ตอนที่ 468 เริ่มต้นจากศูนย์
“กงกง… ไม่เคยเห็นเลยขอรับ”
กงกงตอบตามความจริง
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความมึนงง
ตอบมาแบบนี้แล้วเขาจะไปต่อยังไงล่ะเนี่ย?
สงสัยวันนี้คงต้องพูดมากกว่าปกติแล้วสินะ
ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงไม่มีทางเลือก นอกจากอธิบายลักษณะการทำงานของแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือให้กงกงฟัง
เมื่ออธิบายจบแล้ว เด็กหนุ่มก็กล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ วิธีสร้างแขนกลชนิดนี้ถ่ายทอดลงมาจากดินแดนแห่งเทพ นอกจากมันจะทำให้เจ้ากลับมามีแขนเหมือนเดิมแล้ว มันยังเพิ่มพลังให้เจ้าได้กลายเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งตัวจริงอีกด้วย”
กงกงรับฟังด้วยสีหน้าเพ้อฝัน
ดูเหมือนว่าเขายังไม่โชคร้ายเกินไปกระมัง?
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า กงกงคนนี้มีหวังที่จะได้กลับไปทำงานรับใช้นายน้อยอีกครั้งแล้วสิ?
“แต่ของวิเศษเช่นนั้น คงมีราคาแพงมากเลยนะขอรับ?”
กงกงพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “กงกงเป็นคนยากจน ไม่มีปัญญาซื้อแขนกลอย่างนั้นหรอกขอรับ…”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”
หลินเป่ยเฉินขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เจ้าเป็นเสมือนพี่น้องของข้า และเจ้าก็ต้องเสียแขนไปเพราะข้าเช่นกัน ราคาแขนกลของเจ้าไม่สามารถเทียบกับความซื่อสัตย์ที่เจ้ามีต่อข้าได้เลย เพราะฉะนั้น เรื่องเงินเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวข้าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการสร้างแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือให้แก่เจ้าเอง”
นี่ไม่ใช่คำพูดที่จะกล่าวออกมาด้วยความเหลวไหล
นี่คือคำพูดที่กล่าวออกมาจากหัวใจของเด็กหนุ่ม
“และเจ้าก็ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะไม่ล้างแค้นให้กับพี่น้องของเราที่ต้องเสียชีวิตไปในวันนั้น”
หลินเป่ยเฉินพูดต่ออีกครั้ง “รอให้ข้ารู้ตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เมื่อไหร่ รับรองว่ามันผู้นั้นจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
กงกงตะโกนออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลพราก “กงกงไม่เสียใจเลยที่ได้รับใช้นายน้อยขอรับ”
“ขอบคุณคุณชายหลินมากนะเจ้าคะ”
กงเมิ่งประสานมือคำนับเขาด้วยความจริงใจ
เช่นเดียวกับสมาชิกตระกูลกงคนอื่นๆ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกละอายใจไม่น้อย
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กงกงต้องสูญเสียแขนไปทั้งสองข้าง นับเป็นความเสียหายที่ไม่อาจให้อภัย แต่บรรดาสมาชิกตระกูลกงกลับทำเหมือนเขาเป็นผู้มีพระคุณอย่างนั้นแหละ
“นี่คืออาหารที่ข้าทำมาให้พวกเจ้าโดยเฉพาะ นำไปรับประทานกันตามสบายเถิด จะได้ฟื้นฟูกำลังวังชาให้เต็มที่”
หลินเป่ยเฉินทิ้งกล่องใส่อาหารวางไว้ที่เดิม ก่อนที่เขาจะหมุนตัวและเดินจากมา
เยว่เว่ยหยางได้ยินที่เด็กหนุ่มแอบอ้างว่าเขาเป็นคนทำอาหารกล่องนั้นด้วยตนเอง แต่นางเพียงคลี่ยิ้มและไม่เปิดโปงเขาแต่อย่างใด
…
ค่ำคืนมืดมิด หลินเป่ยเฉินมีที่พักเป็นบ้านหลังหนึ่งในสวนพุทรา
เขารู้สึกเสียดายไม่ใช่น้อยเพราะตอนแรกคิดว่าจะได้พักอยู่ในบ้านหลังเดียวกับนักพรตหญิงชิน
เด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงในความเงียบ รับฟังเสียงลมเสียงฝนที่ดังอยู่นอกหน้าต่าง หลังจากนั้น เขาก็นำโทรศัพท์ออกมาสั่งให้ผู้ช่วยอัจฉริยะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน กับแอปพลิเคชันการดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐานมาติดตั้งสำหรับใช้งานโดยทันที
การโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่เขาต้องฝึกฝนก่อน
เมื่อโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการดูดซับพลัง
ดังนั้น เมื่อเขาเปิดแอปพลิเคชันการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน หน้าจอโทรศัพท์ก็กลับกลายเป็นท้องฟ้าสีดำสนิท และมีตัวการ์ตูนสามมิติซึ่งเป็นตัวแทนของหลินเป่ยเฉินกำลังลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า
ฉากหลังเป็นความมืดมิด
นี่แตกต่างจากอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของนักพรตหญิงชิน ที่มีดวงดาวระยิบระยับส่องแสงสว่างไสวอยู่เต็มไปหมด
ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉิน เรียกได้ว่าเขาแทบจะหาแสงสว่างจากดวงดาวไม่เจอเลยด้วยซ้ำ
“เป็นเพราะยังไม่มีใครศรัทธาในตัวเราหรือเปล่านะ?”
