บทที่ 19 ส่งข้อสอบไวขนาดนี้อีกแล้วหรือ
“อะไรนะ?”
“เขาไม่ได้โกงงั้นหรือ?”
“มะ…มันทำได้ยังไงน่ะ เจ้าแกะดำนั่น”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ท่านอาจารย์ฉู่กล่าว
โดยเฉพาะอู๋เสี่ยวฟาง
เขาไม่คาดคิดเลยว่าอาจารย์ฉู่จะถึงกับต้องปรากฏขึ้นตัวขึ้นมาเพื่อแก้ต่างให้หลินเป่ยเฉิน
“ไม่ได้โกงงั้นหรือ?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“เจ้าสวะสารเลวแบบนั้นเนี่ยนะ? ทำไมคะแนนมันถึงสูงขนาดนั้น?”
“หลินเป่ยเฉินนั่น มัน…มันจะเก่งกว่าข้าที่เป็นถึงอัจฉริยะไปได้ยังไง”
“นี่มันคิดว่ามันมีคุณสมบัติพอรึไง”
อู๋เสี่ยวฟางขบฟันกรอด ในใจยังไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของอู๋เสี่ยวฟาง อาจารย์ฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังในตัวเขา
อัจฉริยะของชั้นปีที่ 2 คนนี้ที่เขาเคยชื่นชมและเอ็นดูมาโดยตลอด ทำไมถึงได้ช่างหุนหันและไม่มีความอดทน ถึงกับไปกล่าวหาว่าผู้อื่นโกงข้อสอบได้เพียงนี้
นั่นแปลว่าอู๋เสี่ยวฟางเองก็ไม่เชื่อในตัวคณะอาจารย์เหมือนกันใช่ไหม
ฉู่เหินนึกไปถึงคำพูดอวดอ้างของอู๋เสี่ยวฟางตอนส่งกระดาษข้อสอบ ที่ว่าตนเองสามารถทำคะแนนได้ถึง 95 หรืออาจจะได้คะแนนเต็มด้วยซ้ำหากโชคดี
เขาถึงกับเคยคิดว่าอู๋เสี่ยวฟางเป็นคนถ่อมตัว
ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเพียงคนเย่อหยิ่งและอวดดีคนหนึ่งเท่านั้น
ยิ่งมองไปยังอู๋เสี่ยวฟางเท่าไหร่ อาจารย์ฉู่ก็ยิ่งไม่ชอบใจมากขึ้นเท่านั้น
“จงกลับไปมองตนเองอีกครั้งและเอามาพัฒนาตัวเองเสียเถอะ” อาจารย์ฉู่พูดกับเขา
“อ๊ะ…ทะ…ท่านอาจารย์…ขะ…ข้า”
อู๋เสี่ยวฟางมีท่าทีตระหนกเล็กน้อย
อาจารย์ฉู่ไม่สนใจเขาอีกต่อไป และหันไปกล่าวกับหลินเป่ยเฉินว่า “ตามข้ามา”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะและหันไปกล่าวกับอู๋เสี่ยวฟางว่า “ได้ยินนั่นมั้ยล่ะ หัดมองตัวเองซะบ้างนะ ฮ่า ๆ ”
แววตาของอู๋เสี่ยวฟางนั้นหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่น่าเชื่อเลยว่าแม้แต่อาจารย์ฉู่ผู้ซึ่งเคยเอ็นดูเขามาก่อน ถึงกับต่อว่าเขาเพราะเจ้าหลินเป่ยเฉิน
นี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย
และในตอนนั้นเอง
ใครบางคนก็ชี้ไปที่แท่นหินและกล่าวขึ้นว่า “ดูนั่นสิ ลำดับผลการสอบขึ้นมาแล้ว”
เมื่อศิษย์ทุกคนดูคะแนนของตนเองเสร็จ ตามปกติแล้วแท่นหินนั้นจะแสดงลำดับที่เรียงตามคะแนนที่ได้ออกมา ชื่อของเหล่าศิษย์ทั้งหลายจะค่อย ๆ ไล่ขึ้นตามลำแสงเรียงรายกันตามคะแนนที่ได้จากสูงไปต่ำ ซึ่งเป็นคะแนนของการสอบล่าสุด วิชาประวัติศาสตร์จักรวรรดิเป่ยไห่
ชื่อของหลินเป่ยเฉินปรากฏเป็นอันดับแรก
แต่ที่น่าแปลกคือ ผู้ที่ได้อันดับที่ 2 กลับไม่ใช่อู๋เสี่ยวฟาง
หากแต่อันดับที่ 2 กลับตกเป็นของอัจฉริยะหญิง มู่ซินเยว่ ด้วยคะแนนถึง 93 คะแนน
อู๋เสี่ยวฟาง ซือซินหลิน และอู่สี่ ตามมาเป็นลำดับที่ 3 ด้วยคะแนน 92 คะแนน
“เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดอะไรเช่นนี้”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบรรดาศิษย์หัวกะทิต่างก็พ่ายแพ้ให้กับคนโหลยโท่ยพรรค์นั้น”
เมื่อมองไปยังลำดับคะแนน ใบหน้าของอู๋เสี่ยวฟางก็ซีดเผือดลงทันที
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะตอกหน้าเขาได้ด้วยคะแนนเต็ม หรือเขาจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่มู่ซินเยว่ มิหนำซ้ำ ยังตกลงมาเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งรองลงมาจากศิษย์อีก 2 คน เรื่องทั้งหมดนี้มันเกินไปสำหรับเขา
“ฮึ่ม…ผลการสอบวัดระดับความรู้มันก็เท่านั้นแหละ นี่มันเพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น” อู๋เสี่ยวฟางคิดในใจด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
และในห้องตรวจข้อสอบนั้น
อาจารย์ฉู่เอ่ยถามว่า “หลินเป่ยเฉิน นี่เจ้าทำได้ยังไงกัน ?”
อาจารย์ท่านอื่น ๆ ต่างก็มองไปยังหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาสงสัย
หลังจากอ่านข้อสอบทั้งหมด พวกเขาพบว่าในข้อสอบนั้นมีโจทย์คำถามหลอกอยู่มากมายที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ตอบคำถามติดกับโดยเฉพาะ แม้แต่อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ที่เชี่ยวชาญก็อาจตอบผิดได้หากถูกล่อให้ไปติดกับดักเหล่านั้นเข้า
แต่เจ้าแกะดำผู้ฉาวโฉ่นี่กลับทำข้อสอบถูกทุกข้อโดยไม่โดนหลอกเลย
น่าเหลือเชื่อมาก
มิหนำซ้ำ หลังจากพวกเขาได้ทำการตรวจข้อสอบของหลินเป่ยเฉินใหม่เป็นสิบ ๆ รอบ
พวกเขาก็จำต้องยอมรับว่าข้อสอบของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นตอบได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ในทุกแง่
“ก็ข้าทบทวนมาหนักยังไงล่ะ” หลินเป่ยเฉินกล่าว
เขาตอบอย่างไม่กดดันใด ๆ
คนผู้อื่นมักจะเก็บความรู้ไว้ในหัว แต่สำหรับเขานั้น เขาเก็บมันไว้ในโทรศัพท์ซึ่งเชื่อมต่อกับร่างกาย และสามารถนำมาใช้เวลาไหนก็ได้ตามที่ต้องการ แบบนี้ก็คงจะกล่าวได้ว่าเขาเก็บความรู้ไว้กับตนเองนั่นแหละ
อาจารย์ฉู่และอาจารย์ท่านอื่นต่างพูดไม่ออก
ในบรรดาศิษย์ทั้ง 3 ชั้นปี หลินเป่ยเฉินคงเป็นคนที่ไม่เหมาะกับคำว่า ศึกษาตำรามาหนักมากที่สุด
นี่เขามองว่าตัวเองเป็นคนยังไงกันนะ
แต่ด้วยไม่มีหลักฐานใดที่สามารถบ่งชี้ได้เลยว่าเขาโกงข้อสอบ ดังนั้นอาจารย์ฉู่จึงไม่สามารถกล่าวหาอีกฝ่ายได้
“เอาล่ะ…การสอบวิชาพืชสมุนไพรและการปรุงยาจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ยังไงก็ตั้งใจทำด้วยล่ะ” ฉู่เหินกล่าว “อย่าภูมิใจจนประมาทไปนัก”
“ขอรับ” หลินเป่ยเฉินกล่าวตอบ
“การสอบใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าเข้าไปเตรียมตัวในห้องสอบได้แล้วล่ะ ไปเถอะ” อาจารย์อีกท่านกล่าว
หลินเป่ยเฉินหันหลังและเดินออกจากห้องไป
“ทุกท่านคิดว่ายังไงกันบ้าง” อาจารย์ฉู่ถามอาจารย์ทุกคนในห้อง
แต่อาจารย์ทั้งหลายต่างส่ายหัวและไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง
“คิดไม่ออกเลยท่าน แต่อย่างน้อยเราก็มั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้โกงแน่นอน”
“หรือว่าเขาจะแสร้งทำเป็นว่าไม่เก่งมาตลอดกันนะ”
“แต่เขาจะทำแบบนั้นไปทำไม?”
“ใครจะไปรู้เล่า แต่การสอบอีกสองวิชาถัดไปจะเริ่มแล้ว สิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือคอยดู และมาลุ้นกันว่าเด็กคนนี้จะสามารถทำได้ดีแบบเดิมอีกไหม”
“ตกลง !”
อาจารย์ทุกท่านเห็นพ้องต้องกัน
ในการสอบถัดมา พวกเขาก็จับตามองหลินเป่ยเฉินอย่างเป็นพิเศษมากขึ้น
และในห้องสอบนั้น
หลินเป่ยเฉินกลับไปยังที่นั่งหมายเลข 109
บรรดาศิษย์ต่างทยอยกันกลับเข้ามาในห้องสอบ
อู๋เสี่ยวฟางนั่งลงบนที่นั่งหมายเลข 110
เขามองไปยังหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาเชือดเฉือนราวกับคมมีดและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เศษขยะอย่างเจ้า อย่าคิดว่ากะอีแค่โชคดีหนเดียว จะทำให้เจ้าเอาชนะข้าได้ นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินชูนิ้วกลางและกล่าวตอบว่า “ไปตายซะ เจ้าหน้าโง่”
อู๋เสี่ยวฟางโกรธขึ้งจนเลือดตาแทบกระเด็น
เขาขบฟันแน่นก่อนจะขู่ฟ่อใส่หลินเป่ยเฉิน “แค่ได้คะแนนเต็มในข้อสอบน่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ยังไงซะเจ้าก็ไม่มีทางได้ที่ 1 ในการประลองอยู่แล้ว อย่าลืมเรื่องสัญญาของเราซะล่ะ ฮึ่มม…ยังไงเจ้าก็ต้องมาเป็นทาสของข้าอยู่ดี แล้วเดี๋ยวก็จะได้รู้ ว่าการกล้ามาต่อกรกับข้ามันจะต้องเจอกับอะไร”
“จริงหรือ” หลินเป่ยเฉินตอบพร้อมยิ้มเยาะ “อย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เอาเถอะ ใช้เวลาให้เต็มที่นะ แค่รอดูก็แล้วกัน ข้ามีเรื่องที่จะทำให้เจ้าตกใจได้อีกเยอะ”
ในที่นั่งอีกด้านของหลินเป่ยเฉิน มู่ซินเยว่นั่งดูอยู่เงียบ ๆ
นางดูน่าหลงใหลเช่นเดิมไม่มีผิด นั่งตัวตรงมองไปข้างหน้าด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย
แต่ในใจลึก ๆ ของเด็กสาวนั้น นางตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก
“หลินเป่ยเฉินได้ 100 คะแนนมาได้ยังไง”
นางไม่สามารถหาคำตอบมอบให้ตัวเองได้เลย
แม้แต่นางฟ้านางสวรรค์ก็บันดาลคำตอบให้แก่คำถามข้อนี้ของนางไม่ได้
เด็กสาวรับไม่ได้กับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับอู๋เสี่ยวฟาง
แต่ตอนนี้นางนั้นได้จัดการความรู้สึกทุกอย่างได้เรียบร้อยดีแล้ว
เด็กสาวไม่มีทางเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถทำคะแนนเต็มได้ด้วยตนเองและขึ้นเป็นที่ 1 ของการสอบในวิชาแรกได้
และสำหรับนางแล้ว การได้คะแนนเต็มในวิชาประวัติศาสตร์จักรวรรดิเป่ยไห่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย
ในที่สุดกระดิ่งนับเวลาสอบก็ดังขึ้น
การสอบได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินถ่ายเทพลังลมปราณของตนเข้าไปในโต๊ะหินเพื่อเปิดการใช้งานม่านพลังจากสัญลักษณ์ประจำสถาบัน
คลื่นพลังงานถูกดูดซึมเข้าไปในโต๊ะ
กระดาษข้อสอบวิชาพืชสมุนไพรและการปรุงยาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นและกางออกช้า ๆ
ในวิชานี้มักเป็นเนื้อหาด้านทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ โดยเนื้อหาการสอนในชั้นปีต้น มักประกอบไปด้วย การแยกความแตกต่างระหว่างสมุนไพรแต่ละชนิด การระบุสรรพคุณทางยา หลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรที่แสลงกัน และเนื้อหาเบื้องต้นในการเพาะปลูกและการดูแล ไม่ได้มีเนื้อหาด้านการเล่นแร่แปรธาตุหรือศาสตร์ชั้นสูงอื่น ๆ
หลินเป่ยเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดไปยังแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรและการปรุงยา
แล้วใช้ตัวสแกนค่อย ๆ สแกนกระดาษทีละแผ่น
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา คำตอบของข้อสอบก็ปรากฏขึ้นเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งเด็กหนุ่มก็ใช้เวลาเพียง 10 ลมหายใจเท่านั้นในการคัดลอกมันลงไป
และเขาก็ส่งกระดาษคำตอบในทันที
“ปี๊บ!”
เสียงปุ่มส่งกระดาษข้อสอบดังขึ้น
สัญลักษณ์ประจำสถาบันหายไป และม่านพลังก็สลายไปพร้อมกัน
“นี่…นี่เจ้าทำเสร็จไวเช่นนี้อีกแล้วหรือ?”
อาจารย์ฉู่นั้นยืนรออยู่ข้างนอกม่านพลังตั้งนานแล้ว
หลินเป่ยเฉินตอบไปอย่างสัตย์จริง “เสร็จแล้วขอรับ”
“…”
“แล้ว…ทำข้อสอบเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาเอ่ยถาม
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ก็พอทำได้ขอรับ”