ตอนที่ 410 โบราณว่าไว้….
“อ้าว อาจารย์ทุกท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือขอรับ”
ฉุยหมิงโหลวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ไหสุราที่อยู่ในอ้อมแขนของเขายิ่งโดดเด่นสะดุดตาทุกคนมากกว่าเดิม “เยี่ยมเลย ความจริงนั้นข้าตั้งใจมาขออภัยคุณชายหลินสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน… คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสทุกท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าขอแจ้งให้ทุกท่านทราบเลยก็แล้วกันนะขอรับว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉุยหมิงโหลวคนนี้จะมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนพิเศษของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ดังนั้นข้าน้อยต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับผู้อาวุโสทุกท่านแล้ว”
ฉุยหมิงโหลวก้มศีรษะคำนับอย่างมีมารยาท
พวกของฉู่เหินพยักหน้าตอบรับด้วยความพึงพอใจ
อีกอย่าง ชายหนุ่มคนนี้มีสถานะเป็นถึงลูกชายท่านเจ้าเมือง จะให้ทำเป็นมองไม่เห็นก็คงไม่ได้
บัดนี้เอง หลินเป่ยเฉินถึงเพิ่งจะสังเกตว่าฉุยหมิงโหลวสวมใส่ชุดเครื่องแบบของอาจารย์ในสถานศึกษากระบี่ที่สามอยู่จริงๆ
หลังผ่านเหตุการณ์นองเลือดมาเมื่อคืน หลินเป่ยเฉินยังไม่ได้รับการเรียกตัวจากท่านเจ้าเมืองเลยสักครั้ง
เขานึกว่าตนเองจะมีปัญหา
แต่เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ฉุยหมิงโหลวนำติดมือมาด้วยกลับเป็นไหสุราจากร้านค้าชื่อดังประจำเมือง มีราคาไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญทองคำ เด็กหนุ่มก็ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรมากขึ้น
“แหม เชิญเลยขอรับ เชิญเลย”
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืน รับไหสุรามาถืออย่างยินดีและผายมือให้ฉุยหมิงโหลวนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“คุณชายฉุยมาได้ถูกเวลาพอดี พวกเรากำลังรับประทานโจ๊กวิเศษกันอยู่… คุณชายฉุยก็ลองรับประทานดูด้วยสิขอรับ”
หลินเป่ยเฉินรีบตักโจ๊กในหม้อใส่ถ้วยเล็กให้แก่ฉุยหมิงโหลวด้วยความกระตือรือร้น
ฉุยหมิงโหลวรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่า โจ๊กถ้วยนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
แต่เมื่อเห็นว่าตรงหน้าทุกคนก็มีโจ๊กวางอยู่คนละถ้วย เขาไม่ใช่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรับประทาน ฉุยหมิงโหลวจึงรู้สึกเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย อีกอย่าง ภารกิจที่บิดามอบหมายมาให้เขาทำ ก็คือการตีสนิทหลินเป่ยเฉินให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะฉะนั้น… การปฏิเสธไม่รับประทานโจ๊กถ้วยนี้ก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“รบกวนคุณชายหลินแล้ว”
ฉุยหมิงโหลวรับถ้วยโจ๊กมาตั้งไว้ตรงหน้าและเริ่มต้นรับประทานอย่างรวดเร็ว
“อร่อยไหมขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้ามาสอบถามที่ด้านข้างด้วยความตื่นเต้น
