ตอนที่ 453 เจ้าลงมือไม่สำเร็จหรอก
หลินเป่ยเฉินแค่นหัวเราะกลบเกลื่อน
เจียงจี้หลิวเป็นฝ่ายถามกลับมาบ้างว่า “ดังนั้นเจ้าคงจะใช้กระบวนท่าที่ 4 แล้ว?”
“ไม่หรอก”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าไม่เชื่อว่าต้องไปถึงระดับนั้น”
เสียงพูดยังไม่ทันจางหาย
ควับ!
กระบี่ถูกแทงออกไปข้างหน้า
คมกระบี่สาดประกายเป็นสีเงินสว่างไสว
พลังลมปราณพวยพุ่งออกจากปลายกระบี่
นี่คือกระบวนท่าที่หลินเป่ยเฉินใช้เอาชนะเกาตี้ผิง
กระบวนท่าถูกโจมตีออกมา
กระบี่สาดประกายเจิดจ้า
นับเป็นการโจมตีที่รวดเร็วรุนแรงและเร่งร้อน
ก่อให้เกิดเป็นภาพมายาชวนสับสนลายตา
ทุกคนยังไม่สามารถตั้งตัวกับการจู่โจมอย่างกะทันหันของหลินเป่ยเฉิน…
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
จังหวะที่คมกระบี่พุ่งเข้ามาถึงเบื้องหน้าเจียงจี้หลิว ในทันใดนั้นเอง ก็เหมือนกับมีดาวตกจากฟากฟ้าพุ่งลงมาคุ้มครองร่างของเขาเอาไว้
นี่คือพลังลมปราณกระบี่ของเจียงจี้หลิว
ในที่สุด ก็มีคนที่สามารถมองเห็นการโจมตีของหลินเป่ยเฉินได้แล้วจริงๆ
การโจมตีด้วยกระบวนท่านี้ของเด็กหนุ่มแห่งเมืองหยุนเมิ่ง ความจริงอาศัยหลักการทำงานของกระบวนท่าที่รวดเร็วฉับไว ยามคู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัวเพราะมัวแต่ให้ความสนใจอยู่กับสิ่งอื่น พลังลมปราณกระบี่ก็เข้าไปถึงตัวของคู่ต่อสู้แล้ว บาดแผลที่เกิดขึ้น หาใช่บาดแผลจากคมกระบี่ไม่ แต่เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นจากพลังลมปราณของตัวกระบี่ต่างหาก
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เกาตี้ผิงที่นั่งรับชมการแข่งขันอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งหนึ่งพลันกระโดดลุกขึ้นยืนทันที
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน
นั่นเป็นเพราะว่าเขาประมาทมากเกินไป
เขามัวแต่ให้ความสนใจอยู่ที่ตัวกระบี่มากเกินไป
แต่กระนั้น เกาตี้ผิงมั่นใจว่าถึงตนเองจะรู้ว่าพลังลมปราณกระบี่เข้าใกล้ตัวแล้ว เขาก็คงไม่มีพลังต้านทานได้อยู่ดี
ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็คือ เจียงจี้หลิวมีพลังลมปราณคุ้มครองทั่วร่างกาย การโจมตีในกระบวนท่าแรกของหลินเป่ยเฉินล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
“นี่คือความแตกต่างระหว่างยอดฝีมือกับยอดอัจฉริยะสินะ…”
เกาตี้ผิงได้แต่พึมพำกับตัวเอง
บนเวที
หลินเป่ยเฉินจู่โจมกระบวนท่าที่ 2 ออกมาแล้ว
แต่มือกระบี่พันหน้าก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ไม่รู้เลยว่าชุดเสื้อคลุมสีขาวของเขาพลันมีหมอกควันบางเบาลอยปกคลุมตั้งแต่เมื่อไหร่
หมอกควันเหล่านั้นหมุนวนเป็นค่ายอาคมประหลาด ทำให้มวลอากาศปั่นป่วน แต่รูปทรงของมันไม่เปลี่ยนแปลง ปฏิบัติหน้าที่เป็นโล่กำบังกายให้แก่เจียงจี้หลิวได้อย่างแข็งแกร่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ ได้เกิดประกายไฟสว่างไสวจากส่วนลึกของกลุ่มหมอกควันเป็นประกายสวยงามระยิบระยับ นั่นหมายความว่าหากพลังลมปราณกระบี่ของหลินเป่ยเฉินสามารถแทงทะลุหมอกควันชั้นแรกเข้ามาได้ ก็ยังคงมีกำแพงชั้นที่สองคอยรองรับการโจมตีของเขาอยู่
เจียงจี้หลิวมีม่านพลังคอยคุ้มกันร่างกายด้วยกันทั้งหมดถึง 3 ชั้น
ม่านพลังเหล่านั้นหมุนวนอยู่รอบกายเจียงจี้หลิวเหมือนดวงดาวที่โคจรรอบระบบสุริยะ
“เด็กคนนี้มีพลังถึงระดับนี้แล้วหรือนี่!” ฉู่เหินกระซิบออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถเปลี่ยนพลังลมปราณของตนเองให้เป็นเกราะกำบังได้อย่างสมบูรณ์แบบถึงขั้นนี้ จำเป็นต้องมีรากฐานพลังที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังต้องมีความเข้าใจในเรื่องการสร้างค่ายอาคมระดับสูง เมื่อสามารถสร้างเกราะลมปราณขึ้นมาได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวาดกลัวว่าการโจมตีของผู้ที่มีขอบเขตพลังในขั้นเดียวกันจะสามารถฝ่าทะลวงเข้ามาได้อีก
แต่ที่น่าตกใจที่สุดก็คือเกราะลมปราณชนิดนี้ ต้องมีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลายขึ้นไปเท่านั้นถึงใช้ออกมาได้
หรือเจียงจี้หลิวจะมีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลายแล้ว?
