บทที่ 170 วางแผนทำลาย
เอี๊ยด!
ประตูเหล็กเลื่อนเปิดออก
ศิษย์พี่ฮุยปิงเดินเข้ามามองเห็นตั้งแต่ไกลว่าผู้เป็นอาจารย์กำลังยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ ในลักษณะที่เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ส่วนลูกศิษย์คนอื่นๆ ไม่อยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมดแล้ว
แต่เด็กหนุ่มผู้ที่รับคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่ให้มารับของ ยังคงยืนอยู่ข้างอาจารย์ของเขา และดูเหมือนว่าผู้เฒ่าหมื่นพิษจะให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น้อยทีเดียว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ฮุยปิงเริ่มคิดด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มที่มารับของก็หมุนตัวเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับพูดว่า “ผู้เฒ่าหมื่นพิษขอสั่งให้ท่านไปแจ้งต่อลูกศิษย์ทุกคนในถ้ำให้มารวมตัวกันที่นี่ ท่านผู้เฒ่ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ…”
“เรื่องสำคัญ…”
ฮุยปิงหันหน้ามองไปทางอาจารย์ของตนเอง
แต่เขาก็พบว่าผู้เฒ่าหมื่นพิษกลับเดินไปที่ประตูกระท่อม เอาแต่โบกไม้โบกมือ ไล่ให้เขาไปทำตามคำสั่ง
ดังนั้น ฮุยปิงจึงไม่กล้าลังเลอีกแล้ว รีบเดินกลับไปปฏิบัติตามคำสั่งทันที
ทุกคนรู้ดีว่าผู้เฒ่าหมื่นพิษเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้ายขนาดไหน
สำหรับกับลูกศิษย์ที่ไม่ทำตามคำสั่ง ก็จะถูกสังหารทิ้งได้ทุกเมื่อ ทั้งถูกจับตัวไปทดลองยาพิษหรือจับแยกชิ้นส่วนทั้งเป็น รวมถึงถูกส่งลงไปเป็นอาหารงูในหลุมงูพิษด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้น ฮุยปิงจึงไม่กล้ารีรอหรือปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่ง
เขากลับไปแจ้งต่อลูกศิษย์ทุกคนให้มารวมตัวกัน
หลินเป่ยเฉินยืนรอด้วยแววตาอำมหิต
หลังจากนั้นไม่นาน
ลูกศิษย์ภายในถ้ำหมื่นพิษทั้ง 21 คน ก็มารวมตัวกันอยู่หน้ากระท่อมไม้
ทุกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
ฮุยปิงยืนอยู่ด้านหน้าสุด ประสานมือคำนับ แล้วถามว่า “ลูกศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันครบแล้วขอรับ อาจารย์มีเรื่องสำคัญอันใดจะแจ้งพวกเราหรือ?”
ผู้เฒ่าหมื่นพิษคงยืนหันหลังให้กับพวกเขา
เหมือนคนที่กำลังใช้ความคิดกับเรื่องอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น ผู้เฒ่าหมื่นพิษก็หันมากวักมือเรียกให้ฮุยปิงเดินเข้าไปหา
ฮุยปิงรีบเดินเข้าไปไม่รอช้า
จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ชักกระบี่ออกมาเสือกแทงออกไป
ฮุยปิงไม่ทันระวังตัว ด้วยไม่คิดว่าเมื่ออยู่ในถ้ำหมื่นพิษ จะมีใครกล้าบุกเข้ามาก่อเรื่องอาละวาด
ตัวเขามีพลังเพียงขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 9 ทักษะเก่งกาจที่สุดก็เป็นการวางยาพิษ ย่อมไม่สามารถรับการโจมตีจากกระบี่ในระยะประชิดได้เด็ดขาด
“อะเฮือก…”
ฮุยปิงเบิกตาโต สีหน้าไม่อยากเชื่อ
หลินเป่ยเฉินดึงกระบี่กลับคืนมา
หลังจากนั้น มือของเขาก็ยกขึ้นสะบัด
ฟ้าว!
ลูกดอกเหล็กพุ่งทะลวงลำคอศิษย์ถ้ำหมื่นพิษ 6 คนรวด
ทันใดนั้น ลูกศิษย์คนอื่นๆ สลัดหลุดออกจากความตกตะลึงแล้ว
“ท่านอาจารย์…”
“ศิษย์พี่ฮุยปิงตายแล้ว!”
“ท่านอาจารย์กำลังจะฆ่าเราอย่างนั้นหรือ?”
“พวกเรารีบหนีกันเร็ว รีบหนีไป”
บรรยากาศตกอยู่ภายใต้ความตื่นกลัว
แต่เมื่อพวกเขาหมุนตัวเตรียมหลบหนี สองขาก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ร่างกายปราศจากกำลังวังชา ตัวคนล้มลงไปบนพื้นตามๆ กัน
“นี่มันผงหลับไหลไม่รู้ลืม”
“แย่แล้ว…”
บรรดาลูกศิษย์ของถ้ำหมื่นพิษพร้อมใจกันร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปใช้กระบี่แทงทะลุหัวใจผู้คนก่อน หลังจากนั้น เขาจึงได้ตัดศีรษะของลูกศิษย์ผู้เฒ่าหมื่นพิษจนพวกมันกลายเป็นศพไร้หัวกันถ้วนหน้า
ที่ต้องทำแบบนี้ ก็เพราะหลินเป่ยเฉินอยากจะแน่ใจว่า ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตแล้วจริงๆ
หลังจากนั้น เขาก็นำผงละลายศพที่พบในกระท่อมมาโรยลงไปบนตัวศพ จากนั้นก็นำศพทิ้งลงไปในสระน้ำ แล้วเขาก็เดินกลับมาทำความสะอาดลานกว้างหน้ากระท่อมอีกครั้ง
“อย่าโกรธกันเลยนะ มันเป็นความผิดของพวกนายเองต่างหากที่ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มากเกินไป” เมื่อทำความสะอาดบริเวณลานหน้ากระท่อมเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็เดินไปที่ประตูเหล็ก และนำป้ายสัญลักษณ์ ‘ห้ามรบกวน’ มาแขวนเอาไว้
เรียบร้อยดีแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เดินกลับมาตามทางเดิมภายในถ้ำ จัดการปล่อยงูพิษที่อยู่ในหลุมงูจำนวนนับหมื่นตัว ให้พวกมันเลื้อยไปทั่วอย่างอิสระเสรี และเมื่อใช้แอปรายละเอียดยาพิษหมื่นชนิดสแกนภายในถ้ำ หลินเป่ยเฉินก็พบกับงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ตามจุดต่างๆ เป็นกับดักจำนวนมาก จึงได้ไปตามปล่อยพวกมันออกมาเช่นกัน
ไม่นานนัก ถ้ำหมื่นพิษก็ถูกงูพวกนี้ยึดครองโดยสมบูรณ์
เพียงเท่านี้ ก็จะไม่มีใครเข้ามาภายในถ้ำได้อีกแล้ว
ฉู่เหินที่พักอยู่ด้านในก็จะปลอดภัยไร้กังวล
ตอนที่หลินเป่ยเฉินเดินออกมาจากถ้ำหมื่นพิษ ก็เกือบจะเป็นรุ่งเช้าของวันใหม่แล้ว
เขาใช้แอปแผนที่นำทางค้นหาแหล่งน้ำประจําเมืองที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด เมื่อพบเจอแล้ว เด็กหนุ่มก็ตั้งใจจะนำยาพิษเลือดมังกรเทลงไปในแหล่งน้ำ
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินไปถึงบ่อน้ำซึ่งปรากฏตามแผนที่ เขาก็ได้พบว่ามีนักล่าอสูรจำนวนนับสิบคน ยืนทำหน้าที่คุ้มกันแหล่งน้ำแห่งนี้
“เจ้าเป็นใคร?”
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้าไป ชายฉกรรจ์สองคนก็เดินออกมาขวางหน้า
“ข้าเป็นบิดาเจ้าไงล่ะ”
หลินเป่ยเฉินถลันกายเข้าไปใกล้ ตวัดมีดในมือแทงออกไปข้างหน้า
คมมีดสาดประกายวูบวาบ
ฟู่!
นักล่าอสูรทั้ง 2 คนนั้นล้มลงไปนอนชักอยู่บนพื้นดิน เอามือกุมที่ลำคอของตัวเอง
“เจ้าเด็กนรก…”
“จับตัวมันไว้”
เห็นดังนั้น ชายฉกรรจ์คนอื่นๆ ก็รีบกรูเข้ามาหาเขาทันที
หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาย่องหาโฉมสะคราญพลิ้วกายลอยละล่องเหมือนวิญญาณไร้น้ำหนัก ถลันกายเข้าไปอยู่เบื้องหน้าชายฉกรรจ์เหล่านั้น เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ฝ่ายตรงข้ามก็ถูกเขาสังหารหมดสิ้น
เด็กหนุ่มโยนศพของพวกมันลงไปในบ่อน้ำ จากนั้นจึงเทผงละลายศพตามลงไป ไม่กี่อึดใจต่อมา ศพของนักล่าอสูรกลุ่มนี้ก็กลายเป็นเพียงของเหลวสีเหลืองเหนียวหนืดละลายไปกับน้ำที่อยู่ในบ่อ
เมื่อขจัดร่องรอยการต่อสู้บนพื้นดินเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็ไม่ลืมที่จะเทยาพิษเลือดมังกรลงไปในบ่อน้ำด้วยเช่นกัน
“สถานที่ผีสางอย่างนี้ไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป” ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายมุ่งมั่น “วันนี้แหละ พวกแกจะต้องตายกันไปให้หมด”
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็หมุนตัวเดินจากมา
เป็นเวลาเดียวกับที่ขอบฟ้าปรากฏแสงสว่างเรืองรอง
หมอกยามเช้าแผ่ปกคลุมผืนดิน
หลินเป่ยเฉินฆ่าเวลารอให้ยาพิษในบ่อน้ำออกฤทธิ์ด้วยการมาเดินเล่นภายในตัวเมือง
จำนวนนักล่าอสูรที่อยู่บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินเป่ยเฉินเดินสำรวจอย่างใจเย็น
แต่จังหวะที่เดินผ่านอาคารหินหลังหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องชัดเจนเต็มสองหู ตามด้วยเสียงการต่อสู้ แล้วประตูไม้ของอาคารหินก็พังทลาย ร่างของใครคนหนึ่งโซซัดโซเซวิ่งหนีออกมา…
“จับตัวนางไว้ให้ได้”
“อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด”
นักล่าอสูรจำนวน 5 ถึง 6 คนวิ่งไล่ตามไปดักหน้าดักหลังผู้หลบหนี สุดท้าย หญิงสาวที่หลบหนีออกมาจากอาคารหินก็กำลังจะถูกลากตัวกลับเข้าไปอีกครั้ง
“เฮอะ ไม่มีทางที่ข้าจะยอมง่ายๆ เด็ดขาด”
เมื่อเห็นว่าตนเองไม่มีทางหนีรอดแน่แล้ว หญิงสาวผู้นั้นก็หันกลับมากระแทกหมัดใส่นักล่าอสูรคนที่มีร่างกายผอมแห้งมากที่สุด
แต่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของนางเองในขณะนี้ก็อ่อนแออยู่ไม่น้อย ด้วยมีบาดแผลอยู่ทั่วกาย บ่งบอกว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงสู้กันไม่กี่กระบวนท่า หญิงสาวก็ต้องล้มลงไปนอนหมดสภาพบนพื้นดิน…
เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นใบหน้าของหญิงสาวถนัดตา เขาก็ต้องเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
เพราะนี่คือหญิงสาวร่างกำยำผู้มีนามว่าอู๋หงแห่งสำนักล่าอสูรกุหลาบไฟนั่นเอง
เป็นไปได้ยังไงกัน?
ก็ไหนว่าสมาชิกของสำนักล่าอสูรกุหลาบไฟถูกจับตัวไปขายหมดแล้วไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมอู๋หงถึงยังอยู่ที่นี่ได้อีก?
หรือว่านางกำยำเกินไปจนขายไม่ออก?
หลินเป่ยเฉินสงสัยไปต่างๆ นานาขณะหมุนตัวเดินตรงเข้าไปที่อาคารหินหลังนั้น
“หยุดก่อน เจ้าเป็นใคร?”
นักล่าอสูรหน้าตาดุร้ายสองคนผู้ทำหน้าที่ยืนดูต้นทาง กวาดตามองหลินเป่ยเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาเหยียดหยาม ก่อนกล่าวว่า “เป็นเพียงยามเฝ้าคฤหาสน์ คิดอยากรับชมความบันเทิง ต้องจ่ายมาก่อน 1 เหรียญทองคำ เจ้ามีปัญญาจ่ายหรือไม่?”
“ไปเก็บที่มารดาเจ้าเถอะ”
หลินเป่ยเฉินใช้หลังมือกระแทกชายฉกรรจ์ทั้งสองลอยกระเด็นออกไป
“มีคนเข้ามาก่อกวน”
“จับตัวมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
เมื่อนักล่าอสูรคนอื่นๆ เห็นดังนั้น ก็แสดงกิริยาโกรธแค้นออกมาทันที
หลายคนที่กำลังควบคุมตัวอู๋หงถึงกับปล่อยตัวนาง ชักกระบี่ออกมา แล้วตรงรี่เข้ามาที่หลินเป่ยเฉิน