บทที่ 257 จิตวิญญาณของมือกระบี่
แต่การโฆษณาของหลินเป่ยเฉินยังไม่จบ
เขาพลิกกระบี่แสดงข้อความที่ถูกเขียนอยู่อีกด้าน
ข้อความบนกระบี่ในมือซ้ายอ่านได้ว่า…
“วันที่ 15 เดือนนี้ ร้านกระบี่อาจารย์ฟานจัดกิจกรรมพิเศษครบรอบการเปิดจำหน่าย”
ส่วนกระบี่ทางมือขวาก็มีข้อความว่า…
“สำหรับผู้ที่มีตั๋วเข้าชมการประลองในครั้งนี้ จะได้รับส่วนลดพิเศษทันที 20 ส่วนจากราคาเต็มทั้งหมด”
ทันใดนั้น เกิดเสียงอุทานออกมาด้วยความฮือฮาจากกลุ่มคนดู
“ได้ส่วนลดอย่างนั้นหรือ?”
“ตั๋วของข้าอยู่ไหนกันนะ”
“ใช้ลดสินค้าได้ทุกรายการใช่ไหม ข้าจะได้เอาไปซื้อกระบี่วิหคคราม อยากได้มานานแล้ว”
ทุกคนพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
โดยเฉพาะบรรดามือกระบี่ที่เป็นลูกค้าขาประจำของร้านกระบี่อาจารย์ฟาน หากเปลี่ยนเป็นโลกมนุษย์ พวกเขาก็ไม่ต่างจากสาวกบริษัทแอปเปิล ที่ไม่ว่ามีไอโฟนรุ่นใหม่วางจำหน่ายเมื่อไหร่ พวกเขาก็พร้อมที่จะขายไตเพื่อแลกมันเสมอ
เมื่อเห็นกระแสความตื่นเต้นเหล่านี้ ฟานซูอังที่นั่งแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนดู ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขามาเปิดร้านกระบี่อยู่ในเมืองหยุนเมิ่งนานแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถขยายกิจการได้อย่างที่ควรจะเป็น จึงตัดสินใจลงทุนจ่ายค่าโฆษณาให้แก่หลินเป่ยเฉิน เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของผู้คนรอบกายในขณะนี้ ก็กล่าวได้แล้วว่าการลงทุนของเขามันคุ้มค่าที่สุด
ตัดภาพไปที่หยางเฉินโจวซึ่งอดหลับอดนอนสร้างธนูเหล็กไหลกับศรมังกรบิน ตอนแรกชายหนุ่มก็อ้าปากหาวรับชมการถ่ายทอดสดอยู่หน้าจอด้วยความเหนื่อยล้า แต่เมื่อเห็นการโฆษณาของเด็กหนุ่ม หยางเฉินโจวก็ต้องเบิกตาโต ใบหน้ากระตุกขึ้นมาทันที
ไอ้เจ้าคุณชายหลินไม่ทำเกินไปหน่อยหรือไง
นั่นมันกระบี่ของร้านหัวค้อนเหล็กแท้ๆ แต่ดันเอาไปเขียนข้อความโฆษณาให้ร้านกระบี่อาจารย์ฟานหน้าตาเฉย
ทว่า บัดนี้หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นเหมือนผู้มีพระคุณของเขา ชายหนุ่มนักหลอมอาวุธจึงทำได้เพียงยิ้มฝืดและปล่อยผ่านไป ไม่เก็บมาใส่ใจ
ณ กลุ่มที่นั่งแขกระดับสูง
“นี่คือหลินเป่ยเฉิน ตัวเต็งผู้ชนะในครั้งนี้ใช่ไหม?”
หญิงวัยกลางคนท่าทางทรงเสน่ห์ผู้หนึ่งมีแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่หันหน้ามาสอบถามหลี่สงฟู่ผู้นั่งอยู่ข้างกาย
ชายชราหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอับอายเล็กน้อย “ใช่แล้วขอรับ เขาคงทำให้อาจารย์หวังต้องหัวเราะแล้ว”
หญิงวัยกลางคนผู้นี้มีนามว่าหวังหรู่อี้ เป็นรองอาจารย์ใหญ่จากสำนักกระบี่หลวงประจำมณฑลเฟิงอวี่ สถานะทางสังคมค่อนข้างสูงส่ง ตอนที่หลี่สงฟู่เดินออกไปรับหน้าแขกคนสำคัญนั้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวังหรู่อี้จะเดินทางมารับชมการแข่งขันด้วยตนเอง
นอกจากจะมีรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักกระบี่หลวงเดินทางมาแล้ว ก็ยังมีสำนักกระบี่ส่วนกลางจากแคว้นซินจิน ตงหมิง ต้าชวน และไห่อัน เดินทางมารับชมการแข่งขันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งทำให้หลี่สงฟู่ไม่เข้าใจเลยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงศึกษาเหล่านี้ต้องการอะไรกันแน่?
หรือว่าผู้เข้าแข่งขันจากเมืองหยุนเมิ่งประจำปีนี้มีคุณภาพดีมากเกินไป พวกเขาจึงมามองหาคนที่จะรับเข้าไปเป็นลูกศิษย์?
หรือว่าจะมีเหตุผลอื่น?
หลี่สงฟู่กำลังชั่งใจอยู่ว่าตนเองควรเดินทางไปเรียนเชิญท่านผู้ว่าการเมืองมาช่วยงานดีหรือไม่ เพราะมันไม่ควรเป็นหน้าที่ของเขาแค่คนเดียว สำหรับการรับรองแขกคนสำคัญจำนวนมากเช่นนี้
“เจ้าหนุ่มคนนี้น่าสนใจมากเลยนะ”
เหวินโต้วหลิน รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักกระบี่ส่วนกลางไห่อันยิ้มแย้ม
ตัวแทนจากสำนักกระบี่อื่นๆ สีหน้าแปรเปลี่ยนไป
แม้แต่พวกของฉู่เหินกับหลิวฉีไห่ที่นั่งอยู่แถวนั้นก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว
นี่คือเรื่องที่พวกเขาป้องกันไม่ได้เลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้ การที่หลินเป่ยเฉินสวมเสื้อคลุมนำโชคเพื่อโฆษณาหอการค้าสามพันโยชน์ ก็ทำให้กระทรวงศึกษาไม่พอใจมากแล้ว ทำให้ก่อนการประลองต้องมีกฎพิเศษออกมาว่า ห้ามไม่ให้ผู้เข้าแข่งขันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างกะทันหันอีก ใครจะไปคิดไปฝันเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับสามารถใช้กระบี่ในการโฆษณาได้อย่างไร้ยางอายนัก
เด็กหนุ่มไม่มีจิตวิญญาณของมือกระบี่เลยหรือไร?
แม้ว่าชื่อเสียงของสถานศึกษากระบี่ที่สามจะโด่งดังมากขึ้น แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมากพอๆ กัน
…
บนเวทีประลอง
“เจ้ายังมีเวลามาโฆษณาอยู่อีกหรือ?”
ดวงตาของมี่หรู่หยานเป็นประกายแวววาวด้วยความไม่พอใจ
นางถลันกายพลิ้วไหวราวสายลม คมกระบี่ในมือตวัดเสียบแทงออกมาอย่างรุนแรง เมื่อโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง ม่านกระบี่ก็แผ่เข้าปกคลุมร่างกายของหลินเป่ยเฉิน
วูบ!
“ไร้ประโยชน์”
หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่ในสองมือของเขาปัดป้องการโจมตี
เคล้ง!
เสียงคมกระบี่ปะทะกันดังไม่หยุด
“ถึงเจ้าจะมีเพลงกระบี่ที่น่าหวาดกลัว แต่เมื่อมีช่องว่างอยู่เพียงเล็กน้อย การโจมตีของเจ้าก็ไร้ประโยชน์”
หลินเป่ยเฉินกับมี่หรู่หยานขยับเข้ามาเผชิญหน้ากัน เด็กสาวมีความรวดเร็วมากกว่า จึงยังคงเป็นฝ่ายบุกโจมตีไม่เลิกรา
ทว่า เมื่อพบการโจมตีกลับจากหลินเป่ยเฉิน นางก็ถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับต้องยกกระบี่ขึ้นมาปิดบังจุดอ่อนของร่างกาย
เด็กสาวใช้ประโยชน์จากแรงปะทะ ลอยตัวหนีไปด้านหลัง
แต่ทว่า…
ควับ! ควับ!
คมกระบี่สาดประกายตามติด
รวดเร็วราวสายฟ้า
พลังลมปราณที่แฝงมากับตัวกระบี่ยังแผ่เข้ามาไม่ถึง
กระบี่ในมือของมี่หรู่หยานก็แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
หลังจากนั้น กระบี่เล่มหนึ่งในมือของหลินเป่ยเฉินก็พาดมาที่ข้างลำคอของนาง
มี่หรู่หยานรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบของคมกระบี่ นางยืนตัวแข็งทื่อ ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
“มี่หรู่หยาน เจ้าแพ้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้โจมตีต่อ เขาดึงกระบี่กลับมาและล่าถอยออกไป
มี่หรู่หยานมองกระบี่ที่เหลือแต่ด้ามจับอยู่ในมือ ก่อนจะยิ้มแย้มออกมาเล็กน้อย
นี่คือกระบี่ที่ถูกตีขึ้นมาเพื่อใช้งานกับพลังปราณธาตุลมของนางโดยเฉพาะ มี่หรู่หยานเอาชนะคู่ต่อสู้นับไม่ถ้วนด้วยกระบี่เล่มนี้ เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับหลินเป่ยเฉิน มี่หรู่หยานจึงมั่นใจว่าเขาก็คงจะเหมือนกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆ ที่ผ่านมา
ทว่าหารู้ไม่ ทุกอย่างที่นางคำนวณเอาไว้ ผิดพลาดไปทั้งหมด
ช่องว่างระหว่างพลังของเขากับนางมีมากเกินไป
หลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาแสดงออกมาในการแข่งขันรอบที่แล้วเสียอีก
และคำพูดของเขาก็ทำให้มี่หรู่หยานได้เข้าใจถึงจิตวิญญาณของมือกระบี่ที่แท้จริง ต่อให้มีพละกำลังเหนือกว่า ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป
นางสามารถสร้างสรรค์โอกาสโจมตีมากมายเพราะมีความเร็วเหนือกว่าเขา แต่มี่หรู่หยานไม่คิดเลยว่ายามที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ซึ่งมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ตนเองจะกลับกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกกระบวนท่า
ดังเช่นการต่อสู้ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อสักครู่นี้
กระบี่ในมือของหลินเป่ยเฉินมีน้ำหนักเป็นร้อยชั่ง แต่เขากลับสามารถยกมันได้เหมือนขนนกเบาหวิว เมื่อกระบี่ขนาดใหญ่ของเขาปะทะเข้ากับกระบี่ที่เพรียวบางของนาง แรงปะทะจึงสู้กันไม่ได้อยู่แล้ว
“ขอบคุณคุณชายหลินที่ยั้งมือ”
มี่หรู่หยานรู้ความจริงในข้อนั้นดี อารมณ์ของนางจึงไม่ขุ่นมัวอีกแล้ว
นอกจากนางจะไม่โกรธ แต่กลับเป็นตรงกันข้าม มี่หรู่หยานรู้สึกมีความเคารพและชื่นชมในตัวของหลินเป่ยเฉินเพิ่มมากขึ้น มันทำให้นางยอมรับเขาในฐานะมือกระบี่ตัวจริง เด็กสาวทำได้เพียงโยนด้ามจับกระบี่ในมือทิ้งไป และเดินลงเวทีมาพร้อมกับความพ่ายแพ้
แล้วเสียงตะโกนโห่ร้องในหอประชุมก็เงียบลง
หลินเป่ยเฉินดึงกระบี่กลับคืนมาหลังโจมตีเอาชัยได้สำเร็จ ไม่ได้คิดซ้ำเติมคู่ต่อสู้ และนี่ก็คือจิตวิญญาณของมือกระบี่ที่หลายคนควรเอาเป็นแบบอย่าง
หลินเป่ยเฉินคือมือกระบี่ผู้ทรงเกียรติ
เขาคือมือกระบี่ตัวจริง
แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้น่าตื่นเต้นอย่างที่ควร เพราะหลินเป่ยเฉินสามารถเอาชนะมี่หรู่หยานได้อย่างขาดลอย แต่ประเด็นของการประลองในครั้งนี้ อยู่ที่ความมีน้ำใจนักกีฬาของทั้งสองฝ่าย พวกเขาเล่นตามกติกา เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำ ก็ไม่คิดฉวยโอกาสทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ
ในไม่ช้า เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องกังวานทั่วหอประชุมที่มีคนดูอยู่ 6,000 คน
บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงศึกษาและสำนักกระบี่ส่วนกลางจากแคว้นต่างๆ ดวงตาเป็นประกาย พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจในฝีมือของเด็กหนุ่ม
ในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
เขาไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือ หลินเป่ยเฉินชูกระบี่ทั้งสองเล่มในมือขึ้นสูง แสดงข้อความโฆษณาที่ถูกเขียนอยู่บนกระบี่ให้กลุ่มคนดูได้รับชมทั่วทุกมุม เมื่อรับเงินมาแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ต้องพยายามทำให้คุ้มค่าจ้างที่ได้รับ เพราะตัวเขาเองก็ต้องกินต้องใช้ ไม่ได้อยากมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศสักหน่อย
นั่นทำให้บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
เสียงปรบมือชะงักขาดหาย กลุ่มคนดูคิดอยากจะตบหน้าตนเองสักฉาดสองฉาด
พวกเขาช่างดวงตามืดบอดเสียเหลือเกิน
คิดกันไปได้อย่างไรว่าคนโฉดอย่างหลินเป่ยเฉินจะมีจิตวิญญาณของมือกระบี่?
Related