ตอนที่ 409 โจ๊กเพิ่มพลัง
ในไม่ช้าทุกคนก็นั่งลง
อาหารถูกนำมาตั้งไว้บนโต๊ะ
เมื่อเห็นสิ่งที่หวังจงนำมาตั้งไว้เบื้องหน้าและพบว่านั่นคือโจ๊กหม้อใหญ่ บรรดาแขกผู้ได้รับเชิญก็ได้แต่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
ไป๋ชินหยุนยกมือเท้าคาง มองโจ๊กที่อยู่ในหม้อใบใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาผิดหวัง “คิดจะเลี้ยงข้าวกันทั้งที มีปัญญาเลี้ยงแค่โจ๊กหม้อเดียวเองหรือ? คุณชายหลิน ท่านขี้งกเกินไปแล้วนะ ส่งคนไปสั่งอาหารมาจากโรงเตี๊ยมหว่านเซิ่งดีกว่า ถ้าเงินไม่พอ เดี๋ยวข้าออกให้…”
เด็กสาวทำท่าจะควักบัตรฝากเงินสดออกมาเตรียมโยนใส่หน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
“ช้าก่อน”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นห้ามโดยเร็วไว “อาหารจากโรงเตี๊ยมนั้น ถึงมีเงินก็สั่งไม่ได้แล้ว”
“มีเงินทำไมถึงจะสั่งไม่ได้เล่า?”
ไป๋ชินหยุนถือตะเกียบอยู่ในมือเหมือนกำลังถือกระบี่อยู่ก็ไม่ปาน “ข้าอยากจะรู้นักว่าเพราะเหตุใดเราถึงสั่งอาหารจากโรงเตี๊ยมหว่านเซิ่งไม่ได้…”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “บังเอิญเมื่อคืนนี้ข้าเผลอฆ่าคนตายในโรงเตี๊ยมหว่านเซิ่งน่ะ ซ้ำยังเป็นลูกค้าระดับสูงอีกด้วย เช้าวันนี้ เถ้าแก่เขาเลยส่งคนมาบอกข้าว่า ห้ามไม่ให้ข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมของเขาอีกแล้ว”
“มันหมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ ท่านพี่?”
ฮันปู้ฮวยถามด้วยความสงสัย
อากวงเขียนข้อความอธิบายลงบนกระดานชนวนว่า…
“นายท่านกลายเป็นลูกค้าที่ทางโรงเตี๊ยมไม่ต้อนรับแล้วน่ะขอรับคุณหนู”
“เพราะทางโรงเตี๊ยมมองว่านายท่านเป็นคนไม่ดีขอรับ”
“อ๋อ”
ฮันปู้ฮวยพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจขึ้นมาทันที
ไป๋ชินหยุนพลันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ถ้าอย่างนั้น ก็รีบเล่ามาเร็วเข้า ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าถึงกับฆ่าคนในโรงเตี๊ยมหว่านเซิ่ง แต่กลับยังสามารถเดินออกมาได้อย่างครบสามสิบสอง ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้ที่ถูกเจ้าฆ่าตายนั้นเป็นใครกันแน่?”
หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าเด็กสาวหน้าอกภูเขาไฟในความเงียบ
ยัยนี่ไม่คิดจะถามสักหน่อยหรือไงว่าเขาบาดเจ็บบ้างหรือเปล่า?
แถมยังเรียกเขาเหมือนเรียกเพื่อนเล่นอีก
เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยเฉินไม่มีอารมณ์ตอบคำถาม ไป๋ชินหยุนจึงหันไปดึงมือเฉียนเหมยเพื่อให้มาอธิบาย
“กินกันก่อนเถอะ”
หลินเป่ยเฉินตัดบทและนั่งลงประจำที่เป็นคนสุดท้าย
“วันนี้ข้ามีของดีมาแบ่งปันกับทุกคน”
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปยังโจ๊กที่อยู่ในหม้อใบใหญ่บนโต๊ะอาหาร จากนั้นจึงผายมือไปทางหวังจงและเริ่มใช้น้ำเสียงเหมือนโฆษกที่กำลังโฆษณาสินค้า “พวกท่านลองดูซิว่าหวังจงมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ มีใครสังเกตบ้างไหมว่าหวังจงดูหนุ่มขึ้น? และนั่นก็เป็นผลลัพธ์จากการรับประทานโจ๊กหม้อนี้นั่นเอง…”
สายตาของทุกคนหันไปจ้องมองหวังจงเป็นตาเดียว
เว้นแต่ติงซานฉือที่สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ตั้งแต่แรก คนอื่นๆ ก็ต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นถึงใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยของพ่อบ้านหวัง เพียงรับประทานโจ๊กวิเศษเข้าไปแค่คืนเดียว หวังจงก็ดูหนุ่มแน่นขึ้นหลายสิบปี ผิวพรรณที่หย่อนยานก็เต่งตึง เส้นผมที่หงอกขาวก็กลับมาเป็นสีดำมันวาว เลือดลมสูบฉีดอย่างคนที่มีสุขภาพแข็งแรง…
หวังจงดูไม่เหมือนคนเดิมอีกแล้ว
ทุกคนหันมองหน้ากัน
“มันวิเศษขนาดนั้นเชียวหรือ?”
