ตอนที่ 434 สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ภารกิจสำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ?
หมายความว่าเขาเลื่อนพลังได้แล้วสิ?
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีพลังกำลังไหลล้นออกมาจากร่างกาย หลินเป่ยเฉินก็กระแทกหมัดออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง
ผลั่ก!
เปลวไฟลุกโชนสว่างไสว
รัศมีจากคมกระบี่ของบัณฑิตหนุ่มสลายหายไปทันที
มิหนำซ้ำ กระบี่ทองคำในมือฝ่ายตรงข้ามยังหลอมละลายภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนสูงอีกด้วย
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องโหยหวน
มวลพลังที่ระเบิดออกจากร่างกายของหลินเป่ยเฉินกระแทกบัณฑิตหนุ่มใบหน้าขาวดำให้ลอยกระเด็นออกไปไกลหลายสิบวา จนไปกระแทกกับเสาหินและทะลุผนังกระท่อมไม้ออกไปสู่ด้านนอก…
“นี่มันอะไรกัน?”
หญิงสาวในชุดเขียวเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมอยู่ดีๆ บุรุษหน้ากากแดงถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างนี้?
หรือว่าพวกนางถูกตบตา?
ความคิดนานัปประการผุดขึ้นมาในหัวของหญิงสาวชุดเขียว ยิ่งคิด นางก็ยิ่งตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ลดมือลงไปอย่างแช่มช้า
เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของตนเอง
วันพันช์แมนตอนที่ต่อสู้กับศัตรูก็คงรู้สึกเช่นนี้เหมือนกันสินะ
นี่คงเป็นรสชาติของการต่อสู้ที่แท้จริง
อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ
บัดนี้ ภารกิจในแอปพลิเคชัน Keep ได้สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ระดับพลังในร่างกายของเขาเพิ่มพูนมากขึ้น ถึงตอนแรกจะรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย แต่เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
“โชคดีที่เราฝึกวิชากระบี่เร้นกายเตรียมพร้อมเอาไว้ มิเช่นนั้น ร่างกายคงไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับพลังเหล่านี้ได้แน่ๆ…”
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดด้วยหัวใจที่พองโต
อิอิอิอิ
บัดนี้ เขาก็มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว
อาจารย์ติงไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
ในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวาน อาจารย์สามารถเลื่อนระดับพลังได้สำเร็จ ทำให้ภารกิจของหลินเป่ยเฉินสำเร็จตามไปด้วยโดยปริยาย
อาจารย์ขอรับ ลูกศิษย์คนนี้รักท่านจริงๆ
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังลมปราณเต็มอัตรา เปลวไฟลุกโชนสว่างไสวจากร่างกายของเขาเผาไหม้ไปรอบทิศทาง…
ในเวลาเดียวกันนี้
“เจ้า… เจ้าไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”
บัณฑิตหนุ่มใบหน้าขาวดำตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยสภาพที่มีเลือดอาบเต็มตัว ดูน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เขากำลังจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินพร้อมกับกล่าวว่า “หลินเป่ยเฉินยังไม่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ และเปลวไฟของเขาก็ไม่ใช่สีเงิน นี่หมายความว่าก่อนหน้านี้ เจ้าพยายามปลอมตัวเป็นหลินเป่ยเฉินเพื่อหลอกลวงข้า…”
เปลวไฟสีเงิน?
เปลวไฟสีเงินอะไรกัน
หลินเป่ยเฉินสะดุดใจในคำพูดของฝ่ายตรงข้าม จึงก้มมองร่างกายของตนเองโดยไม่รู้ตัว
นี่เขามีเปลวไฟสีเงินอย่างนั้นหรือ?
ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมเปลวไฟของเขา…
ถึงเปลี่ยนสีได้อย่างนี้?
สิ่งที่ยืนยันกับสายตาของเด็กหนุ่มก็คือ เปลวไฟที่กำลังห่อหุ้มร่างกายของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นสีส้มผสมแดงเข้ม แต่ขณะนี้ มันกลับกลายเป็นเปลวไฟสีเงินยวงบริสุทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
เขาไม่ใช่กิ้งก่าสักหน่อยนะ
ทำไมอยู่ดีๆ เปลวไฟถึงเปลี่ยนสีได้ล่ะ? หรือนี่จะเป็นผลข้างเคียงจากการเลื่อนระดับพลังขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์?
เอ่อ…
แล้วตกลงว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่?
อย่างน้อยการมีเปลวไฟสีเงิน ก็ดูเท่กว่ามีเปลวไฟสีส้มธรรมดานั่นแหละนะ และแน่นอนว่ามันคงจะทำให้สาวๆ ตกหลุมรักเขาง่ายดายมากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งสำคัญคือความสามารถของเปลวไฟพวกนี้น่ะสิ
หลินเป่ยเฉินลองโคจรพลังควบคุมเปลวไฟของตนเองดูอีกครั้ง
แต่มันรุนแรงเกินไปจนเขาควบคุมไม่ไหว
เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
วูบ!
