ตอนที่ 401 เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าได้ดูของดี
เข้าใจมากที่สุดอย่างนั้นหรือ?
เข้าใจกับผีน่ะสิ
หลินเป่ยเฉินทั้งโกรธแค้นทั้งเดือดดาล สบถออกไปว่า “ข้าส่งสัญญาณให้เจ้าไปหาอาจารย์ติงกับนักพรตหญิงชิน เพื่อให้พวกท่านตามไปช่วยเหลือข้าที่โรงเตี๊ยมหว่านเซิ่งต่างหาก แต่เจ้ากลับอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร หรือจะรอไปเก็บศพข้าวันพรุ่งนี้ฮะ… ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอาจารย์ติงนึกสงสัยว่าใครมาปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยม ป่านนี้ข้าก็คงถูกทุบตายไปแล้ว… เจ้านี่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ แล้วตอนนั้นเจ้าจะพยักหน้าตอบรับอย่างมั่นอกมั่นใจทำไม?”
หวังจงกะพริบตาปริบๆ
“นายน้อย ขยิบตา… เพื่อบอกให้ข้าน้อยไปตามคนมาช่วยอย่างนั้นหรือ?”
พ่อบ้านชราพยายามโต้แย้ง “แต่อาจารย์ติงกับนักพรตหญิงชินบอกเสมอว่านายน้อยไม่ควรทำเรื่องวู่วาม ให้ไปตามพวกท่าน นายน้อยคิดว่าเป็นเรื่องดีแล้วจริงๆ หรือขอรับ?”
หลังจากสบตามองหน้ากันอีกครั้ง ทั้งเจ้านายและบ่าวรับใช้ต่างก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่เข้าใจกันเลย
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว
“มานี่เลย มาให้ข้าอัดเจ้าเสียดีๆ”
เด็กหนุ่มอยากจะกระโดดเข้าไปขย้ำคอหวังจงจนผ้าเช็ดตัวแทบหลุด “ข้าว่าเจ้าตั้งใจไม่ส่งคนไปช่วยข้ามากกว่า เพราะเจ้าอยากจะยึดทรัพย์สินของข้าเป็นของตัวเองสินะ”
หวังจงยกมือป้องกันใบหน้าและรีบอธิบายโดยเร็วว่า “นายน้อยใจเย็นก่อน นายน้อยยังไม่ใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะขอรับ…”
หลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถอดผ้าเช็ดตัวออกและกลับลงไปนอนแช่น้ำอุ่นอีกครั้ง
หวังจงยังจะมีอะไรมาอธิบายอีกหรือไง?
พ่อบ้านชราคุกเข่าอยู่ข้างอ่างอาบน้ำและรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายน้อยเข้าใจผิดแล้วนะขอรับ หวังจงเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลก หวังจงคิดเสมอว่านายน้อยเป็นบุตรชายของตนเอง… เรื่องที่ว่าหวังจงคิดจะฮุบสมบัติของท่านนั้นไม่จริงเลย หวังจงติดตามบิดาของนายน้อยมายาวนานขนาดไหน นายน้อยเองก็ทราบดี… ทรัพย์สมบัติมากมายกว่านี้หวังจงก็เคยเห็นมาแล้ว ในบัญชีของข้าน้อยที่โรงฝากทรัพย์กระบี่สวรรค์มีเงินเก็บอยู่ถึง 5,000 เหรียญทองคำ แล้วหวังจงจะอยากได้ทรัพย์สมบัติของนายน้อยไปทำไม?”
เดี๋ยวก่อนนะ
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุกเล็กน้อย
5,000 เหรียญทองคำ?
หวังจงมีเงินเก็บมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ตาเฒ่านี่แอบไปหาเงินมาตอนไหน?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
หรือว่าหวังจงแอบยักยอกเงินของเขานะ?
“เจ้ามีเงินเก็บ 5,000 เหรียญทองคำจริงๆ หรือ?”
เด็กหนุ่มมองหน้าหวังจงเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง
พ่อบ้านชราพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับนายน้อย หวังจงทำงานหนักเพื่อ…”
“หุบปาก”
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “เจ้าทำงานหนักหรือ? เจ้าคอยสูบเลือดสูบเนื้อของข้าต่างหาก นับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 3 เดือนข้างหน้า เจ้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของตำหนักไม้ไผ่ และห้ามไม่ให้มีเหตุผลปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น”
หวังจงเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง “นายน้อยพูดจริงหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินอดรู้สึกผิดไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของพ่อบ้านชรา
นี่เขาทำเกินไปหรือเปล่านะ?
อย่างไรเสียหวังจงก็เป็นคนรับใช้ที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน
การไถเงินจากคนใช้ของตัวเองนี่… ค่อนข้างจะมากเกินไปจริงๆ
“เรื่องเงินเล็กน้อยเท่านี้ เจ้ายังจะต้องรบกวนข้าอีกหรือ เพียงเจ้าอ้าปาก ข้าก็มองเห็นลิ้นไก่ของเจ้าแล้ว” หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำสีหน้าเคร่งขรึม “เมื่อสักครู่ เจ้าพูดออกมาไม่ใช่หรือไง ว่าเห็นข้าเป็นเสมือนบุตรชายของตนเอง? เฮอะ ข้าไม่มีบิดาแบบเจ้า…”
“นายน้อยได้โปรดฟังหวังจงอธิบายก่อน”
พ่อบ้านชราพูดเสียงเศร้า “เดิมทีหวังจงตั้งใจจะมอบเงินทั้ง 5,000 เหรียญทองคำนี้ให้แก่นายน้อยอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสเท่านั้น…”
แต่จำนวนเงินเท่านี้ยังไม่ถือว่าเสียหายอะไรมากมาย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ในบัญชีฝากทรัพย์ของหวังจงยังคงมีเงินเหลืออยู่อีก 10,000 เหรียญทองคำเลยทีเดียว
จ่ายให้นายน้อยแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไรนักหรอก
หวังจงแอบยิ้มอยู่ในใจ
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง
บรรยากาศในห้องอาบน้ำตกอยู่ในความเงียบ
เด็กหนุ่มกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่พ่อบ้านชราก็กล่าวขึ้นเสียก่อนว่า “ประจวบเหมาะกับบัดนี้นายน้อยต้องการความช่วยเหลือจากหวังจง ซึ่งหวังจงรู้ดีเสมอว่านายน้อยไม่ใช่คนที่ชอบข่มขู่รีดไถเงินจากผู้อื่นอยู่แล้ว แต่ถ้าหวังจงปฏิเสธไม่มอบเงินก้อนนี้ให้แก่นายน้อย มันก็คงจะเป็นการไม่ไว้หน้านายน้อยเกินไป”
เดี๋ยวก่อนสิ…
มันไม่ควรเป็นแบบนี้
ลุงหวัง ฟังคำอธิบายจากข้าก่อน
หลินเป่ยเฉินรู้สึกหัวใจว้าวุ่น
หวังจงยกมือตบอก น้ำตาไหลพราก “นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วงหวังจงหรอกขอรับ ว่าหวังจงจะต้องลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน ในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตำหนักไม้ไผ่ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะอย่างไรหวังจงก็เป็นพ่อบ้านของนายน้อยอยู่แล้ว มันคือหน้าที่ความรับผิดชอบของหวังจงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขอนายน้อยอย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
เอ่อ…
ตามใจนะ
ปล่อยไปแบบนี้ก็แล้วกัน
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูกต้อง ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเจ้ายินดีมอบมันมาให้ข้าเอง ข้าจะปฏิเสธก็คงกระไรอยู่” หลินเป่ยเฉินไถลตัวลงไปในอ่างอาบน้ำจนน้ำเกือบจะเข้าปาก และเขาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่เต็มใจซึ่งถือเป็นทักษะการแสดงชั้นสูง “ตกลงว่าเอาตามที่เจ้าพูดก็แล้วกัน”
หวังจงตอบรับเสียงดังฟังชัด “บุญคุณของนายน้อย หวังจงจะไม่มีทางลืมเด็ดขาด…”
หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัด พูดว่า “ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็กน้อย อย่างไรเจ้าก็เป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของข้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่าเพิ่งรีบออกไปไหนล่ะ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าได้ดูของดี…”
“ไม่ดีมั้งขอรับ”
หวังจงรีบพูดด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “ของดีของนายน้อย หวังจงเคยเห็นตั้งแต่นายน้อยเป็นเด็กๆ แล้ว…”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้สนใจคำพูดของพ่อบ้านชรา เขานำผลไม้วิเศษที่เหี่ยวแห้งออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์และบิมันออกเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ขนาดเท่ากับเล็บมือ ก่อนจะส่งให้อีกฝ่าย
“นี่คือสมุนไพรวิเศษที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ มันมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ข้าขอมอบมันให้แก่เจ้า”
เด็กหนุ่มว่า
หวังจงรับเศษผลไม้แห้งมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ พ่อบ้านชราก็รู้สึกเหมือนกับว่าเศษผลไม้แห้งสีแดงนี้ เป็นเหมือนเศษเลือดแห้งกรังจากซากสัตว์ที่ถูกทิ้งอยู่ตามถังขยะ ใจจริงหวังจงคิดว่านายน้อยอาจจะนำเศษอาหารมาให้เขารับประทานเพื่อเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มและกล่าวตอบรับว่า “หวังจงขอบคุณนายน้อยสำหรับของรางวัลขอรับ!”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้ารับรู้พอเป็นพิธี ก็หันมากวักมือเรียกอากวง “เจ้าเองก็ได้เหมือนกัน เข้ามาเอาไปสิ”
อากวงเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
“ขอบคุณนายท่านมากขอรับ”
เจ้าหนูเขียนตัวอักษรลงบนกระดานชนวน
บัดนี้ อดีตราชันหนูอสูรนอกจากอ่านออกเขียนได้แล้ว ก็ยังมีความสามารถถึงขั้นแต่งบทกวีได้อีกด้วย
หลินเป่ยเฉินบิผลไม้แห้งเป็นเศษเล็กๆ อีกชิ้นโยนไปให้เจ้าหนูอากวง
“รับเอาไว้ให้ดี นี่คือสุดยอดสมุนไพรเลยนะจะบอกให้”
หลินเป่ยเฉินอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าผลไม้วิเศษชนิดนี้ จะให้ผลลัพธ์อย่างไรบ้างเมื่อรับประทานเข้าไป
และเด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะเหลือพลังอะไรอยู่ในตัวอีกหรือไม่ เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ถูกรูปปั้นเทพีกระบี่ดูดเอาไปหมดแล้วตอนที่เขาทำพิธีเปิดพลังปราณธาตุ
ถ้ามันเหลืออยู่ ผลข้างเคียงต่อผู้รับประทานก็คงไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิตหรอกกระมัง