ตอนที่ 405 เจ้ามีอะไรจะแนะนำไหม?
หลิงไท่ซวียกมือขึ้นบีบแก้มขาวนวลเนียนของนางคณิกาด้วยความหมั่นเขี้ยว จนใบหน้าของนางบู้บี้เหมือนปลาทองที่อยู่ในโหลแก้วเลี้ยงปลา หลังจากนั้น ชายชราก็กล่าวต่อว่า “ไปเลย รีบไปเร็วๆ เข้า… และเลิกเรียกข้าว่านายท่านได้แล้ว พวกเจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านผู้เฒ่าสิถึงจะถูกต้อง”
ฉิงลี้จวนยิ้มแย้มเล่นหูเล่นตาก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
ไม่นานเสียงโวยวายที่ชั้นล่างก็เงียบลง
ฉิงลี้จวนเดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกระบี่ในมือ
กระบี่ยาวสี่เซี๊ยะเป็นประกายวาววับใต้แสงจันทร์
บนกระบี่มีหยดเลือด เลือดไหลหยดลงบนพื้นโต๊ะอาหารเคียงข้างไหสุรา
“ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเชียวหรือ?”
หลิงไท่ซวียกมือตบหน้าผากตัวเอง “เจ้าเป็นสาวเป็นนางแท้ๆ ทำไมจิตใจถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”
ฉิงลี้จวนโยนกระบี่ทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่ไยดี ก่อนจะเดินนวยนาดกลับมานั่งลงข้างกายหลิงไท่ซวีและยิ้มแย้มอ่อนหวานพูดว่า “ผู้ที่มารบกวนความสุขของท่านผู้เฒ่าสมควรตายหมื่นครั้ง ยังไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นการกระทำที่ดูหมิ่นหอนางโลมบ้านบุปผาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคิดมาก่อเรื่องอาละวาดขึ้นที่นี่ บทลงโทษของคนเหล่านั้นก็คือความตายสถานเดียว”
“ก็ได้ๆ ตายก็ตาย”
หลิงไท่ซวีพูดเสียงเรียบ “ส่งคนไปทำความสะอาดชั้นล่างให้เรียบร้อย เดี๋ยวพวกเจ้าหน้าที่มือปราบมา ข้าจะเป็นคนอธิบายกับพวกเขาเอง… อื้ม”
พูดจบ ชายชราก็ได้รับการป้อนสุราแบบปากต่อปากจากแม่นางฉิง เมื่อสุราหมดปากแล้ว หลิงไท่ซวีก็ยังใช้เวลาไปกับการจูบดูดดื่มอยู่อีกหลายลมหายใจ เมื่อผละแยกออกจากกัน หลิงไท่ซวีก็เลียริมฝีปาก พูดว่า “แต่ช่วงหลังบ้านบุปผาของพวกเจ้าชักจะดุร้ายเกินไปแล้ว พวกเจ้าลงมือกับผู้อื่นด้วยความอำมหิตเหมือนหลานเขยของข้าไม่มีผิด”
“พวกเราได้รับชมการถ่ายทอดสดทั้งหมดแล้ว”
“นับว่าคุณชายหลินเป็นคนที่มีความสามารถมากเลยนะเจ้าคะ”
“เฮอะ มีความสามารถอย่างไรก็สู้ข้าไม่ได้หรอก”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยุนเมิ่ง ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงนายท่านได้อีกแล้ว”
“ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่ว่าคืนนี้คุณชายหลินลงมือฆ่าคนอีกแล้วหรือ?”
“นายท่านเล่าให้พวกเราฟังบ้างสิเจ้าคะ”
“พวกเจ้าดูจะชื่นชมหลานเขยข้าเหลือเกินนะ ข้าชักจะอิจฉามันขึ้นมาเสียแล้วสิ”
บนระเบียงด้านนอกของหอนางโลมบ้านบุปผา กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งกระจายในอากาศ
นับเป็นค่ำคืนที่สวยงามอย่างยิ่ง
…
เสียงครวญครางของหลินเป่ยเฉินดังยาวนานอยู่เกือบ 2 ชั่วยามเต็มๆ
นับเป็นเสียงคนครางที่ดังกังวานในราตรีกาลเงียบสงัด นอกจากจะดังลั่นตำหนักไม้ไผ่แล้ว เสียงครวญครางของเด็กหนุ่มยังดังลอยออกไปถึงนอกสถานศึกษากระบี่ที่สามอีกด้วย แม้แต่บ้านเรือนของผู้คนที่อยู่ห่างจากสถานศึกษาไปไม่มาก ก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“เสียงแบบนี้มัน…”
“ใครกันนะกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ในสถานศึกษา?”
“เฮอะ!”
บรรดาผู้คนที่ได้ยินเสียงครางต่างก็สบถด่าอยู่ในใจ
หากพวกเขาจะตั้งสมาธิรับฟังอีกสักหน่อย ก็คงสามารถระบุได้ไม่ยากว่าเจ้าของเสียงคือใคร
นอกจากหลินเป่ยเฉิน ยังจะมีใครอีกที่กล้าส่งเสียงร้องเช่นนี้ในสถานศึกษา?
เฉียนเหมยกับเฉียนเจินนอนอยู่ในห้องพักของตนเอง ใบหน้าของพวกนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย
ส่วนในห้องนอนของหลินเป่ยเฉิน
สุดท้ายการดึงดูดพลังลมปราณออกจากร่างกายก็จบลง หลินเป่ยเฉินมีเหงื่อออกท่วมตัว เขาหอบหายใจ นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดขาว แม้แต่เรี่ยวแรงจะกระดิกนิ้วมือก็ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว
พลังปราณธาตุไฟในร่างกายก็พลอยเหือดแห้งไปด้วย
“เฮ้อ… ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายว่างเปล่าแบบนี้วะ!”
