บทที่ 119 ความลับ
“ฝีปากของเจ้าช่างเก่งกล้าเหลือเกินนะ” หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ข้านึกว่าการทรยศอาจารย์ของตัวเองจะเป็นจุดต่ำสุดของเจ้าแล้วเสียอีก ที่ไหนได้ เจ้ากลับชั่วช้าเกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้หลายเท่า แม้แต่หมามันยังไม่คิดแว้งกัดผู้มีพระคุณ สำหรับกับคนเช่นเจ้า เพื่อเอาอกเอาใจไป๋ไห่ชิน เจ้าถึงกับกล้าพูดดูถูกอาจารย์ติงต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร้ยางอายนัก”
ไม่มีความละอายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉาพั่วเถียน
เด็กหนุ่มผมทองเพียงยิ้มมุมปาก พูดว่า “ติงเล่ยควรเป็นอาจารย์ของข้าเสียเมื่อไหร่กันเล่า? ถ้าเขาไม่ได้ทำให้ข้าเสียเวลาถึง 3 ปีเต็ม ข้าก็คงได้เป็นศิษย์เอกของเมืองไป๋หยุนไปนานแล้ว”
“ติงเล่ย?” หลินเป่ยเฉินทำท่ายกมือดันแว่นด้วยความเคยชินอีกครั้ง
“ชื่อนี้มัน…”
เขาหันกลับไปถามอาจารย์ชราว่า “อาจารย์ติงขอรับ ทำไมชื่ออาจารย์เหมือนคนขายหมูชอบกล?”
ปรากฏว่าอาจารย์ติงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ติงเล่ย
การพูดชื่อจริงออกมา หมายถึงการประกาศตัดขาดอย่างเป็นทางการ
“เจ้าคนสารเลวเนรคุณ อยากให้ข้าใช้กระบี่ด้วยมือซ้ายใช่ไหม? ฮ่าฮ่า จัดให้ตามที่ขอ” หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
เขาใช้มือซ้ายชักกระบี่โดราน พร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าชอบเดิมพันกับผู้คนใช่หรือไม่? ครั้งนี้เรามาเดิมพันกันดีไหม? หากเจ้าชนะ ข้าจะมอบกระบี่ของข้าให้เจ้า เจ้าจะเลือกอาวุธของข้าชิ้นไหน จะเอาไปทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องส่งกระบี่ของเจ้ามาให้ข้าเช่นกัน เจ้าว่าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่?”
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เซี่ยหยุนหรงพลันเงยหน้าขึ้นมามองหลินเป่ยเฉินด้วยความประหลาดใจ
เฉาพั่วเถียนเลิกคิ้วขึ้นสูง
หลินเป่ยเฉินยังคงพูดต่อว่า “อย่าเงียบสิ ข้าใจคอไม่ดีเลยนะ เจ้าไม่กล้าเดิมพันเสียแล้วหรือ?”
เฉาพั่วเถียนแสะยิ้ม “ถ้าเจ้าแพ้ อาวุธของเจ้าทั้ง 3 ชิ้น ต้องเป็นของข้า”
หลินเป่ยเฉินยักไหล่ “ไม่มีปัญหา”
เมื่อพูดออกไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็แอบทำปากขมุบขมิบว่า
“เสี่ยวจี้ เสี่ยวจี้ ทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ระบบได้เปลี่ยนการตั้งค่ามาใช้งานกระบี่ด้วยมือซ้ายสมบูรณ์แล้ว” ผู้ช่วยอัจฉริยะส่งเสียงตอบ
ในเวลาเดียวกันนี้ ภายในแอปพลิเคชั่น ‘กระบี่สายน้ำไหล’ ซึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ มันกำลังเป็นภาพตัวการ์ตูนจำลองของหลินเป่ยเฉินสลับโหมดหันมาถือกระบี่ด้วยมือซ้ายเรียบร้อยแล้วจริงๆ
แต่เขาแอบติดตั้งแอป ‘กระบี่สายน้ำไหล’ ลงในโทรศัพท์เมื่อไหร่กัน?
แน่นอนว่าตอนที่เด็กหนุ่มคุยโวกับทุกคน ว่าตนเองมีความสามารถในการอ่านรวดเร็วระดับคอมพิวเตอร์ควอนตั้มนั้น หลินเป่ยเฉินได้แอบสั่งให้ผู้ช่วยอัจฉริยะทำการสแกนคัมภีร์และติดตั้งแอปพลิเคชั่นแล้วนั่นเอง
มิฉะนั้น ต่อให้หลินเป่ยเฉินเป็นมือกระบี่ดาวรุ่งยอดอัจฉริยะตัวจริง การจะมีฝีมือระดับนี้ได้ ก็คงต้องใช้เวลาฝึกฝนนานนับเดือนเป็นแน่แท้
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว
“เตรียมตัวรับกระบี่ของข้าให้ดี”
หลินเป่ยเฉินแทงกระบี่ออกไปข้างหน้า
ครั้งนี้ เขาใช้งานกระบี่โดราน
เด็กหนุ่มถือกระบี่โดรานด้วยมือซ้าย
คมกระบี่สาดประกายวูบ
เสียงคลื่นน้ำถาโถมเข้าฝั่งดังขึ้นในอากาศอีกครั้ง
เสียงดังปานฟ้าคำราม
“นี่มันอะไรกัน? เดี๋ยวก่อนนะ…ทำไมหลินเป่ยเฉินถึงได้ดูแข็งแกร่งขึ้น?”
บรรดามือกระบี่ดาวรุ่งเด็กหนุ่มเด็กสาวเบิกตาโต ดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
ทุกคนเห็นชัดถนัดตาว่าวิชา ‘กระบี่สายน้ำไหล’ ที่หลินเป่ยเฉินใช้ออกมาด้วยมือซ้าย มีความรุนแรงมากยิ่งกว่าตอนที่เขาใช้งานด้วยมือขวาเสียอีก
เคล้ง!
เฉาพั่วเถียนตวัดกระบี่ขึ้นโจมตี
เด็กหนุ่มทั้งสองคนต่างใช้กระบวนท่าแรกของวิชากระบี่สายน้ำไหลอีกครั้ง
กระบี่ปะทะกัน
ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถยืนหยัดได้มั่นคงดั่งขุนเขา
กลายเป็นฝ่ายเฉาพั่วเถียนที่ซวนเซไปเล็กน้อย
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
เฉาพั่วเถียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าการโจมตีด้วยมือซ้ายของหลินเป่ยเฉิน มีความแข็งแกร่งและอันตรายมากกว่ามือขวา
ก่อนหน้านี้ เพียงโคจรพลังลมปราณลงไปในตัวกระบี่ เขาก็สามารถต้านทานการโจมตีของหลินเป่ยเฉินได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่บัดนี้ เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินสามารถใช้วิชากระบี่สายน้ำไหลได้ลึกซึ้งกว่าเขาหลายเท่า และได้ก้าวขึ้นสู่บทที่เฉาพั่วเถียนยังไม่ได้เรียนรู้ด้วยซ้ำ
“บ้าจริง มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” เฉาพั่วเถียนคิดด้วยความหงุดหงิดอยู่ในใจ
ความจริงเรื่องนี้คือความลับ
ความลับที่ไม่มีใครรู้
ที่จริงแล้ว เฉาพั่วเถียนได้อ่านคัมภีร์วิชากระบี่สายน้ำไหลครบจบทั้งเล่มแล้วหนึ่งวันก่อนหน้านี้
เขาแอบฝึกฝนมาล่วงหน้า
ไม่มีใครรู้ความลับข้อนี้ นอกจากอาจารย์ของเขา ไป๋ไห่ชิน
แม้แต่เฒ่าทะเลผู้ควบคุมการประลอง ก็ไม่ทราบเช่นกัน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เฉาพั่วเถียนมั่นใจมากว่าตนเองต้องชนะ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มผมทองยากจะยอมรับได้
ต่อให้เขาฝึกหนักกว่านี้ ก็ยังต้องแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน ซึ่งมีเวลาอ่านคัมภีร์แค่ 2 ก้านธูปอยู่ดี
นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ในด้านกระบี่ของเขา เป็นรองเจ้าแกะดำไร้ความสามารถอย่างนั้นหรือ?
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
กระบี่แทงออกไปด้วยความเร่าร้อน
กระบี่โดรานหนักหน่วงดั่งหินผา การโจมตีแต่ละครั้งมาพร้อมคลื่นแรงกระแทกอันบ้าคลั่ง ไม่ต่างจากคลื่นทะเลซัดใส่ชายฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงคลื่นน้ำดังอื้ออึงในอากาศ ให้ความรู้สึกเหมือนทุกคนกำลังอยู่ที่ชายทะเลอย่างไรอย่างนั้น
เฉาพั่วเถียนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
“บัดซบ วิชากระบี่สายน้ำไหลเป็นวิทยายุทธ์ระดับ 2 ดาวเท่านั้น ต่อให้เรามีพลังสูงกว่านี้ก็ไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ เราทำความเข้าใจคัมภีร์ได้ไม่เก่งเท่าหลินเป่ยเฉิน เพราะฉะนั้น ถึงจะฝึกวิชาเดียวกัน แต่ความเข้าใจก็ต่างกัน เมื่อใช้กระบวนท่าออกมา เราจึงต้องตกเป็นรองมันแล้ว หากสู้กันเช่นนี้ต่อไป เราต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่!”
เฉาพั่วเถียนเริ่มคิดด้วยความเป็นกังวล
ดวงตาของเขาเป็นประกายดุร้าย
“เถียนเอ๋อร์ อาจารย์จะสอนกระบวนท่าไม้ตายให้เจ้าได้รู้เอาไว้ บางทีเจ้าอาจต้องใช้ในยามฉุกเฉิน มันเป็นกระบวนท่าไม้ตายที่ซ่อนอยู่ในวิชากระบี่สายน้ำไหล มีนามว่ากระบวนท่า ‘กระบี่สายน้ำเย็น’ หากวันพรุ่งนี้เจ้าพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ให้ใช้กระบวนท่านี้ในยามคับขัน เพราะมันมีพลังการโจมตีรุนแรงมาก และจะต้องทำให้ตาเฒ่าทะเลนั่นประทับใจได้แน่นอน…”
นี่คือสิ่งที่อาจารย์ไป๋ไห่ชินได้กล่าวเอาไว้เมื่อวานนี้
ตอนแรก เฉาพั่วเถียนมั่นใจว่าการประลองวันนี้ ตนเองต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน
ใครเลยจะคิดว่าหลินเป่ยเฉินกลับมาได้ไกลถึงเพียงนี้
ถ้าอย่างนั้น…
“หลินเป่ยเฉิน วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉาพั่วเถียนก็เปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน และแสดงกระบวนท่าที่ 20 กับ 21 ออกมาทันที
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็กุมด้ามจับกระบี่พิฆาตสวรรค์ด้วยสองมือ เพื่อเพิ่มความหนักแน่นของการโจมตี แล้วในทันใดนั้นเอง ตัวกระบี่ก็มีลำแสงสีน้ำเงินเหมือนคลื่นน้ำพุ่งออกมาสว่างไสวไปรอบบริเวณยามที่คมกระบี่ตวัดผ่าน
นี่คือท่าไม้ตายกระบวนท่า ‘กระบี่สายน้ำเย็น’
มวลอากาศบนเวทีประลองพลันปั่นป่วนขึ้นในพริบตา
กลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งได้ยินเสียงคลื่นน้ำสาดใส่เต็มรูหู ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ไม่ต่างจากถูกคลื่นน้ำกระแทกเข้าเต็มแรง ทุกคนจึงต้องส่งเสียงอุทานและลุกถอยออกมาให้ห่างจากเวทีประลองมากขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?”
“วิชากระบี่สายน้ำไหลมีกระบวนท่านี้อยู่ด้วยหรือ?”
“อย่าบอกนะว่า…นี่คือกระบวนท่าไม้ตาย ที่บรรจุอยู่ในส่วนท้ายของคัมภีร์?”
บรรดามือกระบี่อาวุโสพร้อมใจกันอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ดวงตาของเฒ่าทะเลเป็นประกายวิบวับ แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลง “ไม่ได้การ มันไม่ควรเป็นเช่นนี้…”
ครืน!
กระบี่ทั้ง 2 เล่มปะทะกัน
หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆลอยตัวขึ้นสูงและล่าถอยออกมาประมาณ 10 วา ก่อนที่จะทิ้งตัวกลับลงมาบนพื้นเวทีด้วยอาการโซเซเล็กน้อย กว่าจะยืนตั้งหลักได้มั่นคง หลินเป่ยเฉินต้องเซถอยหลังไปอีก 6 ก้าว ร่างกายครึ่งซีกเหมือนถูกค้อนขนาดยักษ์ทุบใส่ไม่ยั้ง ส่งผลให้ตอนนี้เด็กหนุ่มทำท่าเหมือนจะหมดสติเสียแล้ว
“ให้มันจบที่ตรงนี้เถอะ” เฉาพั่วเถียนยืนเอากระบี่ชี้หน้าคู่ต่อสู้ แววตาดูถูก รอยยิ้มเหยียดหยาม “หลินเป่ยเฉิน เจ้าแพ้แล้ว”
เฉาพั่วเถียนมั่นใจมากกับการใช้ท่าไม้ตายเมื่อสักครู่นี้ ต่อให้ไม่สามารถทำให้เจ้าแกะดำบาดเจ็บสาหัสได้ก็ตาม แต่อย่างน้อย หลินเป่ยเฉินก็เกือบจะหมดสติแล้ว เห็นได้ชัดว่าอวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง พลังลมปราณกระจัดกระจาย ไม่สามารถรวบรวมเรี่ยวแรงกลับมาต่อสู้ได้อีกแน่นอน
น่าเสียดายที่ฆ่าให้ตายไม่ได้
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว” หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าปางห้ามญาติ “ข้าเวียนหัวจนจะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย”
หลังจากปรับระดับลมหายใจเล็กน้อย เจ้าแกะดำก็กล่าวต่อ “เจ้าคิดว่าแค่ใช้ท่าไม้ตายออกมา ก็จะได้รับชัยชนะแล้วหรือ? ฮ่าฮ่า เดี๋ยวข้าจะทำให้ดูเองว่าท่าไม้ตายของวิชา ‘กระบี่สายน้ำไหล’ ที่แท้จริงมันเป็นเช่นไร”
วูบ!
กระบี่โดรานตวัดวาบ
แล้วคมกระบี่ก็สาดประกายเจิดจ้าผ่านท้องฟ้ายามราตรี