หลังจากนั้น สายตาที่ทุกคนมองโจ๊กในหม้อตรงหน้าก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ฉู่เหินคิดอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อย ก็กล่าวออกมาว่า “เจ้าลูกเต่า…เจ้าคงไม่ได้มีเจตนาขายโจ๊ก เลยให้พ่อบ้านหวังเป็นหน้าม้าให้เจ้าหรอกใช่ไหม?”
หลินเป่ยเฉินกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ ตอบว่า “ข้ารู้ว่าพวกท่านคงมีคำถามอยู่ในใจมากมาย แต่ลองรับประทานโจ๊กดูสักหน่อย คำถามที่อยู่ในใจพวกท่านจะต้องหายไปอย่างแน่นอน… เฉียนเหมย เฉียนเจิน ตักโจ๊กให้แขกคนละถ้วย”
สองสาวรับใช้รีบทำตามคำสั่งโดยทันที
โจ๊ก 1 ถ้วยเล็กสำหรับแขก 1 คน
ตอนแรกทุกคนก็มีสีหน้าลังเลเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น การบอกว่านี่คือ ‘โจ๊กวิเศษ’ มันก็ดูเป็นการคุยโวอยู่พอสมควร
“ซ้วบ…”
แต่แล้วเสียงของการรับประทานโจ๊กก็ดังขึ้น
ไป๋ชินหยุนกินโจ๊กหมดถ้วยในลมหายใจเดียว เด็กสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พูดว่า “รสชาติมันออกแปลกๆ หน่อยนะ… แน่ใจนะว่าเป็นโจ๊ก?”
ทุกคนหันขวับมองไปที่เด็กสาวอกภูเขาไฟเป็นตาเดียว
ไป๋ชินหยุนหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเหยียดหยาม “ไม่เห็นมันจะวิเศษอะไรเลย รับประทานไปแล้วก็งั้นๆ คราวหน้าคราวหลัง เจ้าหาอะไรที่มันมหัศจรรย์มากกว่านี้หน่อยสิ…”
โครก!
ทันใดนั้น เสียงที่แปลกประหลาดก็ดังออกมาจากท้องของไป๋ชินหยุน
สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนแปลงไปทันที “โจ๊กของเจ้า… ค้างคืนมาแล้วใช่ไหม? หมายความว่านี่เป็นของเสียน่ะสิ… คนแซ่หลิน รออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า”
ไป๋ชินหยุนลุกพรวดพราดและวิ่งไปห้องน้ำ เสียงโครกครากจากท้องของนางยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง…
ทุกคนชะงักงันไปทันที
สายตาของพวกเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่ไป๋ชินหยุนวิ่งหายไปอยู่เนิ่นนาน หลังจากนั้น ถึงได้หันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มแจ่มใส อธิบายด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “นี่เป็นผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย ทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าได้เตรียมห้องน้ำไว้ให้พวกท่านโดยเฉพาะแล้วคนละห้อง รับรองว่าพวกท่านมีห้องน้ำให้ได้เข้าพร้อมกันอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้น แขกผู้ได้รับเชิญก็พูดอะไรไม่ออกกันอีกแล้ว
พวกเขารู้สึกอยากจะล้มโต๊ะ
มันไม่สำคัญสักหน่อยว่ามีห้องน้ำเพียงพอหรือไม่
สิ่งสำคัญคือโจ๊กถ้วยนี้เมื่อรับประทานไปแล้วจะปลอดภัยหรือเปล่า?
“งั่มๆๆๆ…” พลัน อากวงยกถ้วยโจ๊กของตนเองขึ้นมากินรวดเดียวหมดในเวลาเพียงพริบตาเดียว
หลังจากนั้น ท้องของมันก็ส่งเสียงร้องโครกคราก เจ้าหนูรีบหมุนตัว กระโดดออกจากโต๊ะอาหารและวิ่งไปยังสนามหญ้าที่อยู่ด้านข้างของตำหนักไม้ไผ่
หลินเป่ยเฉินสั่งมันเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าห้ามไปรบกวนการใช้ห้องน้ำที่สร้างไว้ให้แขกวันนี้เด็ดขาด
สายตาของทุกคนจ้องมองไปยังทิศทางที่อากวงวิ่งหายไปอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
เป็นอย่างไรล่ะทีนี้?
หลินเป่ยเฉินยังจะกล้าพูดอีกไหมว่าโจ๊กวิเศษของตนเองควรค่าต่อการรับประทาน?
“หลินเป่ยเฉิน ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาจารย์ดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เราไม่เคยคิดร้ายต่อเจ้า เพราะฉะนั้น เราคงไม่ได้มีความแค้นอันใดต่อกันหรอกใช่ไหม?”
ฉู่เหินถามเสียงเครียด
“นั่นสิ แล้วทำไมเจ้าต้องวางยาพิษในโจ๊กพวกนี้ด้วย?”
พานเว่ยหมินถามออกมาบ้าง
“ไม่ใช่ยาพิษนะขอรับ…” หลินเป่ยเฉินพยายามโต้แย้ง
หลิวฉีไห่พูดว่า “ถึงไม่ใช่ยาพิษ แต่ก็เป็นยาถ่าย”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ “นั่นก็ไม่ใช่เหมือนกันขอรับ…”
“เฮ้อ… ทำไมพวกท่านถึงไม่เชื่อใจข้าเลยนะ เฉียนเหมย เฉียนเจิน พวกเจ้ามารับประทานโจ๊กคนละถ้วย ทำให้แขกทุกท่านได้เห็นว่าสามารถรับประทานได้ไม่มีปัญหา”
สุดท้าย เด็กหนุ่มก็ต้องให้สองสาวรับใช้มารับประทานโจ๊กเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกคน
เฉียนเหมยกับเฉียนเจินไม่ลังเลแม้แต่นิด พวกนางตักโจ๊กให้ตนเองคนละถ้วย จากนั้นก็รับประทานจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว
บัดนี้ อย่าว่าแต่หลินเป่ยเฉินสั่งให้พวกนางรับประทานโจ๊กเลย ต่อให้เขาสั่งให้พวกนางกระโดดลงไปจากหน้าผา เฉียนเหมยกับเฉียนเจินก็ไม่คิดปฏิเสธคำสั่งแม้แต่น้อย
ไม่กี่อึดใจต่อมา สองสาวรับใช้พลันหน้าแดงก่ำ เสียงโครกครากดังออกมาจากในช่องท้อง พวกนางรีบหมุนตัวเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร และกลับเข้าไปในห้องพักของตนเองทันที
ฮันปู้ฮวยก้มหน้ามองโจ๊กที่อยู่ตรงหน้าของตนเองอีกครั้ง สายตาของนางเหมือนกำลังจ้องมองสิ่งของมีค่าบางอย่าง
หลังจากใช้เวลารวบรวมความกล้าหาญอยู่เล็กน้อย เด็กหญิงก็กล่าวแก่หลินเป่ยเฉินว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะทานแล้วนะเจ้าคะ”
เมื่อรับประทานโจ๊กจนหมดถ้วย นางก็รีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
ติงซานฉือขมวดคิ้ว สบถออกมาว่า “ร้ายกาจเกินไปแล้ว…”
แต่เสียงพูดยังไม่ทันจางหาย
“คุณชายหลินอยู่หรือไม่?”
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
ทุกคนหันไปมองที่ประตู
แล้วก็ได้พบว่าผู้มาใหม่ก็คือฉุยหมิงโหลว บุตรชายของท่านเจ้าเมืองคนใหม่ ชายหนุ่มเดินผ่านประตูเข้ามาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับไหสุราคุณภาพดีที่อยู่ในอ้อมแขน