ฉุยหมิงโหลวทำสีหน้าพะอืดพะอม “ถือว่าพอใช้ได้… เอ๊ะ…”
ในท้องของชายหนุ่มรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาทันที จากนั้นฉุยหมิงโหลวถึงได้เห็นว่าแขกที่โต๊ะอาหารคนอื่นๆ กำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาเวทนา ชายหนุ่มรับรู้ได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ พลัน ลำไส้ของเขาก็บิดตัวเหมือนมีใครสักคนเอามือไปบีบรัดและทำให้ของเสียในร่างกายกำลังจะถูกขับถ่ายออกมาแล้ว…
ฉุยหมิงโหลวรู้สึกร้อนวูบวาบสลับกับหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย
“จะ… เจ้า…”
ฉุยหมิงโหลวพูดอะไรไม่ออก
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มตอบว่า “คุณชายฉุยโชคดีมากนะขอรับที่ได้มีโอกาสรับประทานโจ๊กถ้วยนี้”
ฉุยหมิงโหลวกัดฟันข่มความเจ็บปวดในท้อง และถามด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ “ห้องน้ำ… อยู่ทางไหน…”
หลินเป่ยเฉินผายมือไปทางด้านหนึ่งพร้อมกับกล่าวว่า “ห้องน้ำอยู่ทางด้านนี้ขอรับ”
“ขอบใจ”
ฉุยหมิงโหลวรีบลุกขึ้นวิ่งหายไปทันที
สายตาของทุกคนหันขวับมาจ้องมองที่หลินเป่ยเฉินอีกครั้งด้วยความดุดัน
“มันเป็นของดีจริงๆ นะ เฮ้อ ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อข้าบ้างเลยเนี่ย…”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
“เรามาดื่มกันก่อนดีกว่า”
ฉู่เหินเปลี่ยนเรื่องพูดและเปิดดินปิดฝาไหสุราชั้นเลิศที่บุตรชายท่านเจ้าเมืองนำมาเป็นของฝาก
กลิ่นหอมหวลชวนดื่มลอยฟุ้งไปทั่วห้องรับประทานอาหารทันที
ทุกคนดื่มสุราสำราญใจ
หลังจากนั้นไม่นาน
ไป๋ชินหยุนก็วิ่งกลับมาด้วยสีหน้าเดือดดาล
“เสี่ยวไป๋ เจ้าอย่าได้ใจร้อน มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน อย่าเพิ่งทำอะไรรุนแรง…”
ฉู่เหินพยายามออกหน้าปกป้องหลินเป่ยเฉินโดยไม่รู้ตัว
เขาเกรงว่าเด็กสาวกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านพักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่า…
“ยังเหลือโจ๊กอยู่อีกไหม?”
ไป๋ชินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เร็วๆ เข้า ตักมาให้ข้าอีกหนึ่งถ้วย…”
พูดจบแล้ว ทุกคนยังไม่ได้ทันกล่าวอะไรออกมาอีก โจ๊กถ้วยใหม่ก็ถูกนำไปตั้งไว้ตรงหน้าไป๋ชินหยุน และนางก็รับประทานจนหมดในเวลาเพียงอึดใจเดียว แต่ที่น่าแปลกก็คือ เด็กสาวกลับทำท่าว่าจะขอเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย
“หึหึ พอแล้ว ขืนเจ้ากินเข้าไปอีก ร่างกายได้รับไม่ไหวกันพอดี…”
หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องห้ามปราม
ไป๋ชินหยุนนั่งตัวแข็งทื่อ ยกมือกุมท้อง และวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำที่ด้านนอกอีกครั้ง
ฉู่เหินและคณะอาจารย์คนอื่นๆ ตกตะลึงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“เมื่อสักครู่นี้… พลังลมปราณในตัวเสี่ยวไป๋เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าเลยนะ”
“เลือดลมในร่างกายก็ไหลเวียนอย่างสมบูรณ์มากกว่าเดิมด้วย”
