บทที่ 172 กวาดล้างสมาคมชั่ว
ในเมื่อแขนขาไร้เรี่ยวแรง แล้วจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร
อย่างไรเสีย บุรุษหนุ่มผมดำก็ไม่มีทางหลีกหนีจากกระบี่นี้ได้เด็ดขาด
แต่ทันใดนั้น ‘เสื้อกั๊ก’ สีเขียวที่เขาสวมใส่อยู่พลันคลายตัวออก ก่อนพุ่งตัวเป็นลำแสงสีเขียวฉกเข้าใส่หลินเป่ยเฉิน
วูบ!
ลำแสงสีเขียวนั้นปะทะเข้ากับคมกระบี่อย่างแรง
ส่วนหัวของลำแสงสีเขียวพุ่งเข้ามาฝังเขี้ยวลงบนหัวไหล่ซ้ายของเด็กหนุ่ม
ถูกต้องแล้ว
มันกัดเขา
ด้วยความที่ไม่ทันระวังตัว หลินเป่ยเฉินจึงถูกกัดเข้าอย่างแรง
ตอนนั้นเอง เขาถึงได้รู้ สิ่งที่เข้าใจว่าเป็นเสื้อกั๊กสีเขียวของบุรุษหนุ่มผมดำ แท้จริงแล้วมันกลับเป็นงูสีเขียวประหลาดตัวหนึ่ง
เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันรัดพันตัวบุรุษหนุ่มผมดำร่างกายกำยำแน่นิ่งเหมือนไม่มีชีวิต ทุกคนจึงเข้าใจว่าเขากำลังสวมใส่เสื้อกั๊กสีเขียวอยู่นั่นเอง
แม้ว่ามันจะถูกกระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินฟันเข้าไปที่ลำตัวอย่างจัง แต่ก่อนที่มันจะสิ้นใจตาย เจ้างูร้ายก็ได้งับปากของมันลงมาที่หัวไหล่ซ้ายของเด็กหนุ่มอย่างแรง ส่งผลให้เขี้ยวแหลมทั้งสี่ข้างทะลุลงไปในกล้ามเนื้อ และเมื่อมันฉีดพิษเข้าสู่ร่างกายของเขา หลินเป่ยเฉินก็เริ่มรู้สึกแขนขาอ่อนแรงแล้วเช่นกัน…
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กเมื่อวานซืน กล้าดีอย่างไรคิดโจมตีข้า?”
บุรุษหนุ่มผมดำเงยหน้าหัวเราะสะใจ พยายามทรงกายไม่ให้ล้ม พลางคำรามออกมาว่า “เก่งจริงก็ถือกระบี่เข้ามาฟันข้าเลยสิ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะมีปัญญาเดินได้สักกี่ก้าว”
บรรดาลูกสมุนนักล่าอสูรที่อยู่รอบสังเวียน พลันชักกระบี่กระโดดลงมา กระจายกำลังโอบล้อมหลินเป่ยเฉินด้วยสีหน้าดุดันอำมหิต
อู๋หงยังจำไม่ได้อยู่ดีว่าหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ใด
“หนีไปซะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา” นางร้องตะโกน
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “ข้าไม่คิดเลยนะว่าบุรุษอกสามศอกอย่างนายท่านห้า จะต้องให้งูตัวหนึ่งสังเวยชีวิตแทนตัวเอง”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็ปักกระบี่ลงบนพื้นข้างตัว ยกมือขวาขึ้นจับหัวงูที่ตายแล้วเขวี้ยงทิ้งลงไปบนพื้น เมื่อใช้เท้ากระทืบหัวงูจนแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี หลินเป่ยเฉินก็ใช้พลังวงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง
วงแหวนวารีแผ่รัศมีสดใสรอบกายเด็กหนุ่ม
อาการบาดเจ็บบริเวณไหล่ซ้ายของเขาหายดีเป็นปลิดทิ้ง
จังหวะนั้น เขาดาวน์โหลดยาแก้พิษสารพัดนึกออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ และกลืนมันลงคอหนึ่งเม็ด
นี่คือยาแก้พิษที่มีสรรพคุณสามารถต้านพิษได้ถึงหมื่นชนิด เป็นผลงานการค้นคว้าของผู้เฒ่าหมื่นพิษ
ผู้ชำนาญเรื่องการใช้ยาพิษ ย่อมมีความสามารถในการปรุงยาแก้พิษเช่นกัน
และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พวกนักล่าอสูรรอบกาย ตัดสินใจบุกเข้ามาจู่โจมเขา
หลินเป่ยเฉินชักกระบี่โดรานกลับขึ้นมาจากพื้น และสะบัดมือตวัดกระบี่ด้วยความคล่องแคล่ว
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
เสียงคมกระบี่แทงทะลุเนื้อคนดังต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
นี่คือกระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อย
แม้จะเป็นวิชากระบี่ระดับ 1 ดาว แต่เมื่อผู้ใช้งานมีขั้นพลังอยู่ในระดับปรมาจารย์ อานุภาพการทำลายล้างย่อมไม่ธรรมดา
คมกระบี่สาดแสงแวววาวราวกับเป็นดวงดาวบนฟ้า
นักล่าอสูรจำนวนสามถึงสี่คนที่อยู่ด้านหน้าสุด พากันล้มโครมลงไป ยกมือกุมลำคอ ดิ้นทุรนทุราย
พริบตานั้น ยาแก้พิษที่เขารับประทานลงไปก็เพิ่งจะออกฤทธิ์
แขนซ้ายรู้สึกเย็นวูบวาบ
ความรู้สึกชาดิกและอาการปวดบวมจากพิษของงูร้ายจางหายไปหมดสิ้น
มือซ้ายของเด็กหนุ่มมีลำแสงวูบวาบขึ้นเล็กน้อย แล้วมีดเจิ้งอี้ก็ถูกดาวน์โหลดมาอยู่ในมือของเขา
“พวกเจ้าตายซะเถอะ”
หลินเป่ยเฉินคำราม โถมตัวออกไปข้างหน้า
คมกระบี่สาดแสงเป็นประกาย
ไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนที่หนีรอด
กลุ่มนักล่าอสูรตัวชั่วร้ายล้มลงตกตายเลือดนองพื้น
พั่บพั่บพั่บ!
