ตอนที่ 478 ขอบคุณขอรับ อาจารย์หญิง
เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงความน่ากลัวของการระเบิดในครั้งนี้
จากมุมมองของหลินเป่ยเฉิน นี่ไม่ต่างจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงสู่ใจกลางมหาสมุทร เปลวไฟลุกโชนสว่างพวยพุ่งไปรอบทิศทาง แสงสว่างเจิดจ้าทำให้ต้องหลับตาโดยไม่มีทางเลือก…
มวลพลังกดดันที่แผ่ออกมานั้น ไม่ต่างจากกำลังมีดาวหางพุ่งตกลงมาสู่ผิวน้ำ แล้วพลังงานกดดันก็ค่อยๆ แผ่กระจายออกไปรอบบริเวณ
ณ ใจกลางจุดที่เป็นสถานที่ประลอง สูงขึ้นไปในอากาศเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 30 จั้ง
ปีศาจทะเลที่เคยมีหน้าตาน่ารักน่าชังเมื่อสักครู่นี้ พลันระเบิดกระจายไปพร้อมกับคลื่นพลังที่ถาโถมเข้ามา พลังงานที่แตกตัวออกจากปีศาจทะเล พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสว่างไสวเหมือนกับมีใครสักคนยิงดอกไม้ไฟก็ไม่ปาน
คลื่นลมกลายเป็นพายุหมุนกินพื้นที่หลายสิบวา
เมื่อทุกคนเริ่มตั้งสติได้ ก็ยกมือป้องดวงตาและจ้องมองไปยังทิศทางการต่อสู้ของชายชราทั้งสองท่าน
ขณะนี้ ติงซานฉือโน้มตัวมาข้างหน้า สองเท้าของเขายังคงเหยียบอยู่บนกลุ่มก้อนเมฆสีขาว มือขวาควบคุมกระบี่คุณธรรมที่เงาของมันขยายใหญ่เป็นกระบี่ขนาดมหึมา และกระบี่คุณธรรมก็กำลังฟาดฟันอยู่กับกระบี่สายฟ้าพิโรธด้วยความดุเดือดเลือดพล่าน
เคล้ง! เคล้ง!
สะเก็ดไฟสาดกระจายเช่นเดียวกับสายฟ้าที่ปะทุตัวขึ้นในอากาศ
พวกเขาสามารถมองเห็นใบหน้าของจูปี้ฉีได้อย่างชัดเจน กระบี่สุราโลหิตมีสีหน้าเคร่งเครียด สองมือยึดจับด้ามกระบี่สีเลือดแนบแน่น เขาทำได้เพียงตั้งรับการโจมตีจากกระบี่ใหญ่ยักษ์ของฝ่ายตรงข้ามในชนิดที่โงหัวไม่ขึ้น ยิ่งต่อสู้กันไปนานมากเท่าไหร่ ความตายก็ยิ่งคืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่านั้น…
“ย๊ากกก…” จูปี้ฉีระเบิดเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด
เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของติงซานฉือได้อีกต่อไป
มีเรื่องราวบางอย่างที่กระบี่สุราโลหิตไม่เข้าใจ
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ ติงซานฉือได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์กับเขา แล้วเหตุไฉนผ่านไปเพียงไม่กี่วัน อดีตเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุนกลับฟื้นคืนพลังได้อย่างสมบูรณ์? นี่นับเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะในส่วนของพลังลมปราณและเลือดลมที่สูบฉีดอยู่ในร่างกายติงซานฉือ บัดนี้มีความสมบูรณ์เปี่ยมล้นไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าวัยคะนอง นี่คือสภาพร่างกายที่อยู่ในจุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์ และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่การแสดงละครเพื่อกลบเกลื่อนอาการบาดเจ็บของตนเอง
ติงซานฉือสมควรพ่ายแพ้ในการประลองไม่ใช่หรือไร?
จูปี้ฉีจึงไม่คิดเลยว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นเช่นนี้
“แต่ถ้าเราแพ้ แผนการของนายท่านก็จะได้รับความเสียหายใหญ่หลวง!”
“ต่อให้เราต้องตาย เราก็จะทำให้แผนการของนายท่านเสียหายไม่ได้”
“ติงซานฉือจะต้องลงนรกไปพร้อมกับเรา…”
ดวงตาของจูปี้ฉีพลันเป็นประกายด้วยความบ้าคลั่ง
แล้วดวงตาที่แดงก่ำของมือกระบี่สุราโลหิตก็กลับกลายเป็นดวงตาสีม่วงเข้ม
ทันใดนั้น หยดเลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นออกมาจากใบหน้าของจูปี้ฉี และหยดเลือดเหล่านั้นก็ไหลรวมลงไปที่กระบี่สายฟ้าพิโรธ
แสงสว่างสีม่วงระเบิดเจิดจ้า
อาคมต้องห้ามของกระบี่เล่มนี้ได้ถูกปลดผนึกออกมาแล้ว
วูบ!
กระบี่สีม่วงที่เคยมีอยู่เพียงเล่มเดียว พลันแยกตัวออกกลายเป็นกระบี่หลายร้อยเล่มสานตัวกันเป็นเสมือนกำแพงก่อนกระบี่จะพุ่งเข้าไปหาติงซานฉือด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
“ฮ่าฮ่า หากวันนี้ข้าต้องตาย เจ้าก็ต้องตายด้วยเช่นกัน”
จูปี้ฉีระเบิดเสียงหัวเราะ
และเพื่อให้กระบี่สายฟ้าพิโรธได้ดื่มกินเลือดโดยไม่ขาดระยะ จูปี้ฉีก็ถึงกับยอมกรีดเลือดออกจากหน้าอกของตนเองจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์!
ฟู่!
หลังจากนั้น เลือดจากร่างกายของจูปี้ฉีก็กลายเป็นม่านฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศ ตัวคนร่วงหล่นลงมาจากเสาน้ำ จมดิ่งลงไปในท้องทะเลที่กำลังปั่นป่วนแปรปรวนด้วยคลื่นลมรุนแรง ไม่มีใครรู้อีกแล้วว่ามือกระบี่สุราโลหิตจมหายลงไปในระดับน้ำที่ลึกมากแค่ไหน
ในเวลาเดียวกันนั้น
ฟู่! ฟู่!
กำแพงกระบี่ก็เข้ามาถึงตัวติงซานฉือ
ม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ
“อะเฮื้อ…”
ติงซานฉือส่งเสียงคำรามในลำคอ ตัวคนลอยกระเด็นไปข้างหลัง ดูเหมือนว่าชายชราจะได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย
นี่คือการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันระหว่างมือกระบี่นามกระเดื่องแผ่นดินสองคน เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ผลก็ปรากฏว่าฝ่ายหนึ่งต้องเสียชีวิตและอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ติงซานฉือได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีกลุ่มก้อนเมฆคอยรองรับตัวเขาอีกต่อไป ร่างกายของชายชราร่วงละลิ่วลงไปสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่
วูบ!
แต่แล้วในพริบตานั้นเอง ได้มีลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากเรือลำใหญ่ เป็นพลังลมปราณที่โจมตีใส่ติงซานฉือในขณะที่อดีตเซียนกระบี่ชื่อดังไม่สามารถป้องกันตนเองได้เลย
ผู้ที่ยิงพลังลมปราณสายนี้ออกมาก็คือคุณชายเหลียนซาน
ในมือของเขาถือไม้เท้า พลังลมปราณสายนี้พุ่งออกมาจากหัวไม้เท้า
“ไอ้สารเลวเอ๊ย…”
หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยความโกรธแค้น
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือช่วยเหลือผู้เป็นอาจารย์
วูบ!
ลำแสงกระบี่ที่เป็นประกายสวยงามราวกับแสงจันทร์ได้พุ่งเข้าไปปะทะกับลำแสงลมปราณสีดำนั้นโดยตรง
ลำแสงกระบี่สีเงินกับลําแสงสีดำเมื่อปะทะกันแล้วมันก็หายวับไปกับตา ไม่มีแรงระเบิดเกิดขึ้นตามมาอย่างที่หลินเป่ยเฉินคาดคิด
เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะนี้กระโดดออกไปหมายจะรับร่างของติงซานฉือจากกลางอากาศ
แต่ในจังหวะนั้นเอง
ลำแสงสีเขียววูบวาบขึ้นตรงหน้า
แล้วติงซานฉือก็หายวับไปจากสายตาของหลินเป่ยเฉิน
ควับ!
เขาสัมผัสเจอเพียงอากาศธาตุ
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินไม่หลงเหลือพลังลมปราณอยู่ในร่างกายอีกแล้ว วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็หล่นตู้มลงไปในท้องทะเลเหมือนเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง
อาการกลัวทะเลของเขากำเริบขึ้นมาโดยทันที
ความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดครอบคลุมจิตใจ
“ช่วยด้วย…” หลินเป่ยเฉินที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำทะเลสุดชีวิต พยายามแหกปากร้องตะโกน “ข้าว่ายน้ำไม่เป็น…”
เสียงตะโกนยังไม่ทันจางหาย
เสาน้ำขนาดเล็กต้นหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากใต้ทะเลช้อนร่างของหลินเป่ยเฉินกลับขึ้นไปในอากาศ และดีดตัวส่งเขากลับไปอยู่บนเรือของนักพรตหญิงชินด้วยความรวดเร็ว
“เฮือก…”
หลินเป่ยเฉินหอบหายใจและเงยหน้ามองผู้ที่ช่วยชีวิตตนเอง
แล้วเขาก็แทบไม่อยากเชื่อสายตา
เพราะปรากฏว่าผู้ที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้นั้นก็คือ…
องค์หญิงแห่งท้องทะเล?!
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ที่เขาแอบคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้มันจะเป็นจริงหรือไง?
ระหว่างอาจารย์ของเขากับองค์หญิงท่านนี้ในอดีตเคยมีเรื่อง… อย่างนั้นหรือ?
ให้ตายสิ!