หญิงสาวชุดเขียวที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นท่าไม่ดี จึงหมุนตัวเตรียมหาจังหวะหลบหนี
นางมีวิชาตัวเบาไม่เป็นสองรองใคร สามารถหลบหนีศัตรูในยามคับขันได้นับครั้งไม่ถ้วน
แต่ร่างบางเพิ่งจะลอยขึ้นไปในอากาศได้เพียงไม่กี่วาเท่านั้น
“จะหนีไปไหน?”
หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวอยู่นานแล้ว
เขากระแทกฝ่ามือออกไปข้างหน้าและยิงพลังลมปราณด้วยกระบวนท่าจากวิชาฝ่ามือถือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ
นี่คือคัมภีร์วิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาวที่หลินเป่ยเฉินได้มาจากหัวหน้าโจรป่าในหุบเขาชายแดนเหนือ
แล้วมังกรไฟตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา
ระยะห่างเพียงไม่กี่วา มังกรไฟจึงไม่พลาดเป้าหมายในการพุ่งปะทะกับหญิงสาวชุดเขียวกลางอากาศ
ฟู่!
หญิงสาวชุดเขียวกระอักเลือดออกมาจากปากเป็นสาย ก่อนที่ร่างกายจะร่วงหล่นกระแทกพื้นดิน
นี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่?
ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งอย่างนี้
หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงกับความสามารถที่เก่งกาจของตนเองไม่ได้
นอกจากเขาจะหน้าตาดีแล้ว ยังมีฝีมือการต่อสู้ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย
แล้วเจียงจี้หลิวจะมาเทียบเคียงกับเขาได้อย่างไร?
“อะเฮื่อ…”
หญิงสาวชุดเขียวพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อหลบหนีอีกครั้ง แต่พลังลมปราณในร่างกายของนางสลายหายไปหมด พลันในพริบตานั้นเอง เปลวไฟสีเงินยวงก็พวยพุ่งออกมาจากปากและจมูกของนาง ก่อนที่ตัวคนจะระเหยหายไปในอากาศเหมือนเป็นเพียงละอองน้ำกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ส่วนเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาวุธและสิ่งของที่พกติดตัวชนิดต่างๆ ยังคงอยู่ดีเป็นปกติ
มีแต่เพียงร่างกายของนางเท่านั้นที่หายไป
เสื้อผ้าและเครื่องประดับของหญิงสาวชุดเขียวลอยค้างอยู่ในอากาศเล็กน้อย ก่อนที่พวกมันจะร่วงหล่นลงมากองอยู่พื้นดินตามกฎแรงโน้มถ่วงของโลก
หืม?
คราวนี้เปลวไฟของเขาไม่เผาไหม้เสื้อผ้าแฮะ
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต ดวงตาเป็นประกาย
เขายกมือจับคางโดยไม่รู้ตัว
ดูสิ
ขนาดชุดชั้นในของนางยังอยู่เลย
เปลวไฟของเขาไม่ได้เผาไหม้เสื้อผ้าของหญิงสาวชุดเขียวแม้แต่ชิ้นเดียว
พรึบ! พรึบ!
แว่วเสียงชายเสื้อปะทะลมดังมาจากระยะไกล
มีคนกำลังมา
บัณฑิตหนุ่มใบหน้าขาวดำตกอยู่ภายใต้ความตกใจกลัวสุดขีด
เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง หันหลังกลับ พยายามหลบหนีโดยไม่พูดคำใดอีก…
ร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ แล้ววินาทีต่อมา บัณฑิตหนุ่มก็แยกร่างจาก 1 คนเป็น 2 คน จาก 2 คนเป็น 4 คน จาก 4 คนเป็น 8 คน และจาก 8 คนเป็น 16 คน….รวมแล้วทั้งหมดเขาแยกร่างออกมาถึง 16 ร่าง แต่ละร่างแยกย้ายไปต่างทิศต่างทาง หลบหนีด้วยความรวดเร็ว
“คิดว่าแยกร่างแล้วจะหนีรอดอย่างนั้นหรือ?”
“นั่นมันบัณฑิตมัจจุราชนี่นา!”
“ตัววายร้ายเช่นนี้… เราต้องหยุดยั้งมันให้ได้”
ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากรอบทิศทาง
ปรากฏว่าเหล่ามือกระบี่ยอดฝีมือที่ขณะนี้พำนักอยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง ต่างก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือจากสำนักใหญ่และเป็นอาจารย์จากสถานศึกษาต่างเมืองที่มาดูแลลูกศิษย์ ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันจตุรมิตรสามัคคี
เมื่อพวกเขาเห็นว่าตัววายร้ายในครั้งนี้คือบัณฑิตหนุ่มใบหน้าขาวดำ ทุกคนก็อุทานออกมาด้วยความเดือดดาล…
แต่ในจังหวะนั้นเอง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินปรากฏตัวออกมาพร้อมด้วยซัดพลังจากวิชาฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพอย่างต่อเนื่อง
เสียงระเบิดในอากาศดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มกระแทกฝ่ามือออกไปข้างหน้า จะต้องมีมังกรไฟสีเงินสว่างไสวพุ่งบินฉวัดเฉวียนในอากาศ มันสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า แม้มีระยะห่างหลายสิบวา แต่มังกรเงินก็บินไปถึงตัวบัณฑิตหนุ่มมัจจุราชในเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
แล้วร่างแยกทั้ง 16 ร่างของบัณฑิตหนุ่มก็ถูกมังกรไฟเล่นงานหมดสิ้น
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงระเบิดที่น่าหวาดกลัวดังขึ้นในอากาศอย่างต่อเนื่อง
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของบัณฑิตมัจจุราช
“อ๊ากกก!”
สุดท้าย บัณฑิตหนุ่มตัวจริงที่ซ่อนตัวอยู่กลางกลุ่มร่างแยกก็กระอักเลือดออกมาจากปากอีกครั้ง ตัวคนร่วงหล่นกระแทกพื้นดินอย่างแรง ก่อนจะไถลไปกระแทกเข้ากับกระท่อมไม้และทำให้กระท่อมทั้งหลังพังถล่มลงมาฝังตนเองทั้งเป็น
โครม!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทำให้เหล่ายอดฝีมือต้องหยุดชะงัก
บัณฑิตมัจจุราชเป็นจอมโจรที่ออกอาละวาดในมณฑลเฟิงอวี่มาหลายปี เขาเป็นที่ต้องการตัวของหน่วยมือปราบ แต่ด้วยความที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ และฝึกวิชามัจจุราชขาวดำในระดับสูง บัณฑิตหนุ่มโรคจิตจึงสามารถหลบหนีผู้พิทักษ์กฎหมายได้เรื่อยมา และแน่นอนว่าเขาย่อมมีสำนักใหญ่ใต้ดินคอยหนุนหลังสนับสนุน
วิชาแยกร่างนี้ค่อนข้างเป็นวิชาลึกลับ
บางคนอยากฝึกแทบตายก็ไม่มีวาสนาได้ฝึก
ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปกับภาพของบัณฑิตมัจจุราชที่แยกร่างออกมาจำนวนมาก แต่ก็ยังถูกฝ่ายตรงข้ามสอยร่วงลงมาได้อย่างง่ายดาย
บุรุษหนุ่มหน้ากากแดงเป็นผู้ใดกันแน่?
ดวงตาของเหล่ายอดฝีมือหันไปจับจ้องที่เด็กหนุ่มเป็นจุดเดียว
แล้วพวกเขาก็ต้องเบิกตาโต
ปะ… เปลือยกาย?
บุรุษหนุ่มหน้ากากแดงกำลังเปลือยกายอยู่อย่างนั้นหรือ?
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ทำไมถึงได้พิสดารถึงขั้นนี้?
ยอดฝีมือกลุ่มนี้คือมือกระบี่ที่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาอย่างยาวนานหลายสิบปี แต่บัดนี้พวกเขากลับอุทานออกมาได้เพียงประโยคเดียวเท่านั้นว่า…
สิ่งที่ข้ากำลังเห็นอยู่นี้คืออะไรกันแน่?
นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก รีบวิ่งเข้าไปบนซากที่เหลืออยู่ของกระท่อมร้าง ตรงไปยังตำแหน่งที่ร่างของบัณฑิตหนุ่มใบหน้าขาวดำถูกกองไม้ทับถมเอาไว้ หลังจากนั้น เขาก็หันกลับไปยังจุดที่หญิงสาวชุดเขียวเสียชีวิต เสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวของนางยังคงวางกองอยู่ที่เดิม หลินเป่ยเฉินเก็บกวาดของมีค่าทุกอย่างเท่าที่จะเก็บได้ หลังจากนั้น เขาก็กระโดดตีลังกาม้วนตัวในอากาศ กลายเป็นเพียงลำแสงสีเงินสายหนึ่งหายวับไปต่อหน้าต่อตาผู้คน…
บัดนั้นเองที่เหล่ายอดฝีมือถึงได้หลุดออกจากภวังค์
พวกเขาได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า
สิ่งที่ตนเองเพิ่งเห็นไปนั้นเป็นภาพลวงตาใช่หรือไม่?