บทที่ 148 เทพีกระบี่หิมะไร้นาม
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?” หลินเป่ยเฉินหยั่งเชิงถามออกไป
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ตอบกลับมาว่า “ข้าไม่รู้หรอก ท่านบอกมาเถอะว่าตนเองเป็นใคร”
อิอิ
ไม่รู้แบบนี้ ก็หวานหมู
ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะ
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ตอบกลับไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ข้าคือหนุ่มหล่อที่ทะลุมิติมาอยู่ต่างโลกโดยไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ”
ที่พิมพ์ออกไปเป็นความจริงทุกประการ
ก็เขาทะลุมิติมาอยู่ต่างโลกจริงๆ นี่นา
“ข้าอยากกลับไปที่โลกของตนเองเสมอ เทพีกระบี่หิมะไร้นาม ท่านยังอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้าใช่ไหม? หรือว่าท่านคือเทพกระบี่ในตำนาน?”
เด็กหนุ่มสอบถามออกไปอีกครั้ง ข้อความเปลี่ยนรูปแบบประโยคให้สุภาพมากขึ้น
“ข้ายังอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้า แต่ว่า…แหะแหะ ข้าไม่ใช่เทพกระบี่หรอก รายนั้นนางเป็นสุดยอดเทพเจ้าตัวท็อป เก่งกาจทั้งด้านบุ๋นด้านบู๊ เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน มีสาวกคอยติดตามผลงานจำนวนนับไม่ถ้วน แม้แต่ในหมู่เทพเจ้าด้วยกันเองก็ไม่มีใครกล้าหือกับนางด้วยซ้ำ…ส่วนตัวข้านั้นเป็นเพียงเทพเจ้าฝึกหัด…แต่เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย น้องชาย ท่านไปทำอะไรมา ถึงถูกส่งตัวลงไปอยู่ที่โลกนั้นได้เล่า?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบคำถามด้วยการตั้งคำถาม
ตกลงว่ายัยนี่ไม่ใช่เทพกระบี่สินะ
ดูเหมือนนางจะอยู่ใต้อำนาจของเทพกระบี่อีกที
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ตอบกลับไปโดยไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย “ในเมื่อไม่ใช่เทพกระบี่ แล้วจะมาเอาของสักการะของนางไปทำไม? ข้าเห็นนะ เจ้ากำลังดูดซับพลังไปจากศิลาปราณธาตุ…นี่เจ้ากำลังขโมยของบูชาจากผู้อื่นอยู่ใช่ไหม?”
จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้แหละ
แต่เด็กหนุ่มตั้งใจถามแบบหว่านแหดูก่อน
คอมเมนต์ที่ตอบกลับมาเป็นคำตอบของทุกอย่าง
“ฮื่อ อย่าไปบอกใครเชียวนะ”
เมื่อเห็นประโยคนั้นปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ หลินเป่ยเฉินก็นึกภาพออกเลยว่าบัดนี้อีกฝ่ายหนึ่งคงกำลังนั่งถือโทรศัพท์ ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนกหมดแล้ว
แต่ดูเหมือนการสื่อสารจะขัดข้อง
หลังรอคอยอยู่อีกพักใหญ่ ก็ไม่มีคำตอบใดเพิ่มเติมกลับมา
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็ตัดสินใจทักแชทส่วนตัวไปว่า
“เจ้ายังอยู่หรือเปล่า?”
“หายไปไหนแล้ว?”
“เมื่อสักครู่นี้ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น”
และเทพีปริศนาก็ยังคงไม่ตอบกลับมาอยู่ดี
แต่อย่างน้อย ก็ยังไม่มีการแจ้งเตือนว่าเขาถูกบล็อกหรือโดนลบเพื่อนแต่อย่างใด
“หรือจะลองวิดีโอคอลดูดีวะ?” หลินเป่ยเฉินผุดความคิดนี้ขึ้นมาในใจ แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดไปอย่างรวดเร็ว
โลกมนุษย์มีบทเรียนมากมายแล้วกับการวิดีโอคอลที่ให้ผลลัพธ์ ‘หน้าไม่ตรงปก’
อีกอย่าง ตอนนี้หลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลผู้มีความลับอันใหญ่หลวง จะให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร…เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ
แล้วรูปเซลฟี่นั่นล่ะ?
รูปเซลฟี่ที่เขาโพสต์ไปในวีแชท โมเมนต์เมื่อวานนี้?
งั้นหมายความว่ายัยเทพีกระบี่หิมะไร้นามก็รู้หมดแล้วสิว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร
หลินเป่ยเฉินรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเหลือเกิน
เขาประมาทมากเกินไป
แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายหลินเป่ยเฉินก็พบว่าวีแชทของโลกจอมยุทธ์ตรงส่วนของฟังก์ชั่นวิดีโอคอลขึ้นเป็นตัวหนังสือสีเทา เป็นสัญญาณว่าไม่สามารถใช้งานได้ในพื้นที่นี้
“ถ้าไม่เห็นว่าท่านมีหน้าตาหล่อเหลา ข้าคงสังหารท่านทิ้งไปแล้ว”
ในที่สุด เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ตอบแชทกลับมา
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก พิมพ์ข้อความมือเป็นระวิง “ต่อให้ข้าหล่อเหลาสักเพียงใด ก็คงไม่คู่ควรกับเทพีอย่างท่านหรอกกระมัง ท่านทั้งน่ารัก อ่อนหวาน หน้าตางดงาม และทำงานหนักที่สุดในดินแดนแห่งเทพเจ้า หากวันใดที่ข้าได้กลับขึ้นไปที่นั่นเมื่อไหร่ ข้าจะต้องหาโอกาสไปพบเจอท่านให้ได้แน่นอน”
“อุ๊ย ข้าล่ะเกลียดนักคนปากหวาน” เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินมองข้อความประโยคนั้น แล้วก็ไม่รู้ทำไมในสมองถึงได้ปรากฏคำคำหนึ่งขึ้นมาว่า…
สวยแต่โง่ของจริงเลยแฮะ
ดูเหมือนว่าเทพีฝึกหัดนางนี้จะเชื่อที่เขาพิมพ์ออกไปทุกประการ
“ฉันโกหกต่างหากเว้ย ยัยโง่”
จังหวะนั้นเอง เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ส่งข้อความมาสอบถามอีกครั้ง “ว่าแต่ว่าทำไมท่านถึงยังสามารถติดต่อกับข้าได้อยู่อีกล่ะ ในเมื่อท่านถูกส่งตัวลงไปที่ดินแดนอันต่ำต้อยนั้นไม่ใช่หรือ? ผู้คนที่ออกจากดินแดนแห่งเทพเจ้าไปแล้ว จะสูญเสียพลังพิเศษ และไม่สามารถติดต่อกลับมาที่ดินแดนเดิมได้อีกนี่นา…”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าขยับแว่นด้วยความเคยชิน
จะตอบยังไงดีหว่า
เด็กหนุ่มรู้สึกลังเล พยายามเรียบเรียงคำตอบไม่ให้ดูสับสน
ข้อมูลที่เขามีในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายหนึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้า หลินเป่ยเฉินไม่คิดเลยว่าในโลกใบนี้จะมีดินแดนแห่งเทพเจ้าอยู่จริงๆ
ถ้าอย่างนั้น พวกนางก็คงสามารถติดต่อไอ้เจ้ายมทูตตัวแสบ คนที่มอบโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ให้เขาได้กระมัง?
หลินเป่ยเฉินลองนึกเล่นๆ ถ้าเขาสามารถแอดเพื่อนกับยมทูตผ่านแอปวีแชทได้ ก็น่าจะขอร้องให้ยมทูตส่งตัวเขากลับโลกมนุษย์ได้เช่นกัน
นับเป็นหนึ่งในวิธีกลับบ้านที่เหนื่อยแรงน้อยที่สุด
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจรุกคืบต่อทันที
แต่สิ่งสำคัญสูงสุดขณะนี้ คือเขาต้องหลอกยัยเทพีขาสวยคนนี้ให้ได้เสียก่อน
ว่าแต่จะตอบคำถามยังไงดีนะ?
ทันใดนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็พิมพ์ข้อความมาอีกครั้ง “ทำไมถึงเงียบไปเลยเล่า? ข้าถามแทงใจดำท่านใช่ไหม? อิอิ ต่อให้ท่านไม่ตอบ ข้าก็พอเดาได้ เทพเจ้าหนุ่มหล่ออย่างท่าน ตอนอยู่ที่นี่คงมีสถานะสูงส่งไม่ธรรมดา บางทีอาจเป็นหัวหน้าสำนักใดสำนักหนึ่งก็ได้กระมัง? อย่างน้อยก็คงอยู่ในขั้นราชันเทพเจ้า แต่ท่านกลับทรยศคนใกล้ตัวด้วยการแย่งชิงหญิงคนรักของเขามา ท่านจึงถูกพิพากษาด้วยการประหารชีวิต ร่างกายถูกแยกชิ้นเป็น 8 ส่วน นำไปฝังอยู่ใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนวิญญาณก็ถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งเทพเจ้า…ท่านคงอยากกลับขึ้นมาล้างแค้นและทวงทุกอย่างที่เป็นของท่านกลับคืนไป ข้าเดาถูกไหม?”
หา?
นี่มันพล็อตละครหลังข่าวไม่ใช่หรือไง
ขนาดนิยายที่สามารถหาอ่านฟรีได้ในเน็ต ยังน่าสนใจมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ดูท่าทางเทพีฝึกหัดนางนี้คงสมองไม่ปกติจริงๆ
แล้วเขาควรไหลตามน้ำไปดีหรือเปล่า?
“มิผิด เจ้าเดาถูกทุกอย่าง” หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความตอบกลับไป “สมแล้วที่เจ้าเป็นเทพีระดับแนวหน้า นับว่ามีสติปัญญาเลิศล้ำนัก”
“น้องชายเป็นคนแรกที่พูดอย่างนี้กับข้า ต้องขอบคุณท่านมากแล้ว แต่เราเข้าเรื่องกันต่อเถอะ ในเมื่อท่านเคยเป็นเทพเจ้าระดับสูงเช่นนั้น ก็คงมีไพ่ตายซ่อนติดตัวเอาไว้บ้าง ท่านคงกำลังหาโอกาสเหมาะๆ ที่จะได้ติดต่อกับคนบนดินแดนแห่งเทพเจ้า แล้วก็บังเอิญว่าบุคคลนั้นดันเป็นข้าพอดี ใช่หรือไม่?””
“ไม่ต้องห่วง เพราะเห็นแก่ใบหน้าอันหล่อเหลาของท่าน ข้าขอรับปากว่าจะช่วยเหลือท่าน ให้กลับสู่ดินแดนแห่งเทพเจ้าอีกครั้งให้ได้”
“เทพเจ้าหนุ่มหน้าตาดีเช่นนี้ ท่านคงเป็นคนดีแน่นอน โปรดบอกข้ามาเถิด มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยเหลือท่านได้บ้าง?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความมารัวๆ
เอ่อ…
หลินเป่ยเฉินไม่รู้ว่าตนเองควรตอบรับกลับไปอย่างไรดี
เทพีฝึกหัดนางนี้ปั้นแต่งเรื่องราวทุกอย่างให้เขาเสร็จสรรพ หลินเป่ยเฉินแทบไม่ต้องโกหกอะไรนางเลยด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มอยากพิมพ์ตอบกลับไปเหมือนกันว่า “ช่วยติดต่อยมทูตให้หน่อยสิ” แต่ก็รู้สึกว่ามันดูโฉ่งฉ่างเกินไป
“เจ้าช่วยเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุให้ข้าได้หรือไม่? ข้าต้องอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ ต้องกลับมาฟื้นฟูพลังใหม่ทั้งหมด ข้าอยากจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”
นี่คือคำตอบของหลินเป่ยเฉิน
จะได้เป็นการทดสอบความสามารถของเทพีฝึกหัดนางนี้ไปในตัว
“แค่นี้เรื่องเล็กน้อย” เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์อธิบายกลับมาว่า “แต่ก่อนอื่น ท่านต้องมีของมาสักการะเทพเจ้า นั่นเป็นกฎที่บัญญัติเอาไว้ตายตัว”
“หืม…เหรียญทอง 3 เหรียญนั่นใช้ไม่ได้หรือไง?”
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ถามด้วยความมึนงง
“ท่านกำลังพูดถึงเศษขยะโลหะสามชิ้นที่ล้อประกายได้นั่นน่ะนะ? มันไม่มีประโยชน์อะไรกับเทพเจ้าอย่างพวกเราเลย ข้าเพิ่งรู้สึกว่าท่านเป็นเทพเจ้าตกอับตัวจริงก็ขณะนี้เอง ท่านคงไม่รู้สินะว่าเนื่องจากร่างกายท่านมีสภาพสมบูรณ์พร้อม พลังปราณธาตุที่มีอยู่ ก็จะเป็นพลังระดับสูงไม่น้อย”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมา
“แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวข้าก็มีแต่เหรียญทองพวกนี้ทั้งนั้น…สรุปว่าข้าต้องใช้ทั้งหมดกี่เหรียญกันแน่?”
หลินเป่ยเฉินพยายามสอบถามด้วยความอดทน
“เอาล่ะๆ เพื่อเห็นแก่ใบหน้าอันหล่อเหลาของท่าน…ช่างมันเถอะ ท่านใช้เหรียญทองพวกนี้เป็นของสักการะก็ได้ ถือว่าข้าหยวนให้ก็แล้วกัน”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็ส่งคิวอาร์โค้ดมาให้เขาสแกนโดยไม่มีหมายเลข
เฮ้ย?
ที่นี่สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดได้จริงสิ?
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงไปไม่น้อยเมื่อสงสัยว่าผู้คนบนดินแดนแห่งเทพเจ้า ก็น่าจะมีโทรศัพท์มือถือใช้งานเป็นเรื่องปกติเหมือนกัน
“เร็วเข้าสิ เวลาของข้าใกล้หมดแล้วนะ”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความเร่งเร้า
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะออกคำสั่งในใจให้ผู้ช่วยส่วนตัวจัดการสแกนคิวอาร์โค้ดให้เรียบร้อย
“ติ๊ง! ชำระค่าบริการจำนวน 4,000 เหรียญทองคำเสร็จสมบูรณ์”
กล่องข้อความเด้งขึ้นมาแสดงบนหน้าจอ
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง รู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวายตายอยู่ตรงนั้นเอง