เสียงนกกระพือปีกดังขึ้น
หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆเข้าไปประชิดตัวบุรุษหนุ่มผมดำ
หากจะกวาดล้างกองโจร ก็ต้องฆ่าหัวหน้าให้ตายก่อน
จะฆ่างูก็ต้องตัดหัวทิ้ง
ถ้าเขาจัดการเด็ดชีพนายท่านห้าได้สำเร็จ พวกลิ่วล้อคนอื่นๆ ก็คงไม่มีกะจิตกะใจต่อสู้อีกแล้ว
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเข้ามายืนประชิดกาย บุรุษหนุ่มผมดำก็ร่ำร้องว่า “พวกเจ้ายังไม่มารีบขัดขวางมันอีก…”
ขณะที่พูด ผู้มีตำแหน่งเป็นนายท่านห้า ก็หมุนตัวพยายามหลบหนี
ถึงเขาจะมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 แต่เมื่อถูกผงหลับใหลไม่รู้ลืมเล่นงาน ก็ยากที่ร่างกายจะต้านทานพิษของมันได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผมดำร่างกายกำยำขณะนี้ ไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อนอีกแล้ว
ผิดกับหลินเป่ยเฉินที่ไวทายาท เด็กหนุ่มเสือกแทงกระบี่ทะลุเสื้อคลุมของบุรุษหนุ่มผมดำเสียงดังสวบ
จังหวะนั้น บุรุษหนุ่มผมดำส่งเสียงร้องครางแปลกประหลาดในลำคอ ม้วนตัวกลิ้งหลบไปด้านข้าง
หลินเป่ยเฉินขยับมือซ้ายและแทงมีดออกไปข้างหน้า
“อย่าฆ่าข้าเลยนะ อย่าฆ่าข้าเลย…”
บุรุษหนุ่มผมดำกำลังคลานสี่ขาอยู่บนพื้น น้ำหูน้ำตาไหล ส่งเสียงร้องขอความเมตตา
หลินเป่ยเฉินไม่ได้รู้สึกสงสารเห็นใจแม้แต่น้อย เขาสืบเท้าเดินเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม หลังจากนั้นจึงได้กระทืบเท้าลงไปที่แผ่นหลังของผู้มีตำแหน่งนายท่านห้าแห่งสมาคมนักล่าอสูรประจำชายแดนเหนือ
“อ๊าก…” บุรุษหนุ่มผมดำส่งเสียงร้องโหยหวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขากัดฟันลุกขึ้นมาหมุนตัว แล้วต่อยหมัดใส่หน้าอกของหลินเป่ยเฉิน
กร๊อบ
ได้ยินเสียงกระดูกหน้าอกแตกหัก
ต่อให้บุรุษหนุ่มผมดำจะถูกผงหลับใหลไม่รู้ลืมเล่นงาน แต่อย่าลืมว่าเขามีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 2 ยามเผชิญหน้ากับความตาย หมัดสุดท้ายในชีวิตจึงมีพละกำลังมหาศาล ถึงหลินเป่ยเฉินฝึกวิชากระบี่เร้นกาย ก็ไม่อาจต้านทานได้อีกแล้ว
แต่เด็กหนุ่มจะบาดเจ็บได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมา สร้างวงแหวนวารีครอบคลุมตนเอง
เขากระทำต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
วงแหวนสีฟ้าครอบคลุมเป็นแสงสว่างวิบวาบ
แล้วกระดูกที่แตกหักก็กลับมาสมานตัวดีเหมือนเดิม
เด็กหนุ่มใช้เท้าเหยียบกลับลงไปที่แผ่นหลังของบุรุษหนุ่มผมดำอีกครั้ง พร้อมกับคำรามออกมาเสียงดังว่า “ตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์เจ้าเอง…จงลงนรกไปพบกับยมบาลซะเถอะ”
กระบี่โดรานในมือของเขาตัดศีรษะนายท่านห้าขาดสะบั้น
ตอนที่หลินเป่ยเฉินยังอยู่โลกมนุษย์ เขาเคยดูภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มากมาย เห็นอยู่เสมอว่าตอนที่พระเอกกำลังจะเอาชนะตัวโกงได้แล้ว ก็จะมัวเสียเวลายืนพูดอะไรไม่เข้าท่า ทำให้ตัวโกงตั้งหลักได้แทบจะทุกครั้ง…มันเป็นฉากที่พบเห็นได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีคำว่าตกยุคสำหรับวงการละคร
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ภาพยนตร์และละครเหล่านั้นทำให้หลินเป่ยเฉินกำชับกับตัวเองว่า เขาจะไม่ยอมเป็นพระเอกโง่ๆ แบบนั้นเด็ดขาด เมื่อเอาชนะศัตรูได้แล้ว อย่างน้อยก็ต้องแทงหัวใจให้ตายสนิท หรือเพื่อป้องกันความผิดพลาด ตัดหัวทิ้งได้ก็ยิ่งดี
