บทที่ 185 ทำไมถึงเปิดกล้อง
“น้องชาย ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ลองดูให้ดีสิ ของแต่ละชิ้นมีราคาบอกเอาไว้อยู่”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความมาอีกครั้งว่า “แต่การโอนถ่ายข้อมูลแต่ละครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย หลังจากเจ้าเลือกของที่ต้องการได้แล้ว ข้าก็จะส่งของสิ่งนั้นไปให้เจ้า”
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวขอดูก่อน”
หลังจากนั้น เขาก็กดเข้าไปดูในรายละเอียดสินค้าที่วางขายอยู่ในร้านค้าของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
แต่เด็กหนุ่มไม่พบสิ่งที่ตนเองต้องการ
“พอจะมียาที่กินแล้วแขนงอกออกมาใหม่บ้างไหม?”
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความกลับไป เพราะจากข้อมูลล่าสุดที่เขาได้รับมาก็คือ ฉู่เหินได้รับบาดเจ็บที่แขนทั้งสองข้างอย่างรุนแรง ทำให้ต้องตัดแขนทิ้งไปเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
ข้อความของเทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาทันทีว่า “อะไรกัน? เจ้าต้องการยาปลูกอวัยวะอย่างนั้นหรือ? หรือว่าเจ้าเป็นคนพิการ?”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “แค่ตอบว่ามีหรือไม่มีก็พอ”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงพิมพ์ตอบกลับมาโดยเร็ว “ไม่มี”
หลินเป่ยเฉินใช้ความคิดอีกเล็กน้อย ก็รัวนิ้วมือพิมพ์ว่า “ถ้าอย่างนั้นมีวิธีรักษาหน้าของคนที่เสียโฉมบ้างไหม?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามถามกลับมาด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าเสียโฉมอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย “บอกแล้วไง…ตอบมาว่ามีหรือไม่มีก็พอแล้ว”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงตอบกลับมาทันทีว่า “ไม่มี”
หลินเป่ยเฉินไม่เคยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้มาก่อน “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นเทพีฝึกหัดที่กระจอกเหลือเกินนะ ไม่ว่าข้าต้องการอะไรเจ้าก็ไม่มีเลยสักอย่าง…ช่างมันเถอะ ข้าไม่ต้องการของอะไรจากร้านค้าของเจ้าหรอก เอาเป็นว่าเจ้าติดหนี้ข้าอยู่ก็แล้วกัน รอให้เจ้ามีความสามารถมากกว่านี้ ข้าถึงจะทวงคืน”
…
ในดินแดนทวยเทพ
ณ ปราสาทร้างหลังหนึ่ง
เทพีกระบี่หิมะไร้นามนอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
นางนอนขดตัวเหมือนลูกแมวตัวน้อย ผ้าห่มผืนเก่าปกคลุมร่างกาย เรียวขาขาวเนียนที่ยื่นพ้นผ้าห่มออกมาดูสวยงามราวกับงาช้าง ไม่มีตำหนิเลยแม้แต่จุดเดียว
ขณะนี้ นางกำลังขมวดคิ้วมองตัวเลขค่าใช้จ่ายในการสื่อสารเมื่อสักครู่นี้ แล้วก็ให้รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาในทันใด
แบบนี้มันไม่ถูกต้อง
น้องชายผู้นั้นกำลังทุกข์ทรมานอยู่ในดินแดนเบื้องล่าง
ผ่านไปเพียงไม่เท่าไหร่ คิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายของเขากลับพิกลพิการ มิหนำซ้ำ ใบหน้ายังเสียโฉมไปแล้ว…
เขาจะสามารถกลับขึ้นมาที่ดินแดนทวยเทพได้อีกหรือไม่ ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้
นางจึงรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน
และเพื่อที่จะติดต่อหลินเป่ยเฉินให้ได้ต่อไป เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงจำเป็นต้องเสียสละเครื่องสังเวยให้แก่เครือข่าย ‘กิเลนการสื่อสาร’ เป็นราคา 10 เหรียญทองคำ ถึงแม้ว่ากิเลนการสื่อสารจะเป็นเครือข่ายที่แย่กว่าค่ายสัญญาณโทรศัพท์เจ้าอื่นๆ ก็ตาม แต่ขอให้ติดต่อคู่สนทนาได้ไม่มีปัญหา มันก็เพียงพอแล้ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตรวจสอบดูอีกครั้งหนึ่งให้แน่ใจ ว่าเหรียญทองของนางที่เสียไปจะทำให้การสื่อสารไม่สะดุด
สำหรับนางแล้ว นี่คือการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก
แต่มันก็คุ้มค่า เพราะมีแต่ต้องช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินในยามนี้เท่านั้น ความเชื่อใจที่เขามีต่อนางถึงจะกลับมา แม้จะแค่เล็กน้อยก็ยังดี