หลินเป่ยเฉินคิด
หลังจากนั้น อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของเขาก็ถูกเปิดขึ้นมาโดยสมบูรณ์
ต่อมา หลินเป่ยเฉินจัดการให้ตัวแทนของเขาในแอปพลิเคชั่นเริ่มต้นโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์และเชื่อมโยงตนเองกับผู้ศรัทธาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่กี่วินาทีต่อมา แสงดาวจำนวนนับล้านดวงก็สว่างไสวบนฉากหลังที่มืดมิด ซึ่งเป็นตัวแทนจำนวนผู้ศรัทธาที่มีมากมายมหาศาลนับไม่หวาดไม่ไหว
แล้วแสงสว่างทั้งหมดก็หายวับไป
มีตัวเลือกข้อความสองหัวข้อเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
ตัวเลือกแรกคือ ‘เริ่มต้นจากวิหาร’
นี่คือตัวเลือกสำหรับนักบวชในวิหารที่บูชาเทพีกระบี่มาเนิ่นนาน เมื่อกดเลือกข้อนี้ นักบวชคนนั้นก็จะได้รับพลังของผู้ศรัทธาที่มีต่อวิหารเทพกระบี่ประจำเมืองหยุนเมิ่งโดยอัตโนมัติ
ส่วนตัวเลือกที่สองคือ ‘เริ่มต้นจากศูนย์’
นี่คือตัวเลือกสำหรับบุคคลที่ต้องการสร้างผู้ศรัทธาของตนเองขึ้นมา โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการดูดซับพลังจากส่วนกลาง
หลินเป่ยเฉินคิดเพียงครู่เดียว เขาก็กดเลือกตัวเลือกแรกโดยไม่ลังเล การดูดซับพลังจากส่วนกลาง ย่อมมีความรวดเร็วมากกว่าการดูดซับพลังจากผู้ศรัทธาเฉพาะตัวที่เขาต้องเสียเวลาสร้างขึ้นมาใหม่อยู่แล้ว
แต่เหตุผลที่หลินเป่ยเฉินต้องการดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ได้เร็วที่สุด ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาอยากแข็งแกร่งมากกว่านี้ ไม่ได้อยากจะเย้ยหยันเทพีกระบี่หิมะไร้นาม แล้วก็ไม่ได้อยากจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกด้วย แต่หลินเป่ยเฉินเพียงอยากประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าเขาได้รับพลังที่สูญเสียไปทั้งหมดนั้นกลับคืนมาแล้ว… !
แต่พอเขากดตัวเลือกแรกเสร็จเรียบร้อย ทันใดนั้น แอปพลิเคชันการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐานกลับปิดการทำงานลงไปเสียอย่างนั้น
อ้าว?
แอปเออเรอร์ซะแล้ว?
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
“เสี่ยวจี้ เกิดอะไรขึ้น?”
เขาถามออกมาเสียงดัง
“แอปพลิเคชันหยุดการทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุเจ้าค่ะ ขอแนะนำให้นายท่านลองกดตัวเลือกอื่นดูนะเจ้าคะ…”
เสี่ยวจี้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
อ๋อ…
แบบนี้นี่เอง
แม่งบังคับให้เขาพึ่งพาตัวเองนี่หว่า
ก็ได้!
หลังจากเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เด็กหนุ่มก็กดตัวเลือก ‘เริ่มต้นจากศูนย์’
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินพลันเบิกตาโตจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ
เพราะว่ากันตามความเข้าใจของเขาก็คือ การเริ่มต้นจากศูนย์หมายความว่าเริ่มต้นโดยไม่มีผู้ศรัทธาเลยสักคน และกว่าที่หลินเป่ยเฉินจะสร้างกลุ่มผู้ศรัทธาของตนเองขึ้นมาได้สำเร็จ มันก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะใหญ่
แต่ว่าบนฉากหลังที่เคยมืดมิดบนหน้าจอโทรศัพท์ กลับมีแสงดาวระยิบระยับส่องแสงสว่างอยู่เต็มไปหมด
“เป็นไปได้ไงเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
นี่เขามีผู้ศรัทธามากมายขนาดนี้เลยหรือ?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
หลินเป่ยเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
แบบนี้เรียกว่า ‘เริ่มต้นจากศูนย์’ ที่ไหนกันเล่า?
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกทะแม่งๆ ชอบกลแฮะ
หลินเป่ยเฉินค้นพบอย่างรวดเร็วว่าในดวงดาวนับหมื่นดวงบนท้องฟ้าสีดำสนิทนั้น บางดวงก็หมองแสงและบางดวงก็มีแสงสว่างมากกว่าดวงอื่น
และดาวดวงที่หมองแสงนั่นแหละมีจำนวนเป็นหมื่นดวง
ส่วนดวงที่มีแสงสว่างเจิดจ้ามีอยู่แค่สิบกว่าดวงเท่านั้นเอง
แล้วในไม่ช้า เด็กหนุ่มก็ได้รู้คำตอบ
แสงสว่างของดวงดาวเหล่านี้เป็นตัวแทนระดับความเลื่อมใสที่ผู้ศรัทธามีต่อหลินเป่ยเฉิน แม้จะมีแต่คนชื่นชอบและศรัทธาในตัวเขาอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่ของกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่ได้มีความเคารพเลื่อมใสในตัวหลินเป่ยเฉินสักเท่าไหร่
มีอยู่เพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่ศรัทธาและเคารพเลื่อมใสในตัวของหลินเป่ยเฉินอย่างหมดหัวใจ
น่าสนใจดีนี่นา
หลินเป่ยเฉินยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด และเริ่มต้นทำความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย
ดวงดาวที่หมองแสงเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกว่าชาวเมืองหยุนเมิ่งชื่นชมเขาในฐานะของผู้มีพรสวรรค์ประจำเมือง อีกทั้งยังสามารถเอาชนะเจียงจี้หลิวในการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพันได้อย่างเด็ดขาดเมื่อไม่กี่วันก่อน
ส่วนดวงดาวที่มีแสงสว่างเจิดจ้านั้น ก็หมายถึงบุคคลที่ใกล้ตัวเขาอย่างเช่น อากวง เฉียนเหมย เฉียนเจินและคนอื่นๆ
แน่นอนว่าต้องรวมถึงครอบครัวตระกูลกงด้วยเช่นกัน
ชักน่าสนใจมากขึ้นแล้วสิ
เขายังไม่ได้เริ่มสร้างฐานผู้ศรัทธาของตนเองอย่างเป็นทางการ
ก็มีผู้ศรัทธาให้คอยดูดซับพลังเรียบร้อยแล้ว
หรือว่า…
นี่อาจจะเป็นทางลัดสู่ระดับพลังที่สูงมากขึ้น?
นอกจากหลินเป่ยเฉินจะใช้แอปพลิเคชันเป็นตัวช่วยในการฝึกวิชาแล้ว เขาก็ยังใช้ความมีชื่อเสียงโด่งดังของตนเองเป็นตัวช่วยในการสร้างผู้ศรัทธาอีกด้วย
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาแข็งแกร่งได้อย่างไร!
ไม่เสียทีที่หลินเป่ยเฉินคนนี้ทะลุมิติมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของยมทูต!
เด็กหนุ่มปล่อยให้แอปพลิเคชันทั้ง 2 แอปนั้นทำงานในพื้นหลังต่อไป
ส่วนวันพรุ่งนี้ เขาว่าจะลองดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ดูเป็นครั้งแรก
ถึงตอนนั้น นักพรตหญิงชินคงตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
สายลมนอกประตูพัดผ่านไปในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
พายุฝนโหมกระหน่ำลงมาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามเต็มแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
หลินเป่ยเฉินที่กำลังจะหลับอยู่แล้วพลันต้องสะดุ้งโหยงลุกขึ้นมานั่ง
ใครกันนะ?
ใครมาเคาะประตูห้องเขาเอาตอนนี้?
หรือว่าจะเป็นนักพรตหญิงชิน?
มาเคาะประตูห้องเขาดึกๆ ดื่นๆ นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
ถ้าเกิดว่านางต้องการจะ…
หลินเป่ยเฉินไม่แน่ใจว่าตนเองควรปฏิเสธดีหรือไม่?
มันจะไม่กลายเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ที่รวดเร็วเกินไปหน่อยหรือ?
แม้คิดแบบนั้น ทว่าเด็กหนุ่มก็พลันกระโดดไปเปิดประตูอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว