บทที่ 20 อัจฉริยะผู้ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ใน 3 วิชา
“เจ้า…ไปได้แล้ว”
อาจารย์ฉู่โบกมือไล่
เขาไม่พบข้อสงสัยอะไรจากคำตอบของหลินเป่ยเฉิน
นอกจากนี้เขาก็รีบร้อนที่จะได้ตรวจกระดาษคำตอบของหลินเป่ยเฉิน
หลังจากผ่านไปสักพัก
อู๋เสี่ยวฟางส่งกระดาษข้อสอบและหันไปเห็นที่นั่งว่างเปล่าตรงที่ที่เคยเป็นของหลินเป่ยเฉิน
“หลินเป่ยเฉิน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะได้คะแนนสูงอีกครั้ง”
ข้อสอบในวิชาพืชสมุนไพรและการปรุงยานั้นยากกว่าข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์จักรวรรดิเป่ยไห่หลายเท่า
ข้อสอบในวิชาประวัติศาสตร์จักรวรรดิเป่ยไห่นั้นเป็นข้อสอบเพื่อทดสอบความจำของผู้เข้าเรียน
ในขณะที่ข้อสอบวิชาพืชสมุนไพรและการปรุงยานั้นต้องใช้ทั้งความเข้าใจ การตัดสินใจและฐานข้อมูลความรู้ที่มีในการตอบคำถาม
ข้อสอบนั้นถึงกับถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องใช้ประสบการณ์จริงในการฝึกฝนเพื่อมาตอบ
เพียงการกวดวิชาย่อมไม่เพียงพอเป็นแน่
“คอยดูแล้วกันว่าข้าจะเอาชนะเจ้าได้ยังไง เจ้าเศษขยะ”
อู๋เสี่ยวฟางออกจากห้องสอบไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
และในอีกสองเค่อถัดมา เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็ทยอยกันส่งกระดาษข้อสอบของตนเอง
เวลาผ่านไป
หมดเวลาในการสอบ
ศิษย์หลายคนเริ่มร้องไห้คร่ำครวญออกมาในห้องสอบ
“โอ๊ย ข้ายังทำไม่เสร็จเลย”
“นี่มันยากกว่าวิชาที่แล้วอีกนะ”
“หุบปากน่า…ข้าจะสติแตกอยู่แล้ว”
บรรดาอาจารย์ผู้คุมสอบต่างไล่ผู้เข้าสอบให้ออกจากห้องสอบให้หมด
อาจารย์ฉู่แทบรอไม่ไหวที่จะกล่าวว่า “เอาล่ะ รีบตรวจข้อสอบกันเถอะ ข้าอยากได้ผลสอบให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นได้”
ทุกคนต่างเข้าใจกันดีว่าผลสอบที่ว่าหมายถึงอะไร
อาจารย์แต่ละท่านเร่งกันตรวจข้อสอบโดยแทบไม่พูดไม่จา
ตั้งแต่ตอนเริ่มสอบ พวกเขาใช้ช่องว่างในม่านพลังเฝ้าดูหลินเป่ยเฉินทำข้อสอบ ถึงแม้จะไม่เห็นกระดาษคำตอบของหลินเป่ยเฉิน แต่ก็ไม่พบหลักฐานใด ๆ ในการโกงข้อสอบ ท่าทางการนั่งและความเร็วในการตอบคำถามของเขาอาจดูแปลก ๆ เล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเหมือนกับในการสอบวิชาที่แล้ว
แล้วแบบนี้เขาจะสามารถทำคะแนนเต็มได้อีกไหมนะ?
ทุกคนต่างอยากรู้คำตอบเต็มที
เมื่อเวลาผ่านไป
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม การตรวจข้อสอบก็เสร็จสิ้น
“นี่…ข้าเจอกระดาษคำตอบ 100 คะแนนแล้ว”
อาจารย์โหวแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาลุกยืนขึ้นและกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
ฉู่เหินกล่าวแทรกทันทีว่า “เร็วเข้า ดูสิว่าใครเป็นเจ้าของกระดาษข้อสอบนั่น”
และในบริเวณรอบแท่นหินนั้น ลำดับคะแนนของผลการสอบปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“โอ้ ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ข้าตาฝาดไปแล้วงั้นหรือ”
“คะ…คะแนนเต็มอีกแล้ว”
“เขาทำได้ยังไงกัน”
“ได้มากกว่าที่ 2 ตั้ง 12 คะแนนแน่ะ”
“นี่มันน่ากลัวจริง ๆ ”
ความตื่นตกใจกระจายไปเป็นวงกว้าง บรรยากาศเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกคนเห็นชื่อแรกที่ปรากฏอยู่บนแท่นหิน
3 พยางค์เท่านั้น หลิน…เป่ย…เฉิน
และต่อท้ายมาด้วยคะแนนที่ไม่มีใครเคยทำได้…100 คะแนน
คะแนนเต็มอีกครั้ง
มู่ซินเยว่ผู้ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 2 ได้คะแนนมาเพียง 88 คะแนนเท่านั้น
อู่สี่ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 3 ด้วย 87 คะแนน
ซือซินหลินได้ที่ 4 ด้วยคะแนน 85 คะแนน
เกาหมินนั้นได้คะแนน 84 คะแนน และได้ลำดับที่ 5
ส่วนอู๋เสี่ยวฟางได้ลำดับที่ 6 ด้วยคะแนนเพียง 82 คะแนน
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าอู๋เสี่ยวฟางทำคะแนนได้ไม่ดีนักในการสอบวิชานี้
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้”
อู๋เสี่ยวฟางหน้าซีดเผือด ในขณะที่บ่นพึมพำกับตนเอง
แทนที่จะเอาชนะหลินเป่ยเฉินได้ คะแนนเขากลับตามหลังมันอยู่ตั้ง 18 คะแนน!
18 คะแนนนั้นเหมือน 18 ฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างจังจนใบหน้ารู้สึกชาและร้อนผ่าวไปหมด
มู่ซินเยว่ผู้ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ก็โกรธและตกใจไม่ต่างไปกับอู๋เสี่ยวฟาง
นางยังคงเป็นเพียงที่ 2
เด็กสาวตามหลังหลินเป่ยเฉินอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ทว่าคะแนนของพวกเขานั้นห่างกันมากถึง 12 คะแนน
12 คะแนนนั่นดูราวกับปราการที่นางไม่อาจฝ่าไปได้ แยกเด็กสาวกับหลินเป่ยเฉินออกจากกันเป็นคนละชั้น
“เขาทำได้ยังไงกัน?”
“ที่ผ่าน ๆ มา ผลการเรียนของเขานั้นแย่มากมาตลอด แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงได้…”
“หรือนี่เขาแสร้งทำเป็นเรียนไม่เก่งมาตลอดนะ?”
“นี่เขาเป็นอัจฉริยะจริง ๆ งั้นหรือ?”
ความคิดนั้นทำให้มู่ซินเยว่นั้นเย็นวาบไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียดายแวบเข้ามาในหัว
“อย่าไปรู้สึกแบบนั้น”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ทั้งหมดนั่นเป็นความผิดของเจ้าหลินเป่ยเฉินคนเดียว”
“ฮึ่ม…อย่าเหลิงไปล่ะหลินเป่ยเฉิน ผลคะแนนสอบด้านวิชาการทั้งหมดคิดเป็นแค่ร้อยละ 30 ของคะแนนทั้งหมดเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะได้คะแนนเต็มทั้ง 2 วิชา ยังไงซะในการประลองวิทยายุทธ์เจ้าก็ไม่รอดอยู่ดี”
มู่ซินเยว่กำหมัดแน่น
บรรดาศิษย์อัจฉริยะของชั้นปี 2 คนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ลำดับการสอบที่ปรากฏอยู่บนแท่นหิน และไม่มีใครทำใจยอมรับได้เลย
พ่ายแพ้ให้กับอัจฉริยะคนอื่นนั้นยังพอเข้าใจได้
แต่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคนแบบหลินเป่ยเฉินนี่มันยอมไม่ได้!
และในตอนนั้นเอง หลินเป่ยเฉินได้กลายเป็นศัตรูของบรรดาศิษย์คนอื่น ๆ เข้าเสียแล้ว
แต่หลังจากผ่านไป 1ชั่วยามกับธูปอีก 2 ก้าน
เมื่อการทดสอบความรู้นั้นเสร็จสิ้นลง บรรดาศิษย์อัจฉริยะต่างก็กลับไปด้วยความผิดหวัง
เพราะเมื่อผลการสอบในวิชาการสร้างม่านพลังถูกประกาศออกมา
ชื่อที่ปรากฏขึ้นเป็นชื่อแรกบนแท่นหินนั้น เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากหลินเป่ยเฉินคนเดิม ผู้เป็นฝันร้ายของทุกคน
ได้ 100 คะแนนอีกงั้นหรือ?
