ตอนที่ 437 มองข้ามไป
ไป๋ชินหยุนดื่มสุราหมดไปอีกหลายจอก ก็วางบัตรเงินสดที่มีเงินฝากจำนวน 100,000 เหรียญทองคำทิ้งเอาไว้ให้หลินเป่ยเฉินและเดินทางกลับไปด้วยความรีบร้อน
หลินเป่ยเฉินเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอนและเริ่มเตรียมตัววางแผนสำหรับการต่อสู้วันพรุ่งนี้
สิ่งแรกที่ทำ คือสแกนคัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทรลงในโทรศัพท์มือถือ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แปลงไฟล์เป็นแอปพลิเคชัน
และมันก็มีขนาดไฟล์ถึง 100 GB
หลินเป่ยเฉินคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก็พูดว่า “เสี่ยวจี้ คำนวณความเร็วในการดาวน์โหลดให้หน่อย แล้วก็ช่วยจัดการดาวน์โหลดแอปนี้ให้ด้วยนะ”
เสียงของเสี่ยวจี้ดังตอบรับกลับมาว่า “นายท่านแน่ใจว่าจะดาวน์โหลดนะเจ้าคะ?”
หลินเป่ยเฉินตอบไปว่า “แค่คอยดูไม่ให้ร่างกายของข้าอ่อนแอเกินไปก็พอ”
ในเมื่อคัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทร มีความยอดเยี่ยมมากมายถึงขนาดนั้น เขาก็ควรรีบดาวน์โหลดมันมาฝึกฝนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
การต่อสู้วันพรุ่งนี้กับเจียงจี้หลิว น่าจะพอมีหวังเอาชนะได้บ้าง
โชคดีที่เขาสามารถเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ได้ทันเวลา
การดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดถึง 100 GB ในระยะเวลาจำกัด จึงไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถอีกแล้ว
เพราะร่างกายของเขามีพลังลมปราณมากพอ
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวจี้เริ่มต้นคำนวณความเร็วในการดาวน์โหลด
หลังจากนั้น เสียงร้องครวญครางของเด็กหนุ่มก็ดังออกมาจากห้องนอน
“นายน้อยทำแบบนั้นอีกแล้ว”
สองสาวรับใช้อยู่ในชั้นล่างของตัวบ้านพัก พวกนางหันหน้าสบตากันวูบหนึ่ง ก็ตั้งอกตั้งใจฝึกวิชาของตนเองต่อไป
อากวงถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าระหว่างที่กำลังสอนหมาป่าน้ำแข็งให้อ่านหนังสืออยู่ด้านนอก
เมื่อมันมีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น จึงได้เข้าใจเรื่องราวของมนุษย์ ส่วนอดีตราชันหนูอสูรแห่งหุบเขาชายแดนเหนือก็รู้ดีว่าเสียงครางเช่นนี้หมายถึงอะไร
ตัวมันเองก็อดนึกถึงยามที่มีบรรดาหนูๆ นางสนม 99 ตัวคอยเอาอกเอาใจขึ้นมาไม่ได้
ทางด้านหมาป่าน้ำแข็งเมื่อได้ยินเสียงครางนั้น มันก็ยกขาหน้าขึ้นมาปิดหู ไม่อยากรับฟังอีกต่อไป
หลังได้มาอาศัยอยู่ที่ตำหนักไม้ไผ่สักระยะหนึ่งแล้ว เจ้าหมาป่าก็พบว่าวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ดำเนินไปอย่างราบเรียบสงบสุข ตัวมันมีอาหารให้รับประทานอย่างอิ่มหนำสำราญ นานๆ ครั้งบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากการฝึกซ้อมต่อสู้ แต่ด้วยชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเหมือนยามที่อยู่ในป่า เจ้าหมาป่าน้ำแข็งจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะหลบหนีและตั้งใจว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่เป็นบ้านของมันตลอดไป
ในห้องนอนบนชั้น 2
ระหว่างที่ส่งเสียงครวญครางออกมานั้น หลินเป่ยเฉินก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาเปิดถุงเก็บของวิเศษดูสิ่งของที่อยู่ด้านใน ถุงใบหนึ่งมีสีขาวและถุงใบหนึ่งมีสีเขียว
ถุงสีขาวเป็นของบัณฑิตใบหน้าขาวดำ
ถุงสีเขียวเป็นของหญิงสาวในชุดสีเขียว
ด้วยความที่เป็นถุงเก็บของวิเศษคุณภาพต่ำ หลินเป่ยเฉินจึงสามารถเปิดดูสิ่งที่อยู่ด้านในได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย
นี่ไงล่ะช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในโลกจอมยุทธ์
ถุงเก็บของที่พวกจอมโจรอย่างบัณฑิตใบหน้าขาวดำพกติดตัว เทียบไม่ได้เลยกับถุงเก็บของสีแดงสดของท่านอ๋องน้อยสวีหวั่นหลัว โดยเฉพาะสิ่งของที่อยู่ด้านในนั้น… ล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่าที่ใครๆ ต่างก็อยากครอบครอง
ส่วนถุงเก็บของทั้งสองใบนี้ หลินเป่ยเฉินพบเงินเป็นจำนวน 4,000 เหรียญทองคำ และบัตรเงินสดสีใสเหมือนผลึกแก้วคริสตัลอีกสองใบ อาวุธลับหน้าตาประหลาดอีกหลายชิ้น คัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์อีกหลายเล่ม และของใช้ส่วนตัวอีกเป็นจำนวนมาก
“ไอ้บัณฑิตหน้าสองสีคนนี้ มันฝึกวิชาเดียวกับสวีหวั่นหลัวหรือไงนะ” หลินเป่ยเฉินอดบ่นออกมาไม่ได้ เขาคัดเลือกแต่สิ่งของที่น่าจะเป็นประโยชน์เก็บเอาไว้ ส่วนของที่ไม่ได้ใช้งาน เด็กหนุ่มก็จุดไฟสีเงินยวงเผาทุกสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน
ในส่วนของอาวุธลับหน้าตาประหลาดเหล่านั้น…
หลินเป่ยเฉินยึดหลักคิดตามวิถีวิทยาศาสตร์ เขาเก็บพวกมันเอาไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ สำหรับการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคต
เรียบร้อยดีแล้ว เขาจึงได้หันมาเปิดดูคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ทั้งหมด
รวมดูแล้วหลินเป่ยเฉินได้คัมภีร์ใหม่มาถึง 10 เล่ม
ประกอบไปด้วยคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ คัมภีร์ฝึกวิชาตัวเบา คัมภีร์ฝึกการโคจรพลังลมปราณ
ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคัมภีร์ที่ไม่มีค่าในสายตาของหลินเป่ยเฉิน
มีเพียงคัมภีร์วิชามัจจุราชขาวดำและคัมภีร์หมอกเขียวพิฆาตสองเล่มเท่านั้นที่ดูน่าสนใจที่สุด หลินเป่ยเฉินพบว่าในคัมภีร์สองเล่มนี้มีข้อความของบัณฑิตหนุ่มและหญิงสาวในชุดเขียวที่ทิ้งเอาไว้ในระหว่างที่ฝึกวิชา นั่นจึงหมายความว่านี่คงเป็นคัมภีร์ที่มีความสำคัญต่อทั้งสองคนนั้นเป็นอย่างมาก
บัณฑิตหน้าขาวดำมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับที่ 1
หญิงสาวในชุดเขียวมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ตอนปลาย
ระดับพลังของพวกเขาจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะวิชาที่ทั้งสองฝึกฝน ล้วนถูกจัดเข้าสู่หมวดหมู่วิชาใต้ดินที่คนธรรมดาไม่ฝึกกัน
หลินเป่ยเฉินใช้โทรศัพท์สแกนคัมภีร์ทั้งสองเล่มนั้น สร้างเป็นแอปพลิเคชันสำหรับใช้งาน
แต่เมื่อเปิดดูรายละเอียดไฟล์ เด็กหนุ่มก็ถึงกับต้องชะงักไปทันที
เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น
เพราะว่าแอปพลิเคชันที่แปลงมาจากคัมภีร์ทั้งสองเล่มของบัณฑิตใบหน้าขาวดำและนางพรายหมอกเขียวนั้น แอปพลิเคชันของคัมภีร์หมอกเขียวพิฆาตมีขนาดไฟล์เพียง 60 GB แต่ขนาดไฟล์ของแอปพลิเคชันจากคัมภีร์มัจจุราชขาวดำ มีขนาดไฟล์สูงถึง 1,000 GB
หลินเป่ยเฉินเกือบจะเผลอสบถคำหยาบออกมาแล้ว
นี่มันอะไรกัน
แอปสวรรค์วิมานอะไรทำไมขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้?
ถ้าดาวน์โหลดจริงๆ คงต้องใช้เวลาหลายวัน
หลินเป่ยเฉินลองกดตรวจสอบข้อมูลดูหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาด
แล้วเขาก็ส่งเสียงครางออกมาอย่างมีความสุขในขณะที่นึกออกขึ้นมาหนึ่งอย่างว่า
ครั้งนี้ เขาคงได้พบกับสุดยอดวิชาเข้าแล้วจริงๆ
จากข้อมูลที่ผ่านมา ยิ่งไฟล์ของแอปพลิเคชันมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ความสามารถของแอปพลิเคชันนั้นก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเช่นกัน
ขนาดวิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยมสุดในใต้หล้าอย่างคัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทร ยังมีขนาดไฟล์เพียง 100 GB เท่านั้น
ทั้งๆ ที่ถ้าใครฝึกฝนได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นเซียนกระบี่อมตะ
แล้วแอปพลิเคชันมัจจุราชขาวดำอะไรนี่ กลับมีขนาดไฟล์ใหญ่มากถึง 1,000 GB
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?
หรือว่าก่อนหน้านี้หลินเป่ยเฉินมองข้ามบางอย่างไป? สงสัยเขาคงต้องย้อนกลับไปดูเสียแล้วว่าในคัมภีร์มีข้อความอะไรเขียนเอาไว้บ้าง
หลินเป่ยเฉินทนความสงสัยในหัวใจไม่ไหว ต้องหยิบคัมภีร์มัจจุราชขาวดำขึ้นมาเปิดอ่านด้วยความพินิจพิเคราะห์
แล้วใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
“นี่มันตำรา… กามสูตรหรือไงวะ?”
“รวมพลังหยินหยางในร่างกายจากการร่วมรัก?”
“คนเราสามารถเลื่อนระดับพลังได้จากการร่วมรักจริงสิ?”
“ทำลายสภาวะพลังในร่างกายตีบตันด้วยการ…. นี่มัน… น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
ภาพวาดที่อยู่ในคัมภีร์เปิดเผยถึงเคล็ดลับการฝึกฝนอย่างตรงไปตรงมา มันทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงตอนเรียนวิชาเพศศึกษาในโรงเรียนขึ้นมาทันใด และสองแก้มของเขาก็ยิ่งแดงก่ำมากขึ้นเรื่อยๆ
ฝึกวิชาและเลื่อนระดับพลังด้วยการมีเซ็กส์เนี่ยนะ?
นับว่าเป็นวิธีการฝึกวิชาที่หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเห็นมาก่อน
หลินเป่ยเฉินถึงกับสามารถคิดถ้อยคำเชิญชวนสำหรับการฝึกวิชาขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ
พี่ชายเจ้าคะ…
ไม่ใช่สิ ต้องเป็น “คนสวย มาร่วมรักกับข้าเถิด”
เรามาเลื่อนระดับพลังและโบยบินไปด้วยกันดีกว่า
หึหึ
เพียงคิดเล่นๆ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกสยิวกิ้วขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
คัมภีร์มัจจุราชขาวดำมีอยู่ด้วยกัน 36 หน้า และจากร่องรอยการขีดเขียนก็บ่งบอกว่าบัณฑิตหนุ่มสามารถฝึกฝนไปได้จนถึงแค่หน้าที่ 6 เท่านั้น โดยเฉพาะในหน้าที่ 6 บัณฑิตใบหน้าขาวดำได้เขียนเครื่องหมายคำถามเอาไว้หลายจุด เหมือนกับว่าเขายังไม่สามารถทำความเข้าใจในส่วนนี้ของวิชาได้อย่างครบถ้วน พร้อมกันนั้นก็มีข้อความทิ้งเอาไว้ซ้ำๆ กันว่า
ทำไม ทำไม ทำไมและทำไม…
ถึงหลินเป่ยเฉินจะไม่ได้พบเห็นกับตาของตนเอง แต่เขาก็มั่นใจว่าในระหว่างที่ฝึกฝนวิชานี้ บัณฑิตใบหน้าขาวดำก็แทบจะเสียสติไปด้วยความหงุดหงิดใจแล้ว
ดูเหมือนว่าบัณฑิตหนุ่มจะตั้งความหวังกับการฝึกวิชานี้เอาไว้สูงมากทีเดียว
หลายข้อความนอกจากแสดงถึงความไม่เข้าใจกับเนื้อหาในคัมภีร์แล้ว ยังเป็นการเขียนข้อความระบายโทสะและความท้อแท้ใจออกมาอีกด้วย
“สงสัยหมอนี่น่าจะฝึกผิดวิธีแล้วล่ะ ไม่งั้นหน้าคงไม่ดำครึ่งนึงขาวครึ่งนึงอย่างนั้นหรอก”
หลินเป่ยเฉินคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
แต่นี่ก็ยืนยันถึงความน่ากลัวของการฝึกวิชามัจจุราชขาวดำ
ขนาดฝึกผิดวิธีเพราะไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ บัณฑิตโรคจิตก็ยังมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับที่ 1
ถ้าหมอนั่นสามารถฝึกได้อย่างถูกวิธี จะมีพลังสูงส่งขนาดไหนกันนะ?
ยิ่งคิด หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้ว่าคัมภีร์มัจจุราชขาวดำ จะสามารถพาผู้ฝึกฝนไปได้ไกลถึงขนาดไหน
ขึ้นถึงระดับเซียนเลยหรือเปล่า?
หรือว่ามีความเก่งกาจยิ่งกว่าระดับยอดเซียน?
ให้ตายสิ
หลินเป่ยเฉินเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้เอง
เขามองข้ามไปจริงๆ
เขาประเมินความสามารถของคัมภีร์เล่มนี้ต่ำเกินไป