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็นับว่าหลินเป่ยเฉินโชคร้ายถึงขีดสุด
พานเว่ยหมินกับหลิวฉีไห่ต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
พวกเขาไม่คิดว่าหลินเป่ยเฉินจะมีหนทางเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เลย
เว้นแต่เทพีกระบี่จะปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือเขาอีกสักครั้งนั่นแหละ
แต่เทพีกระบี่ไม่ใช่นางคณิกาในหอนางโลมที่จะออกมารับใช้ลูกค้าตามคำเรียกร้องได้ทุกเมื่อ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
บนเวที
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
หลินเป่ยเฉินเป็นฝ่ายออกกระบี่โจมตีไม่หยุดยั้ง
เงากระบี่ของเขาครอบคลุมแน่นหนายากต่อการป้องกัน
แต่อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีกระบี่ไหนของเด็กหนุ่มสามารถแทงทะลุผ่านม่านพลังของเจียงจี้หลิวเข้าไปได้เลยสักครั้ง!
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
กระบี่ของหลินเป่ยเฉินหลายครั้งโจมตีเข้าใส่ตำแหน่งที่ไม่คาดคิด
แต่เจียงจี้หลิวก็ยังสามารถปัดป้องได้อย่างไม่มีปัญหา
หลินเป่ยเฉินไม่มีความประหลาดใจอยู่บนสีหน้าแม้แต่น้อย
สุดท้ายเขาก็ต้องใช้กระบวนท่าที่ 3 ออกมา
เปลี่ยนแปลงจากการจ้วงแทงเป็นตวัดฟัน
ควับ!
คมกระบี่ทอแสงเจิดจ้าพุ่งตัวออกไปในอากาศเป็นสีเงินยวง
ทุกที่ที่คมกระบี่พุ่งผ่าน มวลอากาศจะปั่นป่วน
เมื่อเทียบกับกระบวนท่าที่ 3 ตอนที่หลินเป่ยเฉินใช้เอาชนะหยูเจี๋ยจุน การโจมตีในขณะนี้ มีอานุภาพรุนแรงมากกว่ากันหลายเท่า
เพราะในคมกระบี่ที่พุ่งออกไป นอกจากมีพลังลมปราณแล้ว ก็ยังมีพลังปราณธาตุไฟเจือปนอยู่ด้วยอีกหลายส่วน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลินเป่ยเฉินเลือกใช้กระบี่เงินแทนดาบศีลธรรม
พลังลมปราณกระบี่ที่โจมตีออกไปเพิ่มความหนาแน่นมากขึ้น
ดวงตาของเจียงจี้หลิวพลันเป็นประกายวูบวาบ
“กระบวนท่าที่ประเสริฐ”
ได้ยินเขาอุทานออกมา
แล้วหลังจากนั้น…
แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!
ได้ยินเหมือนเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้น
ปรากฏว่าม่านพลังที่ห่อหุ้มรอบกายของเจียงจี้หลิวถูกสลายแยกออกจากกันเป็น 4 ส่วน
แน่นอนว่าย่อมเป็นผลมาจากการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน กระบี่หนึ่งทำลายด้านหน้า อีกสามกระบี่เล่นงานด้านหลัง และโอบกระหนาบซ้ายขวา เงากระบี่สีเงินสาดประกายเจิดจ้า แล้วในพริบตาต่อมา เกราะลมปราณของเจียงจี้หลิวก็แตกสลายออกจากกันเป็นจำนวน 12 ชิ้นพอดิบพอดี!
รอบเวทีบังเกิดเสียงอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
หลินเป่ยเฉินจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะหรือนี่
แม้แต่ติงซานฉือก็ต้องเบิกตาโตด้วยความดีใจ
ความเข้าใจของหลินเป่ยเฉินต่อการใช้พลังลมปราณกระบี่ มีความลึกซึ้งมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลายเท่า
กระบวนท่าที่ 3 ของวิชากระบี่ 17 คาบสมุทร มีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่ากระบวนท่ากระบี่ทะลวงฟัน
จุดเด่นของกระบวนท่านี้คือไม่ว่าฟันลงไปที่สิ่งใด ก็สามารถทำลายสิ่งนั้นลงได้อย่างราบคาบ
เกราะลมปราณที่เจียงจี้หลิวใช้ออกมามีชื่อเรียกว่าม่านพลังหมู่เมฆหมื่นสายฟ้า แต่ยามนี้กลับถูกหลินเป่ยเฉินทำลายลงไปได้ในพริบตา นี่หมายความว่าลูกศิษย์ของติงซานฉือมีโอกาสได้รับชัยชนะมากกว่าที่ทุกคนคาดคิด
แต่ในจังหวะนี้เอง มุมปากของจูปี้ฉีพลันบิดตัวเป็นรอยยิ้มแสดงความขบขันออกมา
บนเวทีประลอง
พลังลมปราณกระบี่ทะลวงเข้าไปหาร่างกายของเจียงจี้หลิว
ทว่าทันใดนั้น เงาร่างของเด็กหนุ่มก็สลายหายไปกลางอากาศเหมือนเป็นเพียงวิญญาณตนหนึ่ง
การหายตัวไปของเจียงจี้หลิวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียว
ถ้าอย่างนั้น…
เจียงจี้หลิวหายไปไหน?
“เจ้าลูกเต่าระวังตัว…”
ฉู่เหินส่งเสียงตะโกนขึ้นมาจากด้านล่างเวที
แต่กว่าที่หลินเป่ยเฉินจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ มันก็สายเกินไปแล้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังคุกคามเข้ามาประชิดตัวที่ข้างหัวไหล่ซ้าย แล้วหัวไหล่ของเด็กหนุ่มก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนร่างกายครึ่งซีกกำลังจะแตกสลาย ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสในขณะที่พร้อมกันนั้นเท้าของเขาก็เดินโซเซออกมาข้างหน้า
ทว่า หลินเป่ยเฉินยังคงมีสมาธิดีเยี่ยม เขาสามารถตอบโต้กลับไปได้อย่างรวดเร็ว มือขวาที่กุมด้ามจับกระบี่ตวัดฟันไปด้านหลังโดยไม่ต้องเหลือบมอง
นี่คือกระบวนท่าที่ 1
ควับ!
พลังลมปราณกระบี่ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศพุ่งออกไป
อีกฝ่ายสามารถปัดป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ทั้งหมดนั้นก็อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของหลินเป่ยเฉินอยู่ก่อนแล้ว
เด็กหนุ่มสะกิดเท้าซ้ายปลดปล่อยพลังลมปราณ บิดลำตัวหมุนวน 180 องศา แล้วกระบี่เงินในมือก็ตวัดฟาดฟันออกมาอีกครั้ง
กระบวนท่าที่ 3!
พลังลมปราณกระบี่แผ่กระจายออกไปในอากาศ
เจียงจี้หลิวพลันปรากฏตัวกลับออกมาจากความว่างเปล่าอีกครั้งและต้องรีบตีลังกาหลบหนีรัศมีคมกระบี่
หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาย่องหาโฉมสะคราญตามติดเข้าไปใกล้ชิด
“เจ้าลงมือไม่สำเร็จหรอก”
เจียงจี้หลิวที่ทิ้งตัวลงไปยืนอยู่ห่าง 5 วาส่ายศีรษะ
กระบี่ในมือเขายังไม่ถูกชักออกมาใช้งานเลยสักครั้ง
การกระแทกบริเวณหัวไหล่ซ้ายของหลินเป่ยเฉินเมื่อสักครู่ เป็นเพียงการใช้ฝักกระบี่ฟาดเข้าใส่เท่านั้น