บทที่ 176 เพราะประมาทจึงพ่ายแพ้
“สงสัยต้องพึ่งวิชากระบี่เร้นกายซะแล้วสิ”
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวไปด้านหลัง รีบสั่งงานโทรศัพท์ทันที
“เสี่ยวจี้ เปิดใช้งานแอปกระบี่เร้นกายแบบเต็มอัตราสูงสุด”
เด็กหนุ่มออกคำสั่งอยู่ในใจ
“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”
เสียงผู้ช่วยส่วนตัวสาวตอบกลับมา
จังหวะนั้น ชายชราผมเทาพลิ้วกายขึ้นเหมือนเหยี่ยวถลาลม
พั่บพั่บพั่บ!
พลัน เสียงนกกระพือปีกดังขึ้นในอากาศ หลินเป่ยเฉินใช้วิชาวิหคดั้นเมฆหลบหนีการจู่โจมและยกมือขึ้นยิงอาวุธลับโต้ตอบกลับไป
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว!
ลูกดอกเหล็กหกดอกพุ่งตัดอากาศ
ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณออกจากฝ่ามือ สามารถซัดอาวุธลับออกไปได้ห้าชิ้น แต่เหลือรอดลูกดอกเหล็กหนึ่งดอกพุ่งผ่านข้างแก้มของเขาไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
“จอมโจรน้อยมีฝีมือรอบตัวขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ชายชราอดประหลาดใจไม่ได้
เขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว บัดนี้จึงได้ชักกระบี่ออกมาจากข้างเอวเสียงดังเช้ง
“วันนี้เจ้าไม่รอดแน่” กระบี่สีทองเป็นประกายวูบวาบ พุ่งเข้าไปโจมตีใส่หลินเป่ยเฉิน
เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กหนุ่มทิ้งตัวกลับลงไปบนพื้น ทำให้เขาต้องม้วนตัวหลบกลิ้งไปกลิ้งมา
เคล้ง เคล้ง เคล้ง!
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
คมกระบี่โจมตีต่อเนื่อง แรงลมปะทะของตัวกระบี่ซัดเข้าทุกตำแหน่งที่ร่างเด็กหนุ่มเคลื่อนผ่าน หลังจากนั้น พลังลมปราณก็ถูกยิงออกมาตามติด
แต่มันถูกยิงขึ้นมาจากพื้นดิน
“ตาแก่นี่มีพลังปราณธาตุดินเหรอเนี่ย”
พลังปราณธาตุดินเป็นหนึ่งในพลังที่มีการโจมตีหนักหน่วงรุนแรงที่สุด แต่ในทางกลับกัน ก็สามารถรับการโจมตีได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะขาดความพลิกแผลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะจัดการได้ง่ายๆ
มีข่าวลือว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังระดับเซียนและมีพลังปราณธาตุดิน ถึงกับมีเรี่ยวแรงมหาศาลไม่รู้หมด จัดได้ว่ามีความแข็งแกร่งทั้งการโจมตีและการป้องกันอย่างหาตัวจับยาก
หลินเป่ยเฉินรับทราบข้อมูลเหล่านี้เช่นกัน จึงต้องวางแผนการต่อสู้ให้ดี
เด็กหนุ่มใช้วิชาตัวเบาย่องหาโฉมสะคราญ เปลี่ยนแปลงตำแหน่งท่าร่างอย่างรวดเร็ว จากซ้ายกลายเป็นขวา จากหลังกลายเป็นหน้า ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกดอกเหล็กก็ถูกซัดออกมาจากกระบอกยิงอาวุธลับตลอดเวลา
วิชาอินทรีถลานางแอ่นเหินลม จัดเป็นวิชาอาวุธลับระดับ 2 ดาว
หลินเป่ยเฉินเปิดแอปเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เขามีความสามารถในการใช้อาวุธลับอยู่ระดับ 4 เมื่อประกอบกับบทเพลงกระบี่ไร้เทียมทานที่เพิ่มพลังการต่อสู้ให้ชั่วคราว นั่นจึงหมายความว่าในขณะนี้ทักษะการใช้อาวุธลับของหลินเป่ยเฉินจึงมีความน่ากลัวมากกว่าเดิมหลายเท่า
ชายชราผมเทาต้องรับมือการโจมตีครั้งนี้ด้วยความระมัดระวัง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!
ลูกดอกที่ถูกยิงออกมาจากแขนเสื้อลอยกระเด็นไปครั้งแล้วครั้งเล่า
เพียงพริบตาเดียว ลูกดอกที่อยู่ในกระบอกยิงอาวุธลับก็ถูกใช้งานหมดแล้ว
ดูเหมือนว่าเมื่อต้องเผชิญหน้าการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย อาวุธลับจะไม่ใช่ตัวกำหนดชัยชนะเสียแล้ว
หลินเป่ยเฉินรับพลังจากบทเพลงกระบี่ไร้เทียมทาน ส่งเสียงคำรามพลางควงกระบี่และมีดด้วยสองมือ เขาใช้วิชากระบี่สามพิฆาตตรงเข้าไปพัวพันชายชรา เมื่ออยู่ในระยะทำการ หลินเป่ยเฉินก็ใช้กระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อยออกมาทันที
ชายชราตวัดกระบี่ขึ้นปัดป้อง
เคล้ง เคล้ง เคล้ง!
คมกระบี่ปะทะกันหนักหน่วงรุนแรง
แล้วเศษกระบี่ก็แตกหักกระจัดกระจาย
ชายชราหัวหน้าใหญ่รู้สึกชาที่ข้อมือข้างซ้าย
เมื่อก้มมองลงไป จึงได้พบว่ากระบี่ทองคำที่ซื้อมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล บัดนี้เหลือแต่ด้าม เพราะคมกระบี่แตกหักหมดสิ้นแล้ว
แต่ทางด้านของหลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้โชคดีมากกว่ากัน ทั้งกระบี่และมีดที่อยู่ในสองมือของเขา ต่างก็แตกหักไม่เหลือชิ้นดี ถึงคราวอวสานของกระบี่โดรานและมีดเจิ้งอี้เสียแล้ว
ดวงตาของทั้งสองฝ่ายต่างจับจ้องมองอาวุธในมือกันและกันด้วยความไม่อยากเชื่อ
“นี่เรากำลังเจออยู่กับผู้ใช้อาวุธเวทย์มนต์อย่างนั้นหรือ?”
นี่คือความคิดที่ปรากฏขึ้นในสมองของทั้งสองฝ่าย
แต่ความแตกต่างก็คือด้วยความที่ชายชราเป็นหัวหน้าใหญ่ ปกติจึงไม่ได้พกอาวุธสำรองไว้ใช้ยามเหตุฉุกเฉิน บัดนี้ อาวุธเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ ก็คือฝ่ามือของตัวเองเท่านั้น เคราะห์ดีที่ตนเองเป็นผู้มีพลังธาตุดิน จึงทำให้สามารถโจมตีได้อย่างดุดันไม่ขาดตอน
ส่วนหลินเป่ยเฉินยังสามารถดาวน์โหลดดาบศีลธรรมออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ได้อยู่
ถึงเวลาเอาชนะตัววายร้ายด้วยศีลธรรมแล้ว
“สุนัขเฒ่ารู้หรือไม่ สำหรับกับข้าคนนี้ กระบี่ก็เหมือนพี่น้องคนหนึ่ง เจ้าทำให้ข้าต้องสูญเสียมันไป นี่คือความผิดที่เจ้าต้องชดใช้ด้วยความตาย”
หลินเป่ยเฉินใช้สองมือกุมด้ามจับดาบศีลธรรม ก่อนถลันกายเข้าไปจู่โจมด้วยความร้อนแรง
คราวนี้เด็กหนุ่มเปลี่ยนกระบวนท่าแล้ว
เขาใช้วิชากระบี่รักนิรันดร์
วิชาที่ได้รับมาจากอาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวี
ตั้งแต่ได้รับคัมภีร์มาอยู่ในมือ หลินเป่ยเฉินก็จัดการสแกนสร้างแอปลงโทรศัพท์มือถือ เขาเปิดใช้งานฝึกฝนวิชากระบี่นี้มาตลอด เพียงแต่ยังไม่เคยมีโอกาสนำออกมาใช้งานจริงเท่านั้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา แค่วิชากระบี่ทะลวงจันทร์ก็เพียงพอที่จะกำราบเหล่าร้ายสำเร็จแล้ว
ทว่า บัดนี้คงถึงเวลาใช้งานแล้วละ
“เจ้าต้องชดใช้ที่ทำให้กระบี่ของข้าเสียหาย”
หลินเป่ยเฉินร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นขณะแสดงกระบวนท่า ‘กระบี่รักนิรันดร์’
คมดาบสาดประกายในอากาศ
เนื่องจากเด็กหนุ่มเป็นผู้มีพลังปราณธาตุน้ำ จึงสามารถใช้งานเพลงกระบี่รักนิรันดร์ได้ดีกว่ามือกระบี่ทั่วไป เพราะสายน้ำกับความรัก มักจะมอบความสงบให้แก่จิตใจได้เหมือนกันนั่นเอง
“เพลงกระบี่ที่ยอดเยี่ยมนัก” ชายชราอดตกตะลึงไม่ได้
เขาสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าเพลงดาบที่เด็กหนุ่มใช้ออกมาขณะนี้ มีความซับซ้อนและร้ายกาจมากกว่าเพลงกระบี่ก่อนหน้านี้หลายเท่า
แต่ที่สำคัญก็คือดาบใหญ่ในมือเด็กหนุ่ม แค่ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเป็นอาวุธระดับสูง
ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงหรือสีสันการตี รับประกันได้ว่านี่คืออาวุธสวรรค์ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
ยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจว่าจอมโจรน้อยผู้นี้ ต้องมาจากตระกูลใหญ่แน่นอน
มิเช่นนั้นแล้ว เขาจะครอบครองอาวุธเหล่านี้ได้อย่างไร
ชายชราผมเทาหมุนตัว ไม่กล้าใช้ฝ่ามือโจมตีฝ่ายตรงข้ามโดยพละการอีก
“กระบวนท่าเด็ดบุปผาใต้แสงจันทร์!”
หลินเป่ยเฉินคำรามเสียงดังลั่น
นี่คือกระบวนท่าที่สองในเพลงกระบี่รักนิรันดร์
เกิดภาพมายาของคลื่นน้ำ หมอกขาว ดวงจันทร์และกลีบดอกไม้ลอยละล่องในอากาศ
ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนวนตามการเคลื่อนไหวของคมดาบ
ชายชราและเด็กหนุ่มต่อสู้กันหลายกระบวนท่า
เมื่อมีจังหวะ หลินเป่ยเฉินก็จะใช้วงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง
ทำให้ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพแข็งแรงที่สุด
พลังลมปราณไม่ได้ลดน้อยถอยลง
ร่างกายปราศจากความเหนื่อยล้า
คมกระบี่ยิ่งมายิ่งพลิกแพลง
“เด็กหนุ่มคนนี้มันเป็นปีศาจชัดๆ”
ชายชราครุ่นคิดด้วยความไม่อยากเชื่อ
ตอนแรก เขาคิดว่าหลินเป่ยเฉินมีพลังเพียงขั้นปรมาจารย์ระดับ 1 เท่านั้น เพราะดูจากลักษณะการโจมตี การเคลื่อนไหวท่าร่าง และกลยุทธ์การต่อสู้ นับได้ว่าเด็กหนุ่มยังห่างชั้นจากผู้มีพลังขั้นปรมาจารย์ระดับสองอยู่อีกมาก แม้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะมีพรสวรรค์มากก็ตาม
ดังนั้น ถ้าต่อสู้โดยยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ชายชราผมเทาก็เข้าใจว่า ตนเองต้องเป็นฝ่ายกำชัยชนะแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับสามารถทนทานมาได้ถึงตอนนี้
นั่นทำให้ชายชราเริ่มมีอาการร้อนรนขึ้นมาแล้ว
ศัตรูเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุน้อย แต่กลับสร้างความลำบากให้เขาได้ถึงเพียงนี้
นับว่าเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากที่สุดในรอบหลายปีแล้ว
หรือว่าสมาคมนักล่าอสูรแห่งชายแดนเหนือ จะต้องจบสิ้นลงด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มผู้นี้จริงๆ ?
ไม่มีทาง
เขาจะต้องกุดหัวปีศาจน้อยตัวนี้และหลบหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายชราก็ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่มีความลังเลเหลืออยู่อีกต่อไป
“วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ”
ชายชราผู้มีพลังปราณธาตุดินพลันระเบิดลำแสงสีแดงสว่างจ้าออกมาจากร่างกาย
หลินเป่ยเฉินพบว่าลำแสงสีแดงนั้นแท้จริงแล้วมันคือละอองเลือดที่พุ่งออกมาจากรูขุมขน และหลอมรวมเข้ากับพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายชายชรา สุดท้าย พลังลมปราณก็ทำให้ละอองเลือดจับตัวเป็นกลุ่มก้อน และลอยตัวอยู่ในอากาศได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เด็กหนุ่มจ้องมองด้วยความไม่อยากเชื่อ
สัญชาตญาณบอกเขาว่านี่คืออันตรายที่แท้จริง
ไม่ได้การแล้ว
ดูเหมือนตัวบอสจะใช้ท่าไม้ตายออกมาซะแล้วสิ
เขาจะทำอย่างไรดี?
เด็กหนุ่มรีบม้วนตัวหนีไปด้านหลัง พร้อมกันนั้นก็ยกมือขึ้น ใช้วงแหวนวารีครอบลงมาที่ศีรษะของตนเองหลายสิบครั้ง
จนกระทั่งเหนือศีรษะของเขาปรากฏวงแหวนสีเขียว
“ฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ!”
เมื่อร่ายรำกระบวนท่าครบถ้วน ชายชราก็ส่งเสียงคำรามในลำคอเหมือนม้าป่ากระหายศึก เขาย่อเข่าลงเล็กน้อย มือซ้ายและมือขวายกขึ้นมาอยู่ระดับอก แล้วเลือดสีแดงสดที่แข็งตัวอยู่ในอากาศ ก็เริ่มเปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ฝ่ามือโลหิตลอยตัวเข้ามาระเบิดใส่ข้างกายหลินเป่ยเฉินอย่างต่อเนื่อง
เหมือนเขาถูกโจมตีด้วยลูกระเบิดไม่มีผิด!
หลินเป่ยเฉินไม่กล้าประเมินการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไปอีกแล้ว เขารีบใช้วิชาตัวเบาย่องหาโฉมสะคราญล่าถอยหลบหนี แต่ชายชราก็พลิ้วกายมาปิดทางออกได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ามือโลหิตประกบเข้ามาซ้ายขวาในระยะประชิดตัว ทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถหลบหนีได้อีก
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด
ตาแก่นี่มีทีเด็ดซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย
เขาไม่น่าประมาทเกินไปเลย
เมื่อสักครู่นี้ หากฉวยจังหวะหลบหนีไปตั้งแต่แรก ป่านนี้ก็คงรอดแล้ว
ไม่น่าร้อนวิชาอยากบวกกับตาแก่นี่เลย
เพราะเขาประมาทมากเกินไป จึงต้องพ่ายแพ้อย่างนี้เอง