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น
เพราะว่าสิ่งที่เขากำลังพบเห็นอยู่ก็คือ องค์หญิงแห่งท้องทะเลยืนอยู่บนเสาน้ำต้นหนึ่งที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ทะเลเหมือนน้ำพุแรงดันสูง แขนข้างหนึ่งของนางโอบกอดติงซานฉือ ในขณะที่แขนอีกข้างก็กำลังโบกสะบัดเพื่อควบคุมให้ท้องทะเลกลับไปอยู่ในความสงบอีกครั้ง
ครืน!
แล้วพลังลมปราณสีม่วงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศก็ถูกดูดเข้าไปในฝ่ามือของนาง
มันเป็นพลังจากกระบี่สายฟ้าพิโรธ
แล้วตัวกระบี่เล่มนั้นที่ตกลงไปใต้มหาสมุทรพร้อมกับร่างไร้ชีวิตของจูปี้ฉีก็ลอยกลับขึ้นมาในอากาศ
“กระบี่เล่มนี้มอบให้แก่เจ้าแล้ว”
องค์หญิงแห่งท้องทะเลโยนกระบี่สายฟ้าพิโรธมาให้หลินเป่ยเฉินโดยไม่ได้เหลือบมองอาวุธสวรรค์แม้แต่นิดเดียว
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นรับกระบี่เอาไว้โดยอัตโนมัติ
กระบี่เล่มนี้…
เป็นของเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?
เด็กหนุ่มค้อมศีรษะประสานมือทำความเคารพโดยไม่ต้องเสียเวลาลังเลใจ “ขอบคุณท่านอาจารย์หญิงมากเลยขอรับ”
ที่ข้างกายของเขา นักพรตหญิงชินส่งเสียงดังหึในลำคอเล็กน้อย
สีหน้าขององค์หญิงแห่งท้องทะเลแปรเปลี่ยนไป ในดวงตาสีน้ำเงินของนางเป็นประกายแวววับด้วยความประหลาดใจ “เมื่อสักครู่… เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าน้อยเรียกท่านว่าอาจารย์หญิงขอรับ ได้โปรดรับการคำนับจากข้าน้อยด้วย”
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็โค้งตัวคำนับองค์หญิงแห่งท้องทะเล 3 ครั้งติดๆ กัน
“เจ้านี่ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ”
รอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์หญิง นางยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นในอากาศและโยนก้อนหินสีฟ้าให้แก่หลินเป่ยเฉินก้อนหนึ่ง “เอาไปซะ ถือว่านี่เป็นของรางวัลที่ข้ามอบให้แก่เจ้า”
นี่ไงล่ะ
นางเป็นคนรักของอาจารย์เขาจริงๆ ด้วย
หลินเป่ยเฉินยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม
เขารีบยัดก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนอัญมณีก้อนนั้นเก็บเข้าไว้ในอกเสื้อพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณอาจารย์หญิงเป็นอย่างสูงขอรับ อาจารย์ช่างมีความงดงามราวกับเทพธิดาแห่งมหาสมุทรที่ขึ้นมาจากวังบาดาลในเทพนิยาย นับดูในโลกใบนี้ ข้าน้อยไม่เคยพบเห็นสตรีนางใดจะมีความสวยงามเท่ากับท่านมาก่อน…”
“วาจาช่างอ่อนหวานนัก” องค์หญิงแห่งท้องทะเลยิ้มแย้มอย่างมีความสุขและโบกสะบัดมืออีกครั้ง
คราวนี้เป็นก้อนหินสีเขียวมรกตขนาดเท่ากำปั้นมือถูกโยนมาให้หลินเป่ยเฉิน
“อาจารย์ของเจ้ามีแต่ความโง่เขลาและดวงตามืดบอด แต่โชคดีที่ยังพอมีความสามารถในการเลือกรับลูกศิษย์อยู่บ้าง…” นางสำรวจมองหลินเป่ยเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งมองมากเท่าไหร่ แววตาก็ยิ่งเกิดความพึงพอใจมากเท่านั้น
“ขอบคุณอาจารย์หญิงขอรับ อาจารย์หญิงก็มีความยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน…”
ต่อให้หลินเป่ยเฉินจะยังไม่รู้ว่าก้อนหินที่นางให้เขามาทั้งสองก้อนนั้นจะมีราคามากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือมันต้องมีราคาสูงมากแน่ๆ และด้วยความที่กำลังดีใจอยู่นี่เอง หลินเป่ยเฉินจึงพูดคำหวานออกไปไม่หยุดยั้ง “ข้าน้อยมีแต่ต้องขอบคุณสำหรับความเมตตาของอาจารย์หญิงแล้วขอรับ”
แต่ในทันใดนั้น ร่างของเฒ่าทะเลก็พลันทิ้งตัวลงมายืนอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน
“เจ้าหนู เลิกประจบองค์หญิงของข้าได้แล้ว มิฉะนั้น องค์หญิงของข้าคงต้องหมดตัวเป็นแน่แท้…”
เฒ่าทะเลกล่าวด้วยน้ำเสียงระอาใจ