“ไม่จริงน่ะ นายท่านห้าถูกฆ่าตายแล้ว”
“ทุกคน นายท่านห้าถูกฆ่าตายแล้ว นายท่านถูกผู้บุกรุกฆ่าตายแล้ว”
ทันใดนั้น ภายในสังเวียนต่อสู้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
“คิดจะหนีกันงั้นหรือ”
หลินเป่ยเฉินพลิ้วกายเข้าหากลุ่มชายฉกรรจ์ ปฏิบัติตัวเหมือนเทพเจ้าแห่งความตาย
ไม่ว่าเขาเคลื่อนกายไปที่ไหน ก็จะมีเลือดสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง
พริบตาเดียวเท่านั้น นักล่าอสูรหลายสิบชีวิตก็ล้มตายราวใบไม้ร่วง
นักล่าอสูรกลุ่มนี้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมดา ผู้ที่มีพลังสูงสุดก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 9 เท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเป่ยเฉิน จึงตกตายภายในกระบวนท่าเดียว
“พวกเราล้อมกรอบรุมโจมตีมัน”
ใครบางคนส่งเสียงตะโกนขึ้นมา
ฟ้าว!
มีคนยิงอาวุธลับใส่หลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มใช้วิชากระบี่สายน้ำไหลและกระบวนท่ากระบี่สลายสายน้ำปัดป้องอาวุธลับที่ถูกยิงเข้ามา
ในเวลาเดียวกันนั้น หลินเป่ยเฉินก็พลิ้วกายวูบ ยกมือขวาขึ้น ยิงลูกดอกเหล็กสวนกลับไปใส่ผู้ที่ใช้อาวุธลับโจมตีเขา
ระหว่างนั้นมีเวลาได้พักอยู่ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็ใช้วงแหวนวารีฟื้นฟูร่างกายตนเอง
เพียงไม่นาน กลุ่มนักล่าอสูรก็ล้มตายเกือบหมดสิ้น
“พวกเรารีบไปแจ้งสำนักงานใหญ่กันเถอะ”
“ปีศาจน้อยตัวนี้แข็งแกร่งมากเกินไป…”
พวกที่รอดชีวิตอยู่รีบหันหลังวิ่งหนีไป
แต่เมื่อพวกมันวิ่งมาถึงประตูทางออก ตัวคนก็มีอันต้องล้มพับลงบนพื้นตามๆ กัน
ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าตอนเดินเข้ามานั้น หลินเป่ยเฉินได้นำยาพิษและยาสลบชะโลมไว้บนกำแพงหินเป็นจำนวนมาก เมื่อนักล่าอสูรกลุ่มนี้สูดดมเข้าไป ก็ถูกพิษเล่นงานเข้าโดยทันที หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ที่หลงเหลืออยู่ในอาคารหินหลังนั้นก็มีแต่หลินเป่ยเฉิน อู๋หงและเด็กชายตัวน้อยเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ เสียชีวิตหมดสิ้น
อู๋หงหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน?
การลงมือของเขาช่างเด็ดขาดและแข็งแกร่งนัก
“ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต กรุณาแจ้งชื่อของท่านมา แล้วอู๋หงจากสำนักล่าอสูรกุหลาบไฟคนนี้ จะต้องหาโอกาสตอบแทนบุญคุณท่านแน่นอน”
อู๋หงประสานมือคำนับอ่อนน้อม
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมา ยกมือขึ้น แล้วสร้างวงแหวนวารีครอบคลุมลงไปที่ร่างกายของอู๋หง
จอมยุทธ์หญิงร่างกายกำยำสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าบิดเบี้ยวแดงระเรื่ออย่างที่หาได้ยากยิ่ง
ทันใดนั้น สีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เนื่องจากอู๋หงพบว่าอาการบาดเจ็บของตนเองเริ่มดีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีวงแหวนสีฟ้าครอบคลุมลงมา เช่นเดียวกับความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียที่มลายหายไป ทำให้ร่างกายของนางกลับมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง