บทที่ 149 ข้านี่มันโง่เหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินหัวใจสลาย
รู้สึกเหมือนเหยื่อที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกให้โอนเงินอย่างไรอย่างนั้น
เหรียญทองจำนวน 4,000 เหรียญหายวับไปในพริบตาเดียว
เมื่อเขาลองเปิดแอปพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ดูอีกครั้ง ก็พบว่าเหลือเหรียญทองเพียง 110 เหรียญแล้วเท่านั้น
เมื่อดูยอดเงินในแอปวีแชท
ก็มีอยู่ 110 เหรียญเช่นกัน
สวรรค์เล่นตลกกับเขาเกินไปแล้ว
มีอย่างที่ไหน อุตส่าห์ทะลุมิติมาอยู่ต่างโลกทั้งที ยังจะโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามมาหลอกลวงอีกหรือ หลินเป่ยเฉินตำหนิตัวเองว่าควรจะเอะใจสักนิด เทพีกระบี่ที่ไหนจะใช้โทรศัพท์มือถือได้แบบนี้ เขารู้สึกอยากจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจเสียจริงๆ…
การทำงานหนักเพื่อรวบรวมเงินตลอดหลายเดือน ต้องมีอันสลายหายไปในเวลาเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น
ไม่มีใครสามารถทนทานได้อีกแล้ว
“นี่ ท่านเทพคนสวย ท่านยังอยู่หรือเปล่า? ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่อยากเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุ ข้าขอเงินคืนได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความกลับไปอีกครั้ง
แต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับมาเลยสักประโยคเดียว
“ขอคืนแค่ครึ่งเดียวก็ได้” หลินเป่ยเฉินยังคงพยายามต่อไป
ทว่า ยังคงไร้คำตอบจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
“ทำไมไม่ตอบอะไรกลับมาเลยวะ” หลินเป่ยเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
โลกทั้งใบเหมือนจะมืดมนเหลือเกิน
นี่เขาโดนหลอก…จริงๆ ใช่ไหม
เพราะอะไรกัน?
พวกเทพเจ้าสามารถหลอกลวงผู้คนได้ด้วยหรือ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกปวดหัวปวดใจจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว
แต่ในทันใดนั้นเอง…
ลำแสงสีฟ้าอ่อนๆ ก็ค่อยๆ เรืองรองออกมาจากร่างกายของเขา
ตอนแรกมันสว่างวูบออกมาเป็นลำแสงเจิดจ้า ก่อนที่ลำแสงนั้นจะค่อยๆ จางตัวลงกลายเป็นสีฟ้าอ่อน แสงสว่างเหล่านี้สว่างไสวอยู่เป็นเวลาประมาณสูดลมหายใจเข้าออกสิบครั้ง สุดท้ายก็หายวับกลับคืนเข้าสู่ร่างกายเด็กหนุ่มอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังลมปราณในร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบแปลกๆ
“เจ้าหนู เจ้าเปิดจุดก่อกำเนิดปราณธาตุสำเร็จแล้ว”
ฉู่เหินที่นั่งสวดมนต์อยู่ด้านข้างส่งเสียงพูดดังลั่น พร้อมกันนั้นก็กระโดดลุกขึ้นยืน และหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความตื่นเต้น
“ลำแสงเป็นสีฟ้าอ่อน? จะเป็นพลังชนิดใดกันนะ ลองหาคำตอบดูเร็วเข้า”
ชายชราแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
หลินเป่ยเฉินตกใจอยู่ไม่น้อย
ตกลงว่าเขาเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุได้สำเร็จหรือนี่?
หลินเป่ยเฉินลองโคจรพลังลมปราณมาที่มือขวาของตนเอง
แล้วกลุ่มหมอกควันสีฟ้าจางๆ ก็ลอยวนเวียนอยู่รอบฝ่ามือของเขาทันที
“อย่าบอกนะว่า…เราจะมีพลังธาตุน้ำจริงๆ?” หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความไม่อยากเชื่อ
เงินจำนวน 4,000 เหรียญทอง แลกกับพลังปราณธาตุน้ำโง่ๆ เนี่ยนะ?
แล้วจากนี้จะเอาเงินที่ไหนชาร์จแบตโทรศัพท์ล่ะเนี่ย?
…
ณ ดินแดนแห่งเทพเจ้า
ในปราสาทที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง
เมื่อตัดการเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวหน้าตางดงามในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นก็สร้างม่านพลังขึ้นมาห้อมล้อมพื้นที่โดยรอบเอาไว้โดยไม่ลังเล หลังจากนั้น นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนเสียสติ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่คิดเลยว่าข้าจะโชคดีได้เจอเทพเจ้าตกสวรรค์หน้าโง่เช่นนี้”
“ว่าแต่เจ้าลูกเต่าน้อยเชื่อคำโกหกของข้าได้อย่างไรกัน!”
“ขึ้นชื่อว่าเหรียญทองไม่ว่าอยู่ในโลกไหนก็มีค่าทั้งนั้นแหละ ฮ่าฮ่า ทีนี้ข้าจะได้มีเงินไปซื้อสุราดื่มเสียที ไม่ต้องอดอยากปากแห้งอีกแล้ว!”
“แต่จะว่าไป น้องชายคนนี้ก็หน้าตาดีไม่ใช่น้อย ทีแรกข้าก็นึกว่าเขาจะเป็นพวกเทพเจ้าแก่ๆ เสียอีก ดูจากรูปทรงหน้าตาคงยังไม่ผ่านมีดหมอมาแน่นอน แต่ใครใช้ให้เขาเกิดมาหล่อเหลาเกินไปกันล่ะ คงไปทำให้ใครในดินแดนแห่งเทพเจ้าหมั่นไส้เข้าล่ะสิท่า”
“เห็นแก่ความหล่อเหลาของเจ้าหรอกนะ ข้าถึงอุตส่าห์มอบพลังปราณธาตุน้ำให้ จงมีความสุขกับมันเสียเถอะ”
หลังจากนั้น เทพีผู้สวมใส่เสื้อผ้ามอมแมมก็เดินออกมาจากปราสาทที่ทรุดโทรม
พื้นที่รอบปราสาทมีแต่สวนดอกไม้รกร้าง
ต้นหญ้าขึ้นสูงดูลึกลับ บ่อน้ำแห้งแล้ง หินเกือบทุกก้อนที่อยู่ในบริเวณนี้กลายเป็นสีดำสนิท
แต่ถึงนางจะใส่เสื้อผ้าเก่าขาด ทว่าทรวดทรงของเทพีกระบี่หิมะไร้นามจัดได้ว่ายอดเยี่ยมนัก ช่วงขาและช่วงแขนของนางเรียวยาว ซ้ำยังมีผิวขาวเนียนยิ่งกว่าหิมะ เรียกได้ว่ามีร่างกายของสตรีที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะภูเขาไฟส่วนตัวของนางคู่นั้น เมื่อผสมรวมกับเส้นผมสีดำที่ยาวสลวยจรดข้อเท้า นางก็ควรค่าต่อการเป็นเทพีอย่างแท้จริง
หากจะให้สรุปโดยย่อก็ต้องบอกว่า เทพีกระบี่หิมะไร้นามเป็นพวกหน้ามัธยม นมมหาลัยนั่นเอง
เมื่อเดินออกมาจากสวนดอกไม้ร้าง หญิงสาวก็ชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย
“ไม่ได้การ เหมือนข้าจะลืมอะไรบางอย่าง เมื่อสักครู่นี้ ข้าปิดการเชื่อมต่อเร็วเกินไปหรือเปล่านะ?”
“ความจริง ข้ากับเขาน่าจะแอบร่วมมือกันได้นี่นา ในดินแดนเบื้องล่างนั้นมีคนอยู่หลายล้านคน ต่อให้เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ก็คงไม่มีผู้ใดหลงเชื่ออยู่ดี สำหรับเด็กหนุ่มที่โง่เขลาเช่นนี้ หากข้าทำดีกับเขาต่อไปเรื่อยๆ เขาจะต้องหลงรักข้าจนหัวปักหัวปำแน่ๆ”
“เฮ้อ ข้านี่มันโง่เหลือเกิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเทพคนอื่นๆ ถึงมักจะด่าว่าข้าเป็นพวกสวยใสไร้สมอง”
“แล้วข้าจะทำอย่างไรดีนะ?”
“ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้นำเหรียญทองไปแลกเครื่องดื่มก่อนดีกว่า”
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ไม่คิดอะไรให้วุ่นวายหัวใจ นางเดินสะบัดก้นตรงเข้าไปในตัวเมืองเล็กๆ ด้วยเท้าเปล่า ดวงตาเป็นประกายแวววาวมุ่งมั่น เสมือนสัตว์ป่าที่พบแหล่งน้ำอยู่เบื้องหน้าอีกไม่ไกล
ระหว่างทาง เทพีกระบี่หิมะไร้นามดึงดูดสายตาของเทพเจ้าจำนวนมาก
“นั่นมันเทพีกระบี่หิมะจอมหลอกลวงไม่ใช่หรือ?”
“ไปเจออะไรมา ทำไมหน้าตามีความสุขถึงเพียงนี้?”
“หรือว่าไปหลอกเครื่องเซ่นจากมนุษย์มาได้อีกแล้ว?”
“ยัยคนนี้ช่างโชคดีเหลือเกิน ทำไมถึงได้มีคนโง่หลงกลนางง่ายดายนักนะ?”
บรรดาเทพเจ้าพูดคุยกันด้วยความสงสัยใคร่รู้
…
“เจ้าหน้าที่มือปราบขอรับ ข้าพเจ้ามีนามว่าหลินเป่ยเฉิน ในตัวมีโทรศัพท์มือถือที่สามารถโกงเคล็ดวิชาได้ทุกอย่างบนโลกนี้ และตอนที่เข้าไปในวิหารเทพกระบี่เพื่อบำเพ็ญตบะหวังเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุ ได้มีเทพเจ้าที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกลวงให้ข้าพเจ้าโอนเงินจนหมดเกลี้ยง หากท่านเห็นจดหมายร้องเรียนฉบับนี้ของข้า ได้โปรดจำเอาไว้ว่า…”
เฮ้อ เอาไปอ่านให้หมาให้แมวฟัง พวกมันยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ
หลินเป่ยเฉินเดินคอตกใบหน้านองน้ำตาออกมาจากวิหารเทพกระบี่
“ดูสิ เจ้าหนุ่มคนนี้เปิดจุดก่อกำเนิดปราณธาตุสำเร็จแล้ว ถึงกับเดินร้องไห้ออกมาเชียว ท่าทางคงดีใจมากสิท่า”
“เขาช่างเป็นคนที่โชคดีเหลือเกิน นับว่าเทพกระบี่อวยพรเขาแล้ว”
“ร้องไห้ไม่หยุดเลยนะ สงสัยจะดีใจมาก”
บรรดาสาวกของเทพกระบี่ที่รวมตัวกันอยู่ในลานจัตุรัส พร้อมใจกันกระซิบกระซาบขณะเด็กหนุ่มเดินผ่าน
2 เค่อต่อมา
สองศิษย์อาจารย์กลับมาถึงสถานศึกษากระบี่ที่สาม
ฉู่เหินส่งตัวหลินเป่ยเฉินกลับไปที่ตำหนักไม้ไผ่ ระหว่างทางก็พูดว่า “ปราณธาตุน้ำมีพลังโจมตีไม่สูงนัก แต่ยังไงเสียก็ถือว่าเจ้าสามารถเปิดจุดก่อกำเนิดปราณธาตุสำเร็จแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีก็แล้วกัน วันมะรืนนี้ พวกเราจะเริ่มต้นฝึกพิเศษ เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อมเข้าไว้”
หลินเป่ยเฉินยังไม่หยุดร้องไห้ ได้แต่โบกไม้โบกมือ ไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว
ฉู่เหินเดินจากไป
ลานกว้างหน้าตำหนักไม้ไผ่เงียบสงัดในพริบตา
“นายน้อยกลับมาแล้วหรือขอรับ? คงเปิดจุดก่อกำเนิดปราณธาตุสำเร็จแล้วใช่ไหมขอรับ?” พ่อบ้านหวังจงยิ้มหน้าระรื่นวิ่งเข้ามาหา “ข้าน้อยคิดอยู่แล้วเชียวว่าผู้มีพรสวรรค์สูงส่งอย่างนายน้อย จะต้องเปิดจุดก่อกำเนิดปราณธาตุได้อย่างไม่มีปัญหา”
“ให้ข้าน้อยเดานะขอรับ นายน้อยจะต้องมีพลังปราณธาตุทองคำ ซึ่งช่วยเสริมพลังการโจมตีสูงสุดใช่ไหมขอรับ? หรือว่าจะเป็นปราณธาตุไฟที่มีพลังการทำลายล้างรุนแรงสุด? หรือจะเป็นปราณธาตุสายฟ้าที่ช่วยส่งเสริมการต่อสู้…”
หลินเป่ยเฉินรำคาญตาแก่นี่จนต้องกระโดดถีบขาคู่เสียตรงนั้น
โครม!