“หรือว่าโจ๊กหม้อนี้… จะเป็นโจ๊กวิเศษจริงๆ…”
ฉู่เหินมองโจ๊กที่ถูกตักใส่ถ้วยเล็กตรงหน้าเขา ก่อนจะเงยหน้ามองมาที่หลินเป่ยเฉินอย่างชั่งใจ
หลินเป่ยเฉินยิ้มหวานพยักหน้าตอบรับกลับไป
ติงซานฉือลังเลอยู่เล็กน้อย ก็เอื้อมมือหยิบถ้วยโจ๊กขึ้นไปซดรวดเดียวหมด
หลังจากนั้นไม่นาน ท้องของเขาก็ส่งเสียงร้องโครกคราก แล้วชายชราก็ต้องเป็นอีกคนที่รีบลุกวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
โบราณว่าไว้ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด
ยายิ่งขมก็ยิ่งดี
หลายคนคิดเปลี่ยนใจ
ฉู่เหินและพรรคพวกยกถ้วยโจ๊กตรงหน้าขึ้นเลียนแบบติงซานฉือซดรวดเดียวหมดโดยไม่หายใจ
จากนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำชั่วคราวที่สร้างอยู่ด้านนอกตำหนักไม้ไผ่
“นายน้อยขอรับ…”
หวังจงเดินเข้ามาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปด้วยความหงุดหงิด “อย่าแม้แต่จะคิด โจ๊กหม้อนี้ไม่มีส่วนที่เป็นของเจ้าอีกแล้ว อย่าลืมสิว่ามันปรุงด้วยผลไม้วิเศษล้ำค่า เมื่อคืนนี้ เจ้าคนเดียวก็กินไปตั้งชิ้นนึงแล้ว หากรับประทานมากเกินไป ร่างกายของเจ้าจะรับไม่ไหว บัดนี้ให้ร่างกายของเจ้าได้มีเวลาปรับตัวเสียก่อนเถิด ข้าขอรับปากว่าในอนาคตข้างหน้า เจ้าจะได้มีโอกาสรับประทานมันอีกแน่นอน”
หวังจงประสานมือ ก้มศีรษะ “ขอบพระคุณนายน้อย แต่ว่าหวังจง…”
หลินเป่ยเฉินตัดบทว่า “ข้าไม่ต้องการความคิดเห็นของเจ้า…”
“ย๊าก…”
ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากด้านข้างตำหนักไม้ไผ่ “ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ… ใครอยู่ข้างใน รีบออกมาเดี๋ยวนี้”
นั่นเป็นเสียงของฉู่เหิน
หลินเป่ยเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที
อาจารย์ฉู่เป็นอะไรของเขานะ?
เกิดเรื่องขึ้นหรืออย่างไร?
หรือว่าโจ๊กที่ทำขึ้นมาจากส่วนผสมของผลไม้วิเศษ จะเกิดผลข้างเคียงกับแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือของอาจารย์?
“นายน้อยขอรับ”
หวังจงทนไม่ไหวต้องพูดออกมาอีกครั้งว่า “เดิมทีพวกเราเตรียมห้องน้ำเอาไว้พอดีสำหรับทุกคน แต่ปรากฏคุณชายฉุยหมิงโหลวมาร่วมรับประทานด้วยอย่างไม่คาดคิด ส่งผลให้ขณะนี้ เราขาดห้องน้ำไปหนึ่งห้องขอรับ”
หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักกึก
ไม่มีทางน่า
แต่สุดท้าย เด็กหนุ่มก็ทำได้เพียงแอบสงสารอาจารย์ฉู่เหินอยู่ภายในใจเท่านั้น
“ไปเอาอาหารกลางวันมาให้ข้าได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนเรื่องพูดหน้าตาเฉย
หลังจากนั้น หวังจงก็นำอาหารที่มีหน้าตาน่ารับประทานออกมาวางเต็มโต๊ะ
เด็กหนุ่มกินเนื้อดื่มสุราอย่างเปรมปรีดิ์
เขาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องราวต้องเป็นเช่นนี้
ดังนั้น จึงได้เตรียมอาหารของตนเองแยกเอาไว้ต่างหาก
เด็กหนุ่มตั้งใจจะลงมือรับประทานระหว่างรอคอยให้ทุกคนขับถ่ายเสร็จสิ้น
แน่นอน หลินเป่ยเฉินสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางรับประทานโจ๊กวิเศษหม้อนี้เด็ดขาด
เขายังไม่อยากท้องเสียโดยไม่มีเหตุผล