เม็ดเหงื่อไหลหยดจากเส้นผมของเขาตกลงสู่พื้นห้อง
ผ้าปูที่นอนเปียกชุ่ม
หลินเป่ยเฉินนอนออกคำสั่งอย่างหมดแรง “เสี่ยวจี้ ช่วยฉายภาพจากหน้าจอโทรศัพท์ให้หน่อย”
“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”
เสียงของผู้ช่วยส่วนตัวดังขึ้น
พรึบ!
พร้อมกับที่เสียงนั้นดังขึ้น หลินเป่ยเฉินก็มองเห็นหน้าจอโทรศัพท์ถูกฉายขึ้นไปบนเพดานห้องนอนแล้ว
“ขอแสดงความยินดีด้วย! การอัปเดตระบบโทรศัพท์มือถือเสร็จสิ้น การอัปเดตระบบครั้งนี้ประกอบไปด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ การอัปเดตความสามารถของแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในเครื่อง และท่านสามารถเลือกแอปพลิเคชันแบบสุ่มได้ 3 ครั้ง… ต้องการเลือกตอนนี้เลยหรือไม่?”
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
หืม?
เพิ่มประสิทธิภาพของผู้ช่วยส่วนตัวอย่างนั้นหรือ?
“เสี่ยวจี้! ความสามารถใหม่ของเจ้าที่เพิ่มขึ้นมามีอะไรบ้าง?”
“กราบเรียนนายท่าน เสี่ยวจี้มีความรอบรู้ในด้านการตอบคำถามมากขึ้น นายท่านสามารถถามมาได้ทุกอย่าง อาทิ นายท่านจะสามารถกลับโลกมนุษย์ได้อย่างไร”
เฮ้ย!
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง ดีดตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยความตื่นเต้น “แล้วข้าจะสามารถกลับโลกมนุษย์ได้อย่างไร?”
เสี่ยวจี้ตอบว่า “ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม?
“เจ้าไม่รู้แล้วจะให้ข้าถามทำไม?”
หลินเป่ยเฉินพยายามข่มกลั้นความเดือดดาล
“มันเป็นแค่คำถามตัวอย่างเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เสี่ยวจี้อธิบาย
ให้ตายสิ
หลินเป่ยเฉินอยากจะทิ้งตัวกลับลงไปนอนอีกครั้ง
ใช่แล้ว
เสี่ยวจี้ฉลาดขึ้นจริงๆ ด้วย
อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าจะกวนประสาทเขาได้อย่างไร
“งั้นมีเรื่องไหนที่เจ้ารู้จริงๆ บ้าง?”
เด็กหนุ่มถามอีกครั้ง
“ขึ้นอยู่กับคำถามของนายท่านด้วยเจ้าค่ะ ว่ามีความสลับซับซ้อนมากแค่ไหน แต่ความสามารถของเสี่ยวจี้ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือการตอบคำถามได้เร็วขึ้น มีเหตุมีผลมากขึ้น และให้คำตอบที่แม่นยำได้มากขึ้นนั่นเองเจ้าค่ะ”
เสี่ยวจี้ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด
ฟังดูเหมือนได้อัปเดตซีพียูให้กับคอมพิวเตอร์อย่างไรอย่างนั้น
แต่จากความรู้เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือของหลินเป่ยเฉิน ความสามารถด้านนี้มันต้องเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านอุปกรณ์สิ ไม่เห็นเกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์สักหน่อย
หรือว่าการอัปเดตระบบครั้งนี้จะมีอะไรมากกว่าที่เขาคิด?
หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวกลับลงไปนอนอีกครั้ง “แล้วการเพิ่มความสามารถของแอปที่มีอยู่แล้วมันหมายถึงอะไร?”
“การเพิ่มความสามารถของแอปที่มีอยู่แล้ว หมายความว่าโทรศัพท์ได้อัปเดตแพตช์ใหม่เจ้าค่ะ ซึ่งช่วยให้การทำงานโดยรวมของแอปพลิเคชันต่างๆ มีความเสถียรมากขึ้น”
เสียงของเสี่ยวจี้ดังขึ้นอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ขออภัยนายท่านเจ้าค่ะ บัดนี้มี 6 แอปพลิเคชันแจ้งเตือนว่าต้องการอัปเดต ไม่ทราบนายท่านต้องการอัปเดตเลยหรือไม่เจ้าคะ การอัปเดตครั้งนี้ ต้องใช้การโอนถ่ายข้อมูลประมาณ 2 GB เจ้าค่ะ”
“ไม่มีปัญหา… แต่เดี๋ยวก่อน เจ้ามีอะไรจะแนะนำไหม?”
หลินเป่ยเฉินอยากจะอัปเดตโดยทันที แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาก็อยากตรวจสอบดูสักหน่อย ว่าผู้ช่วยส่วนตัวประจำโทรศัพท์มือถือจะมีความฉลาดเฉลียวมากขึ้นจริงหรือไม่
เสี่ยวจี้ตอบกลับมาว่า “ขอแนะนำให้นายท่านตั้งเวลาอัปเดตเอาดีกว่าเจ้าค่ะ ตั้งไว้ให้เป็นงานประจำวัน ค่อยๆ อัปเดตในพื้นหลังไปก็ได้”
“ดีมาก”
หลินเป่ยเฉินว่า “พวกเรามีความคิดเห็นตรงกัน ข้าก็คิดเช่นนั้น…งั้นเรามาเลือกแอปแบบสุ่มทั้ง 3 แอปนั้นกันเลยดีกว่า”
“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”
แล้วแอปสโตร์ในโทรศัพท์มือถือก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งถูกฉายอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน