บทที่ 152 อึมีพิษจริงๆ แฮะ
พรวด!
หลินเป่ยเฉินกลั้นขำไม่ไหวต้องหลุดหัวเราะออกมาจนได้ “อย่าบอกนะว่าเจ้ากินอึเข้าไปน่ะ?”
ไป๋ชินหยุนไอแค่กๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็หันมาคำรามด้วยความเดือดดาลว่า “ตอนที่ตกลงไปข้างล่าง ข้าเผลอสูดกลิ่นเข้าไปต่างหาก เจ้าคิดอะไรอยู่? เจ้าคิดว่าข้ากินอึของพวกมันรึ…”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม “เผลอกินเข้าไปแค่คำสองคำไม่เป็นไรหรอกน่า รับรองว่าเราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด จริงไหมศิษย์พี่ฮัน ศิษย์น้องเยว่?”
แต่ไม่มีใครหัวเราะเป็นเพื่อนหลินเป่ยเฉินสักคน
“พวกเจ้าระวังตัวให้ดี ดูเหมือนหนูอสูรหางกุดฝูงนี้ จะมีราชันย์หนูคอยบงการ”
ฮันปู้ฟู่ไม่ยอมออกนอกเรื่อง
หนูอสูรหางกุดที่มีราชันย์หนูคอยดูแล นับเป็นฝูงหนูที่จัดการยากที่สุด
นั่นหมายความว่าหนูอสูรฝูงนี้ มีความแข็งแกร่งกว่าหนูอสูรทั่วไป
“ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว” ไป๋ชินหยุนทำท่าทางเหมือนจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง “คนแซ่หลิน ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าต้องจัดการเจ้าแน่”
หลินเป่ยเฉินรีบขยับออกมา รักษาระยะห่างจากเด็กสาวปี 1 แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้องไป๋ใจเย็นๆ รับประทานยาแก้พิษก่อนไม่ดีกว่าหรือ ระวังพิษจะแล่นเข้ากระแสเลือดเอานา…”
เด็กสาวร่างเล็กกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ จากนั้นจึงหยิบยาแก้พิษออกมาจากหน้าอก โยนใส่ปากกลืนลงคอ เพียงไม่นานพิษจากอึหนูอสูรหางกุดก็สลายหายไปจากร่างกายหมดสิ้น ดูจากระดับความรุนแรงของพิษแล้ว พวกมันคงเล่นงานได้เพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 หรือระดับ 5 เท่านั้นเอง
ในไม่ช้า หนูอสูรในบริเวณนั้นก็ถูกไล่ฆ่าเกือบหมดสิ้น
เจ้าหนูตัวที่มีขนคิ้วสีขาวเริ่มย่ำเท้าลงบนพื้นดินอีกครั้ง
ภายใต้การสั่งงานจากมัน ฝูงหนูที่เหลืออยู่รีบกระจายตัวแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
วูบ!
แล้วก้อนหินก็ปลิวมาจากทุกทิศทุกทาง
พื้นดินมีฝุ่นตลบคลุ้งในอากาศ บดบังทัศนียภาพการมองเห็น
ยิ่งทำให้การหลบหลีกก้อนหินยากขึ้นไปใหญ่
ผลั่ก!
ฮันปู้ฟู่โดนหินก้อนหนึ่งกระแทกเต็มหน้าผาก เกิดเป็นรอยบวมช้ำ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขาวซีด
“โอ๊ย…”
ไป๋ชินหยุนร้องครางด้วยความเจ็บปวดตอนที่โดนหินกระแทกใส่ไม่ทันตั้งตัว
ขณะนี้ หนูอสูรหางกุดหลายตัวมุดดินโผล่ขึ้นมาปาก้อนหินใส่กลุ่มเด็กหนุ่มสาวจากรอบทิศทาง
พวกมันขว้างปาได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะยามที่ร่วมมือกันโจมตี ความสมัครสมานสามัคคีเรียกได้ว่าสุดยอด
หลินเป่ยเฉินปล่อยคลื่นพลังจิตออกไป
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีห้าวารอบกาย พลันอยู่ภายใต้การตรวจสอบ
เป็นจังหวะเดียวกับที่มีหนูตัวหนึ่งมุดดินขึ้นมาพอดี
“ใช้พลังจิตได้มันดีแบบนี้เองสินะ”
หลินเป่ยเฉินเก็บมีดเจิ้งอี้และหันมาใช้กระบอกยิงอาวุธลับอินทรีมหากาฬ
การซัดอาวุธลับออกไปแต่ละครั้ง จำเป็นต้องเคลื่อนไหวร่างกายสลับไปมา เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงสามารถหลบหลีกบรรดาก้อนหินที่ถูกปาเข้ามาได้สำเร็จ ในขณะเดียวกัน เขาก็ยิงลูกดอกสวนกลับไปด้วยความรวดเร็ว
ฟ้าว!
ลูกดอกเหล็กมิธริลพุ่งผ่านอากาศ
เนื่องจากทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีห้าวาอยู่ภายใต้การตรวจจับของเขาหมดสิ้น ลูกดอกของหลินเป่ยเฉินจึงไม่พลาดเป้าแม้แต่ดอกเดียว
หนูอสูรหางกุดล้มลงตายคาที่ถึง 4 ตัว
ช่างง่ายดายเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากด้วยความมั่นใจ
สภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ขณะนี้ ไม่มีอะไรจะเหมาะสมสำหรับการต่อสู้มากไปกว่าอาวุธลับอีกแล้ว
“ต่อให้ฉันมองไม่เห็น ฉันก็สอยพวกแกร่วงได้อยู่ดีแหละน่า จงตายซะเถอะ ไอ้พวกหนูโสโครก…”
หลินเป่ยเฉินพลิ้วกายไปรอบๆ หลบหลีกก้อนหินที่พุ่งเข้ามา ทุกครั้งที่เขาสะบัดมือขึ้น ก็จะมีหนูอสูรหนึ่งตัวต้องจบชีวิตลงไป
“ภารกิจนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก…” หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
แต่ทันใดนั้น
ฟุบ!
เด็กหนุ่มก็ตกลงไปในหลุมพรางบนพื้นดิน กลิ่นเหม็นชวนคลื่นไส้พลันตลบขึ้นตีจมูก
ขาของเขาเหมือนจะจมหายลงไปในพื้นโคลน
แม่งเอ๊ย!
นี่เขาตกลงมาในบ่อขี้เหมือนกันหรือ?
เป็นไปได้ยังไง?
หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อ
เขาอุตส่าห์ระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว มั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดรอดพ้นกระแสจิตของตนเองได้ แต่สุดท้ายกลับต้องตกลงมาในหลุมอึของพวกหนูอสูรหางกุด เรื่องราวนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?
จังหวะนั้นเอง…
วูบ!
เงาของหนูอสูรตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ลำคอของเขาพร้อมกรงเล็บแวววาวเหมือนคมดาบ
นี่มันราชันย์หนูนี่หว่า!
หลินเป่ยเฉินตาโตตะลึงลานวูบ
ดูเหมือนว่าราชันย์หนูจะคำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว มันใช้กลวิเศษบางอย่างบดบังหลุมกับดัก เพื่อหลอกล่อให้เขาตกลงมา
อีกเพียงนิดเดียว กรงเล็บของมันก็จะปาดมาถึงลำคอเด็กหนุ่มแล้ว
หลินเป่ยเฉินสะบัดมือขึ้นยิงลูกดอกออกไป
ติ๊ง! ติ๊ง!
ราชันย์หนูจำเป็นต้องเปลี่ยนทิศทางกรงเล็บ ยกขึ้นมาปัดป้องลูกดอกที่ถูกยิงเข้าหาตัว
ด้วยแสงสว่างจากประกายไฟที่สาดกระจาย หลินเป่ยเฉินพบว่าขณะนี้ตนเองกำลังอยู่ในบ่ออึขนาดใหญ่ นอกจากตัวเขาแล้ว ก็ยังมีซากสัตว์ป่าหลากหลายชนิดและหลายขนาดกองทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก บางส่วนอยู่ในสภาพเน่าเปื่อย บางส่วนเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น…
เอาแล้วไง
หลินเป่ยเฉินผงะถอยหลัง
นี่ไม่ใช่บ่ออึธรรมดา แต่เป็นหลุมเก็บอาหารต่างหาก
พื้นที่ใต้ดินมีขนาดกว้างใหญ่เกินคาด ปรากฏว่าด้านล่างมีอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับทางระบายน้ำด้วยเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินรู้สึกวิงเวียนศีรษะขณะสูดดมกลิ่นเหม็นในอากาศเข้าไปเต็มปอด
อึของไอ้หนูนรกพวกนี้มีพิษจริงๆ ด้วย!