เป็นเวลานานมากแล้วที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่เคยติดต่อสื่อสารกับผู้ใดมาก่อน
ตอนแรก นางหวังเอาไว้ว่าจะกลับมาหลอกเอาเงินจากหลินเป่ยเฉินอีกเรื่อยๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อติดต่อกันอีกที ชีวิตของเขาจะกลับตาลปัตรพลิกผันได้ถึงเพียงนี้ เพราะฉะนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงตัดสินใจแล้วว่านางจะต้องช่วยเหลือเขาให้ได้
เพราะถ้านางช่วยเหลือเขาไม่สำเร็จ นั่นก็หมายความว่าการลงทุนซื้อแพคเกจการสื่อสารในครั้งนี้ ก็จะสูญสลายไปกับตา
“น้องชาย ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เห็นแก่เจ้าที่เคยมีหน้าตาหล่อเหลามาก่อน ข้าจึงนึกออกแล้ว…ว่าข้ามีคัมภีร์เล่มหนึ่งมันชื่อว่า ‘คัมภีร์แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ’ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายก็แล้วกัน”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความด้วยพลังจิต
หลังจากนั้น บนหน้าจอแท็บเล็ตก็มีข้อความตอบกลับมาว่า “แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ? มันคืออะไร? เป็นคัมภีร์เอาไว้ฝึกวิชาหมัดเทพเจ้าดาวเหนือหรือไง?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพูดอะไรไม่ออก แสงจากหน้าจอแท็บเล็ตอาบไล้ผิวพรรณที่ขาวเนียน นางเลิกผ้าห่มออก หันกลับมานอนหงาย ภูเขาไฟขนาดใหญ่ทั้งสองลูกนั้นเตะตาเป็นอย่างยิ่ง ขาเรียวยาวของนางยกขึ้นไขว้กัน ดูเย้ายวนใจเป็นที่สุด
เทพีกระบี่หิมะไร้นามขยับมุมแท็บเล็ตที่ลอยอยู่ในอากาศเล็กน้อย เพื่อให้ตนเองมองหน้าจอได้อย่างสบายที่สุด ก่อนที่นางจะตอบกลับไปด้วยความเกียจคร้านว่า
“มันเป็นคัมภีร์ที่จะบอกถึงรายละเอียดการสร้างแขนกลขึ้นมาใหม่จากเหล็กกล้า เมื่อเจ้าทำตามวิธีในคัมภีร์นั้นแล้ว เจ้าก็จะมีแขนเทียมที่สามารถใช้งานได้เหมือนแขนจริงทุกประการ ซ้ำพลังการต่อสู้ยังแข็งแกร่งมากกว่าแขนจริงอีกด้วย เพียงเท่านี้คงเป็นประโยชน์ตามที่เจ้าต้องการแล้วกระมัง”
“อ้าว…มีของดีอย่างนี้อยู่ในมือ ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรก?” ข้อความตอบกลับจากเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“เพราะว่าน้องชายหล่อเหลาเกินไป จนข้านึกอะไรไม่ออกเลยน่ะสิ” เมื่อเทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับไปเช่นนั้น นางก็ยิ้มออกมาเหมือนนางแมวยั่วสวาท
“นี่เจ้าเป็นเทพีกระบี่จริงหรือเปล่าเนี่ย?” หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความถามกลับมา
“น้องชายได้โปรดอย่าถามอะไรอีกเลย ข้าเพียงชื่นชอบหน้าตาที่หล่อเหลาของเจ้าเท่านั้น” เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มกว้าง ขยับมุมแท็บเล็ตเล็กน้อย ก่อนส่งข้อความเพิ่มเติม “น้องชายเตรียมตัวให้ดี ข้ากำลังจะเปิดกล้องยลโฉมใบหน้าของเจ้าแล้ว”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยกปลายเท้าเรียวงามของนางขึ้นแตะหน้าจอแท็บเล็ตที่ลอยอยู่ในอากาศเล็กน้อย หลังจากนั้น เครือข่ายกิเลนการสื่อสารก็เปิดสัญญาณการเชื่อมต่อวีดีโอคอลล์ ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามขมวดคิ้วด้วยความตกตะลึง
หน้าตาก็ไม่ได้เสียโฉมนี่นา
หรือว่านางจะเปิดวีดีโอคอลล์ผิดคน
ถ้าอย่างนั้น มันก็เป็นความผิดพลาดของเครือข่ายกิเลนการสื่อสารแล้ว มิน่าเล่า มันถึงได้ชื่อว่าเป็นเครือข่ายโทรศัพท์ที่ห่วยแตกที่สุดในดินแดนทวยเทพ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพึมพำบางอย่างออกมาเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มที่อยู่บนหน้าจอ
ต้องยอมรับเลยว่าเขามีหน้าตาหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ
หล่อยิ่งกว่าบรรดาเทพบุตรที่อยู่ในดินแดนทวยเทพเสียอีก
เทพีกระบี่หิมะไร้นามกัดริมฝีปากด้วยความวาบหวามไม่รู้ตัว
ว่าแต่ทำไมใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงได้ดูกระอักกระอ่วนใจชอบกลนะ?