นี่เจ้าคนโหลยโท่ยแบบนั้นมันได้คะแนนเต็มเป็นวิชาที่ 3 แล้วงั้นหรือ
ในการทดสอบวัดระดับความรู้นั้นประกอบไปด้วย 3 วิชา
และเขาได้คะแนนเต็มในทุกวิชาเลยด้วย
เมื่อผลการสอบประกาศออกมา บรรดาอาจารย์ทุกคนต่างตะลึงงัน
เพราะนี่มันน่ามหัศจรรย์เกินไปแล้ว
ช่างเป็นความสามารถที่น่าทึ่งอะไรเช่นนี้
ในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาต่าง ๆ ในเมืองหยุนเมิ่งนั้น ในรอบ 10 ปีไม่มีใครที่เคยทำได้ 100 คะแนนรวดในการทดสอบความรู้ถึง 3 วิชามาก่อน
หลินเป่ยเฉินเป็นคนแรกที่ทำได้
และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เสียด้วย
ศิษย์ชั้นปีที่ 2 ทุกคนนั้นต่างถูกเอาชนะด้วยหลินเป่ยเฉินกันหมด
ด้วยความสามารถของเขา ไม่มีใครสามารถต่อกรได้เลย
แม้แต่พวกศิษย์หัวกะทิที่แสนเย่อหยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอู๋เสี่ยวฟาง มู่ซินเยว่ ซือซินหลิน หรืออู่สี่ ก็ต้องยอมรับว่าต่อให้พวกเขานั้นได้โอกาสอีกหน…ไม่สิ…อีก 10 หนก็ตามที พวกเขาก็ไม่สามารถทำคะแนนได้เต็มทั้ง 3 รายวิชาแบบหลินเป่ยเฉินได้
พวกเขาคงทำได้เพียงยืนเฉย ๆ และถูกเอาชนะก็เท่านั้น
พวกเขาพอจะทำอะไรโต้ตอบได้ไหม?
ไม่เลย ไม่มีทาง
พวกเขานั้นเหมือนถูกลิขิตไว้ให้เป็นเพียงขั้นบันไดหินอ่อนที่ให้หลินเป่ยเฉินเหยียบย่ำเพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดก็เท่านั้น
“เก็บข้อมูลการสอบทั้งหมดของหลินเป่ยเฉินผ่านค่ายอาคมของเรา และส่งไปยังคณะกรรมการแห่งเมืองหยุนเมิ่งเดี๋ยวนี้ คะแนนสอบนั่นมันน่าทึ่งมาก และน่าทึ่งเกินกว่าจะไม่ถูกสงสัยและตรวจสอบใหม่ เราต้องทำให้พวกเขาไม่เคลือบแคลงในตัวเด็กคนนี้” ในห้องสนทนาทางไกล อาจารย์ฉู่กล่าวด้วยความตื่นเต้น
เขาอดเก็บความตื่นเต้นไว้กับตัวแทบไม่ได้
เป็นเวลานานมากแล้วที่สถานศึกษาวิชากระบี่ที่สามแห่งนี้มักเป็นรองจากสถานศึกษาอื่น ๆ อยู่เสมอ แต่ในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขามีเด็กอัจฉริยะที่ได้สร้างสถิติใหม่ในการสอบขึ้นมา และจะทำให้สถานศึกษาแห่งนี้ มีชัยเหนือสถานศึกษาอื่น ๆ ได้เป็นแน่
พวกเขาเชิดหน้าได้แล้วล่ะตอนนี้
ต่อให้นี่จะเป็นเพียงคะแนนสอบในการทดสอบความรู้ความสามารถ ที่มีอัตราส่วนร้อยละน้อยเหลือเกินจากคะแนนทั้งหมด แต่ก็คุ้มค่ากับการเฉลิมฉลอง
สำหรับพวกเขา นี่เป็นรางวัลที่ได้มายากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน
ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นคะแนนที่มาจากวิชาอะไร ยังไงเสีย มันก็เป็นคะแนนที่เกิดขึ้นจริง ๆ
และยังเป็นการทำลายสถิติของสถานศึกษาอื่น ๆ อีกด้วย
ในการสนทนาทางไกลกับอาจารย์ของสถานศึกษาอื่นในครั้งหน้า ๆ ในที่สุด อาจารย์ฉู่ก็จะได้เชิดหน้าชูตากับเขาบ้างเสียที
แต่ยังไงเสีย ขณะนี้ ผลการทดสอบนี่ต้องเป็นความลับและจะไม่มีคนอื่นได้เห็นนอกจากคณะกรรมการเป็นอันขาด เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาจับผิดและหาว่ามีการโกงเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของเขาเด็ดขาด