หลินเป่ยเฉินร้องครางอยู่ในลำคอ
เด็กหนุ่มรีบใช้วิชาตัวเบาถลาขึ้นไปด้านบน
ระดับพลังและร่างกายของเขาย่อมแข็งแกร่งมากกว่าไป๋ชินหยุน หลุมลึกเพียงเท่านี้ ไม่สามารถรั้งตัวเขาไว้เด็ดขาด
แต่มีหรือที่ราชันย์หนูอสูรจะปล่อยให้เขาหลุดมือไปง่ายๆ ขนคิ้วสีขาวของมันส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ แล้วก้อนดินก็เหมือนมีชีวิตขึ้นมาในทันใด ปากหลุมค่อยๆ เลื่อนตัวปิดเข้าหากัน พยายามฝังหลินเป่ยเฉินให้อยู่โลกใต้ดิน
แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากพอ ตอนที่หลุมปิดสนิท ก็เป็นจังหวะที่ร่างกายท่อนบนของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปพ้นปากหลุมพอดี
“เชี่ยแม่ง”
หลินเป่ยเฉินหอบหายใจพูดอะไรไม่ออก
ตอนนั้นเอง ที่เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกเจ็บปวดบริเวณน่องขาซึ่งยังคงติดอยู่ใต้ดิน
หลินเป่ยเฉินร้องเสียงหลง รีบดึงขาขึ้นมาให้พ้นหลุมดินโดยเร็ว
เมื่อก้มมองบาดแผล ก็พบว่าบริเวณน่องขาขวาของเขา มีรอยขีดเป็นทางยาวสามรอย เลือดสีแดงสดกำลังไหลซิบๆ
“ให้ตายสิ!”
หลินเป่ยเฉินต้องใช้วิชาตัวเบาเป็นครั้งที่สอง
ราชันย์หนูสามารถเคลื่อนไหวใต้ดินได้เหมือนปลาแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำ เมื่อสักครู่นี้ มันพยายามจะโจมตีหลินเป่ยเฉินด้วยกรงเล็บอันแหลมคม เคราะห์ดีที่เด็กหนุ่มฝึกวิชากระบี่เร้นกาย ทำให้ผิวหนังมีความหนากว่าคนปกติ หากเปลี่ยนเป็นฮันปู้ฟู่โดนกรงเล็บกรีดเข้าไปเช่นนี้ มีหวังขาขาดแน่ๆ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าหนูคิ้วขาวตัวนี้จะแข็งแกร่งจนน่ากลัว
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดด้วยความฉุนเฉียว เขานำดาบศีลธรรมออกมาใช้งาน สองมือกุมด้ามดาบด้วยความมั่นคง ฟันใส่ราชันย์หนูที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ด้วยความบ้าเลือด
พื้นดินสั่นสะเทือน
สุดท้าย ราชันย์หนูก็ต้องซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดิน ไม่กล้าโผล่หน้าขึ้นมาโดยพละการ
แต่มันก็รอคอยจังหวะที่หลินเป่ยเฉินจะเผลออยู่ตลอดเวลา หากสบโอกาสเมื่อไหร่ ก็พร้อมบุกขึ้นไปโจมตีเด็กหนุ่มได้ทุกเมื่อ
“ทำไมแม่งเร็วแบบนี้วะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าสกิลการเรียกสัตว์ประหลาดมาหาของตนเองเป็นเรื่องดี แต่ ณ ปัจจุบัน หลินเป่ยเฉินไม่อยากมีสกิลนี้เลย เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร ราชันย์หนูถึงเลือกเล่นงานเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
โชคดีที่มีพลังจิตเป็นตัวช่วยสำคัญ จึงทำให้ตั้งรับได้ทันเวลาทุกครั้ง
หนึ่งมนุษย์หนึ่งหนูชิงจังหวะเล่นงานกันอย่างนั้นอยู่เนิ่นนาน
ผ่านไปอึดใจใหญ่ ในที่สุด พื้นดินก็หยุดการสั่นสะเทือนลงแล้ว
ถึงราชันย์หนูจะมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ใช่ว่าลูกฝูงของมันจะแข็งแกร่งเหมือนมันด้วย พวกมันไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากพวกของฮันปู้ฟู่ สุดท้ายก็ต้องพากันหลบหนีหัวซุกหัวซุน
ฝุ่นดินในอากาศจางตัวลง
“แค่ก แค่ก…”
ฮันปู้ฟู่สำลักฝุ่นเล็กน้อย
เยว่หงเซียงยืนอยู่ด้านตรงข้าม มีเหงื่อไหลท่วมกาย
ไป๋ชินหยุนรีบถอดกระโปรงที่เปื้อนอึของนาง แล้วใช้วิชาตัวเบาตรงไปที่บ่อน้ำพุซึ่งอยู่ไม่ไกล ทำการซักล้างกระโปรงอย่างเร่งด่วน
พวกเขาทั้งสามคนทำภารกิจสำเร็จแล้ว ทุกคนสังหารหนูอสูรหางกุดได้คนละ 10 ตัวถ้วน
ไม่นานต่อมา
ไป๋ชินหยุนวิ่งกลับมาด้วยชุดที่เปียกปอน
“พวกเรากลับกันเถอะ”
ฮันปู้ฟู่พยักหน้าออกคำสั่ง
หลังการต่อสู้จบลง ฮันปู้ฟู่ เยว่หงเซียง และไป๋ชินหยุนก็เจ็บตัวไปตามๆ กัน แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรรุนแรง
หลินเป่ยเฉินก็ถึงกับหอบหายใจออกมาแล้ว
ราชันย์หนูตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะล้มได้ง่ายๆ ร่างกายของมันแข็งอย่างกับเหล็กไหล แถมยังมีน้ำหนักตัวมากกว่า 250 ชั่ง สามารถยิงหรือขว้างปาก้อนหินใส่คู่ต่อสู้ได้รวดเร็วว่องไว มีอยู่แวบหนึ่งเหมือนกันที่หลินเป่ยเฉินคิดว่า อย่างไรเสียวันนี้เขาก็ต้องสังหารมันให้ได้
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน
“ลืมไปเถอะ สู้ไปสู้มา เดี๋ยวก็โดนมันฆ่าตายเอาพอดี” หลินเป่ยเฉินไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้แล้วเช่นกัน
นับเป็นโชคดีที่ราชันย์หนูอสูรก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย
“หรือว่ามันจะกลัวเราวะ?”
หลินเป่ยเฉินเก็บดาบขนาดใหญ่ของตนเองกลับเข้าที่
แล้วเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสี่ก็รวบรวมซากหนูอสูรทั้ง 10 ตัวที่ตนเองสังหารสำเร็จ เดินกลับออกไปจากหุบเขาขนาดเล็กแห่งนี้
ไม่ถึงหนึ่งเค่อหลังจากที่พวกเขาเดินจากไป บรรดาหนูอสูรหางกุดก็ออกมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกมันมองทางเข้าหุบเขาด้วยความประหลาดใจ เหมือนไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้จะเป็นความจริง
หนูตัวเมียตัวหนึ่งกระโดดขึ้นไปยืนบนโขดหินยักษ์ ส่งเสียงร้องแหลมสูง ทำท่าส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
มันกำลังสอบถามหนูตัวอื่นๆ ว่า…
ท่านราชันย์อยู่ที่ไหน?
ท่านราชันย์คอยคุ้มครองดูแลพวกมันตลอดมา คอยสอนวิธีการต่อสู้กับศัตรู ให้ที่พักพิงหลบแดดหลบฝน เป็นผู้ที่ทำให้พวกมันได้พบเจอรังอันสมบูรณ์แบบอย่างหุบเขาแห่งนี้
แล้วท่านราชันย์อยู่ที่ไหน?
หรือว่าท่านราชันย์จะโดนผู้บุกรุกเหล่านั้นสังหารเสียแล้ว?
ทันใดนั้นเอง พื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง
แล้วเสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ดังขึ้นมาจากใต้พื้นดิน
บรรดาหนูอสูรส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ก่อนจะช่วยกันขุดดินลงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็ขุดหลุมลึกขนาดสิบเซี๊ยะ จนเจอท่านราชันย์นอนสลบอยู่ใต้หินใหญ่ก้อนหนึ่ง พวกมันรีบช่วยกันแบกร่างท่านราชันย์กลับขึ้นมาวางไว้บนพื้นดิน จากนั้น จึงได้มีหนูอสูรอีกตัว วิ่งเข้ามาทำการปั๊มหัวใจด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ในที่สุด ราชันย์หนูก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว
มันยกกรงเล็บขึ้นปิดหน้าด้วยความอับอาย
บัดซบ
ตอนที่มุดดินหลบหนีการโจมตีจากเจ้ามนุษย์หน้าโง่นั่น มันเร่งความเร็วเกินไปหน่อย ไม่ได้มองทาง จึงชนโครมเข้ากับหินใต้ดินก้อนหนึ่ง ทำให้หมดสติไปไม่รู้ตัว
น่าอับอายขายหน้าเหลือเกิน
บรรดาหนูบริวารส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจ
หลังจากนั้น พวกมันก็รวมตัวกัน ยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ราชันย์หนูเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ปากทางออกหุบเขาของพวกมันด้วยแววตาอาฆาต มันยกมือขึ้นส่งสัญญาณบอกให้ลูกฝูงทุกตัวติดตามมันไปนอกหุบเขา และอย่าลืมทำตำหนิเส้นทางเอาไว้ เพื่อป้องกันการหลงทางตอนขากลับ
ราชันย์หนูกำลังโกรธแค้น
มันคือหนูอสูรหนุ่มที่ต้องพยายามอย่างหนัก กว่าจะขึ้นมาอยู่บนตำแหน่งราชันย์ได้สำเร็จ
ดังนั้น มันต้องไล่ล่าผู้รุกรานให้จงได้
มันจะแก้แค้น
แก้แค้นให้กับหนูอสูรที่ถูกสังหารเหล่านั้น