เทพีกระบี่หิมะไร้นามคิดอยู่สักครู่หนึ่งก็เพิ่งจะนึกอะไรออก
นางลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะถามตะกุกตะกักว่า “น้องชาย เจ้ามองเห็นข้าด้วยหรือ?”
“เห็นสิ…ว่าแต่อยู่ดีๆ ทำไมเจ้าถึงเปิดกล้องขึ้นมาเนี่ย?” เด็กหนุ่มบนหน้าจอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง รูจมูกทั้งสองข้างมีเลือดกำเดาไหลทะลักออกมาเหมือนกับตะขาบตัวใหญ่สองตัวกำลังวิ่งลงสู่ริมฝีปากของเขา
“อิอิ เจ้าคงไม่เคยเจอเทพีที่ไหนงดงามอย่างข้ามาก่อนเลยใช่ไหมเล่า?” เทพีกระบี่หิมะไร้นามพูดแล้วก็ขยิบตาให้เด็กหนุ่ม
“เปล่าหรอก ข้าเพียงไม่ค่อยได้เห็นสตรีเปลือยกายสักเท่าไหร่…ก็เลยตื่นเต้นมากไปหน่อย” เด็กหนุ่มตอบ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามขมวดคิ้วด้วยความมึนงง
จากนั้น นางถึงได้ก้มหน้ามองตนเอง และลืมไปเลยว่าตนกำลังเปลือยกาย ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว
“แหม แหม น้องชาย สายตาของเจ้าออกจะซุกซนเกินไปแล้ว”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพลันยกเท้าขึ้นปิดสัญญาณการเชื่อมต่อทันที
หลังจากนั้น ปราสาทร้างที่อยู่บนยอดเขา ก็มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมาด้วยความเขินอาย สร้างความตกตะลึงให้แก่บรรดาเทพเจ้าที่อยู่โดยรอบเป็นอย่างยิ่ง
“นางเป็นอะไรของนางอีกนะ?”
“สงสัยจะดื่มสุรามากเกินไปอีกแล้ว”
“หรือว่านางดีใจที่สามารถตัดขาดเจ้าหนี้ได้อีกคน”
…
ณ วิหารเทพกระบี่
“คุณชายหลิน ท่านเป็นอะไรไป ทำไมถึงมีเลือดไหลออกจมูก?”
เยว่เว่ยหยางถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
หลินเป่ยเฉินรับผ้าเช็ดหน้าจากเยว่หงเซียงมาเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลทะลัก ตอบว่า “ช่วงหลังข้าพักผ่อนน้อยเกินไปหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก…”
ให้ตายเถอะ
ยัยเทพีกระบี่หิมะไร้นามอะไรนั่นไม่ระวังตัวเอาซะเลย
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วไปซะแล้ว
ที่ไหนได้ ตัวจริงกลับมีหน้าตางดงามไม่ใช่เล่น
บรรดาเทพีฝึกหัดที่อยู่บนดินแดนทวยเทพ จะมีนิสัยเหมือนนางกันทั้งหมดหรือเปล่านะ?
ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ต้องเปิดกล้องสิ
นางจะรู้ไหมว่าภาพมันติดตาเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย