีอันหรานเข้าใจผิดจึงอธิบายต่อ “เพราะตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันมันก็ดี”
“ฉันหมายถึงชีวิตคู่แบบสามีภรรยาน่ะ ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วชอบนายแล้วจะมีความสุขไปได้ทุกวันไหม”
คำพูดของสวีอันหรานเหมือนเป็นการย้ำเตือนเหยียนเค่อ ว่าตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ชอบเขา ก็เลยต้องใช้ชีวิตอย่างโหดร้ายแบบนี้
“นายอย่าเข้าใจผิดสิ” สวีอันหรานเองก็พบว่ามีช่องโหว่อยู่ในคำพูดของตน “ฉันแค่สมมติ”
“ก็คือ ตอนนี้นายกลัวการแต่งงานว่างั้น? ไม่อยากแต่งแล้ว?”
“บ้านแกสิ! ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” สวีอันหรานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
สวีรั่วชีเป็นคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา กว่าจะได้มานั้นก็ไม่ง่าย จะไม่แต่งได้อย่างไร เขาก็แค่กลัวสิ่งที่ไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เท่านั้น