พ่อบ้านชราล้มกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ
“อ้า นายน้อยกลับมาทำร้ายร่างกายข้าอีกแล้ว รสชาติแห่งความสุข…มันเป็นเช่นนี้นี่เอง” พ่อบ้านหวังพูดพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
“ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว เจ้าจงไสหัวไปซะ อย่ามารบกวนข้า”
หลินเป่ยเฉินเดินไปทิ้งตัวบนม้านั่งที่ตั้งอยู่ในลานหน้าที่พัก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง
วูบ!
พ่อบ้านหวังรีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
“ข้านี่มันโง่เหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่าบนโลกมนุษย์มีพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำไมถึงไม่คิดบ้างนะว่าโลกจอมยุทธ์มันก็น่าจะมีเหมือนกัน หรือว่าเมื่อเช้าก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง ถึงได้ซวยขนาดนี้…”
เขาโดนหลอกให้โอนเงินออนไลน์
สูญเสียเหรียญทองจำนวน 4,000 เหรียญไปในพริบตาเดียว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าความปลอดภัยส่วนตัวพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี
เขาเหลือเหรียญทองอยู่เพียง 110 เหรียญเท่านั้น เท่ากับเหลือให้ชาร์จแบตโทรศัพท์คร่าวๆ อีก 22 วัน
ได้เวลาหาเงินอีกแล้วสิ
เด็กหนุ่มนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
แต่เวลาไม่เคยหยุดเดิน
จ๋อม
ปลาคาร์ฟที่อยู่ในสระตัวหนึ่งไม่รู้คิดอะไรจึงได้กระโดดขึ้นมาจากน้ำ มันหล่นตุ๊บลงบนพื้นดินชายฝั่ง ดิ้นกระแด่วๆ ด้วยความตื่นกลัวอยู่ตรงนั้น
แต่มันดวงซวยเหลือเกิน
ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งออกมาไกลจากสระน้ำมากขึ้นเท่านั้น
เนื้อตัวของปลาคาร์ฟเต็มไปด้วยเศษดิน มันเริ่มนอนนิ่ง อ้าปากพะงาบใกล้ตายเต็มทน
“ตัวเราเองก็คงเหมือนไอ้ปลาหน้าโง่ตัวนี้สินะ หลุดจากโลกของตัวเองมาอยู่ในโลกอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งดิ้นรนหาทางกลับบ้านมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งห่างไกลความเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินอดบ่นกับตัวเองไม่ได้
เขานั่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน กว่าจะลุกขึ้นมาช่วยเจ้าปลาคาร์ฟผู้น่าสงสาร
“ไอ้ปลาหน้าโง่ ไม่มีอะไรทำหรือไง อยู่ดีๆ จะกระโดดขึ้นมาบนฝั่งทำไม”
หลินเป่ยเฉินพูดก่อนที่จะโยนเจ้าปลาใกล้ตายกลับลงไปในสระน้ำ
แต่ปรากฏว่าปลาคาร์ฟผู้โชคร้ายเหมือนจะขาดใจตายเสียแล้ว มันลอยตุ๊บป่องอยู่บนผิวน้ำ ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
“เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย”
หลินเป่ยเฉินรีบก้มตัวลง ประคองเจ้าปลากลับขึ้นมาจากผิวน้ำอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็ขมวดคิ้วพูดว่า “นี่เราช่วยมันช้าเกินไปใช่ไหม? แต่เรามีพลังปราณธาตุน้ำนี่หว่า พอจะช่วยชีวิตมันได้ไหมนะ?”
หลินเป่ยเฉินไม่รู้ว่าพลังของตนเองจะสามารถใช้งานในรูปแบบนี้ได้หรือไม่
เขาพยายามใช้พลังปราณธาตุน้ำรักษาปลาที่ตายแล้ว
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังลมปราณมาที่มือขวา แล้วลำแสงสีฟ้าจางๆ ก็ส่องสว่างออกมาจากฝ่ามือ
แล้วในจังหวะนั้นเอง สิ่งที่เหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น