ตอนที่ 488 นัดหมายส่งมอบของ
ทุกอย่างดูไม่ชอบมาพากล
เทพีกระบี่หิมะไร้นามที่กำลังพิมพ์โต้ตอบข้อความกับเขาอยู่ตอนนี้ดูแปลกเกินไป
หรือว่านางจะกลับตัวกลับใจแล้วนะ?
หรือว่านางตั้งใจจะหลอกลวงอะไรเขาอีกหรือเปล่า?
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถแน่ใจได้เลยจริงๆ
แต่ถ้าสิ่งที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามพูดออกมาเป็นความจริง การหายตัวไปตลอดหลายวันที่ผ่านมาของนาง ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้
วันพรุ่งนี้จะถึงกำหนดการตรวจสอบวิหารและอัญเชิญเทพเจ้า
หลินเป่ยเฉินสามารถนึกภาพได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อวิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งต้องพบกับความพ่ายแพ้ สถานะผู้ที่ถูกเลือกของเขาก็จะถูกสั่นคลอนด้วยข้อหาของการเป็นผู้แอบอ้าง
และโชคชะตาของนักพรตหญิงชินกับนักบวชสาวเหล่านั้น ก็คงเลวร้ายเกินคาดคิด
บัดนี้ เขาแน่ใจได้แล้วว่าเว่ยหมิงเฉินมีเทพเจ้าองค์หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่จริง
หมอนั่นถึงได้กล้ากล่าวหาคนอื่นว่าเป็นผู้แอบอ้าง ทั้งๆ ที่เว่ยหมิงเฉินเองนั่นแหละที่ละทิ้งความศรัทธาต่อเทพีกระบี่เป็นคนแรก และยังอาศัยสถานะของผู้ที่ถูกเลือก กลับมาเล่นงานผู้อื่นที่เป็นขวากหนามของตนเองได้อย่างไร้ยางอายนัก
แต่นั่นก็หมายความว่าเว่ยหมิงเฉินรู้ว่าเทพีกระบี่กำลังมีปัญหา เขาจึงเลือกที่จะลงมือในช่วงเวลานี้
มิฉะนั้นแล้ว เว่ยหมิงเฉินจะไปเอาความกล้าหาญทั้งหมดมาจากไหน?
ระหว่างเดินทางกลับ หลินเป่ยเฉินขบคิดด้วยความระมัดระวัง
จากนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ถ้าเกิดเทพีกระบี่ยื่นมือมาช่วยเหลือพวกเขาในการตรวจสอบวิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งวันพรุ่งนี้ ก็หมายความว่าแผนการทั้งหมดของเว่ยหมิงเฉินคงต้องล้มเหลวไม่เหลือชิ้นดี และบุคคลที่เจ้าเล่ห์แสนกลเช่นนี้ ก็จะต้องมีแผนการสำรองอยู่อีกแน่นอน
เพราะความทะเยอทะยานของคนประเภทนี้ไม่มีจุดสิ้นสุด
เว้นแต่ชีวิตจะถึงแก่ความตายเท่านั้นเอง
แต่ครั้งนี้ เว่ยหมิงเฉินไม่ได้มาลงสนามรบด้วยตัวเอง
คงเป็นเรื่องยากที่หลินเป่ยเฉินจะสังหารเขาได้สำเร็จ
สถานการณ์ในขณะนี้ ลำพังแค่เทพีกระบี่ดูแลตัวเองก็เหนื่อยพอแล้ว ซ้ำยังต้องมาช่วยเหลือสาวกที่เมืองหยุนเมิ่งอีก การจะให้นางช่วยจัดการเว่ยหมิงเฉินตามไปอีกคน คงเป็นเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงเกินไปหน่อย
เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงสรุปได้ความว่าปัญหาในครั้งนี้มันใหญ่กว่าที่คิด
แต่ก็มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้สำเร็จ…
เทพีกระบี่
หากเทพีกระบี่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการณ์ของนางเองได้อย่างปลอดภัย อนาคตหลังจากนี้ ก็ยังมีเวลาให้จัดการเว่ยหมิงเฉินได้อีกถมเถ
มีหนทางไหนที่เขาพอจะช่วยเหลือนางได้บ้างหรือเปล่านะ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงมดปลวกที่กำลังพยายามจะช่วยยกช้างขึ้นมาจากหลุม
มันคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?
หลินเป่ยเฉินสะบัดศีรษะอย่างแรง
เพียงพริบตาเดียว สถานศึกษากระบี่ที่สามก็มาปรากฏขึ้นอยู่ในคลองสายตาแล้ว
สายฝนโปรยปรายลงมา
หลินเป่ยเฉินแยกทางกับเจียงจี้หลิว
เขาไม่ได้กลับเข้าไปในสถานศึกษา
แต่เด็กหนุ่มโดยสารรถม้าเดินทางไปยังวิหารเทพกระบี่
ระหว่างทาง เขายังคงคิดหาวิธีแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้ต่อไป
…
ณ ดินแดนทวยเทพ
การโจมตีของพวกเทพวิหคเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ลูกธนูศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากถูกระดมยิงเข้ามาผ่านทางช่องว่างในวิหาร
ม่านพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ปกคลุมทั่วห้องนั่งเล่น
ลูกธนูของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทะลวงม่านพลังเข้ามาได้ก็จริง แต่การปะทะกันระหว่างลูกธนูกับม่านพลังอย่างรุนแรงนั้น ก็ทำให้วิหารของเทพีกระบี่หิมะไร้นามสะเทือนไปทั้งหลังเหมือนเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
เศษฝุ่นร่วงกราวลงมาจากเพดาน
เทพีกระบี่หิมะไร้นามนอนเอาผ้าห่มคลุมหัวป้องกันเศษฝุ่นที่ร่วงลงมา ตลอดร่างกายมีม่านพลังศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มตั้งแต่หัวจรดเท้า บัดนี้ นางกำลังดูดซับพลังศรัทธาเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเอง
“เฮ้อ น้องชายจะรู้ไหมว่าเจ้าทำให้ข้าลำบากขนาดไหน”
นางค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างแช่มช้า เมื่ออ้าปากออกมา โลหิตสีดำก็พุ่งกระฉูด
เทพีกระบี่หิมะไร้นามมีเลือดไหลทะลักเต็มปาก แต่อาการบาดเจ็บของร่างกายก็ทุเลามากขึ้นแล้ว
ถึงกระนั้น ลูกศรที่ยิงใส่ร่างกาย 3 ดอกก่อนหน้านี้ ก็ยังส่งผลข้างเคียงอยู่พอสมควร
“โชคดีนะที่ค่ายอาคมของเทพเจ้าแห่งการก่อสร้างเหล่านั้นมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ห้องนั่งเล่นแห่งนี้คงสามารถทนรับการโจมตีได้อีกประมาณ 6 ชั่วยาม และก่อนที่ค่ายอาคมจะสลายไป พลังของข้าก็คงฟื้นคืนกลับมาเพียงพอที่จะใช้แผ่นยันต์หนีภัยแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็คงต้องช่วยเหลือน้องชายเป็นครั้งสุดท้ายเสียก่อน…”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยกมือปาดเลือดสีดำออกจากริมฝีปาก
ใบหน้าที่ขาวผ่องของนางตัดกับเลือดสีดำโดยสิ้นเชิง กลายเป็นภาพความสวยงามของสีขาวดำ ที่ไม่สามารถบรรยายความสมบูรณ์แบบออกมาเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ
บัดนี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามมีสมาธิมากขึ้น
จิตใจของนางสัมผัสได้ถึงความสงบสุข แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะระดมยิงลูกธนูมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
หรือนางควรปล่อยวางความแค้นและยอมรับชะตากรรมในครั้งนี้ดีนะ?
ครืด
พลัน โทรศัพท์มือถือของเทพีกระบี่หิมะไร้นามสั่นอย่างรุนแรง
“มีหนทางใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือเทพีกระบี่ได้บ้างหรือไม่?”
นั่นคือข้อความจากน้องชายผู้หล่อเหลา
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ้มกริ่ม
“พูดเช่นนี้ เจ้าคงกลัวว่าข้าจะหลอกลวงเงินจากเจ้าอีกแล้วใช่หรือไม่?”
เทพีสาวส่งข้อความตอบกลับไป
“ถามอะไรเช่นนั้น? แค่ตอบคำถามมาก็พอแล้ว”
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความตอบกลับมาทันที
หืม?
ชักรำคาญแล้วสิ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามสบถอยู่ในใจ แต่ใบหน้าที่สวยงามของนางยังคงปราศจากความเดือดดาล มีเพียงรัศมีร้อนอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายเล็กน้อยเท่านั้นขณะพิมพ์ข้อความบนหน้าจอ
“เจ้าจะช่วยได้ ถ้าสามารถหารากชงโหลวมาให้พวกเราได้สำเร็จ”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความส่งต่อไปอีกหนึ่งประโยคใหญ่ๆ “ว่าแต่น้องชายรู้จักสิ่งที่เรียกว่ารากชงโหลวหรือไม่? มันเป็นสมุนไพรวิเศษที่มีอยู่แต่ในดินแดนเทพเท่านั้น น้องชายต้องลงไปอยู่ที่โลกข้างล่างจะไปรู้จักได้อย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่า ลืมไปซะเถอะ ถ้าจะคิดหาทางช่วยเหลือพวกข้า เจ้าเอาเวลาไปคิดหาทางช่วยเหลือตนเองดีกว่า…”
การบาดเจ็บของนางในขณะนี้ มีแต่เพียงรากชงโหลวเท่านั้นที่จะรักษาได้
แต่ในดินแดนเทพ รากชงโหลวไม่ได้เป็นเพียงของหายากธรรมดาเท่านั้น แต่เรียกได้ว่ามันเป็นสมุนไพรในระดับที่หายากถึงหายากมากที่สุดแล้ว
ปัจจุบันนี้ รากชงโหลวมีสถานะไม่ต่างไปจากสมบัติสวรรค์
ดังนั้น ในโลกของผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง…
ย่อมไม่มีรากชงโหลวอยู่แน่นอน
ไม่ต่างกับการตามหาปลาวาฬในทะเลทราย
แม้ว่าการตอบกลับไปเช่นนี้ จะเป็นการหักหน้าหลินเป่ยเฉินไม่น้อยก็ตาม
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่ส่งข้อความอะไรตอบกลับมาอีกเลย
เทพีกระบี่หิมะไร้นามเริ่มรู้สึกเสียใจและคิดว่าตนเองเลือกใช้ถ้อยคำที่รุนแรงมากเกินไป
“ความจริง หรือว่าพวกเราควรนัดเจอกันนะ…”
“อิอิ เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นบุรุษหนุ่มคนแรกที่ได้เห็นร่างเปลือยของข้าอยู่แล้ว”
“น่าเสียดายที่เรายังไม่มีโอกาสได้พบเจอกันเลยสักครั้ง”
นางหยิบไหสุราที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา พยายามยกขึ้นดื่มอยู่หลายรอบ แต่ก็เพิ่งจะนึกได้ว่าสุราในไหหมดไปนานแล้ว…
เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงวางไหสุรากลับคืนลงที่เดิม เอนตัวลงไปนั่งบนโซฟาและใช้พลังจิตบรรเทาอาการเจ็บปวดในร่างกาย…
เส้นผมที่เปื้อนคราบเลือดแผ่สยายปกคลุมเต็มลำตัว
ภาพเหตุการณ์ในอดีต ทยอยปรากฏขึ้นในหัวสมองไม่หยุดยั้ง
นางจ้องมองไปที่ม่านพลังตรงปากประตูทางเข้าห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างคลุ้มคลั่ง เมื่อคำนวณดูระยะเวลาแล้ว ตนเองน่าจะสามารถฟื้นฟูพลังขึ้นมาใช้แผ่นยันต์หนีภัยและสามารถช่วยเหลือน้องชายผู้หล่อเหลาได้อย่างเฉียดฉิว…
เพียงแต่ว่ามันต้องแลกมาด้วยพลังศรัทธาเป็นจำนวนมาก
ครืด
โทรศัพท์มือถือสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง
น้องชายส่งข้อความมาอีกแล้วหรือ?
จะส่งมาทำไมอีกนะ?
ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือไง?
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ้มด้วยความเศร้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมส่งข้อความบอกเด็กหนุ่มว่าเขาไม่มีทางช่วยเหลือนางได้อีกแล้ว
แต่ทันทีที่เห็นข้อความจากหลินเป่ยเฉิน ดวงตาของเทพีกระบี่หิมะไร้นามกลับต้องเบิกโตด้วยความตกตะลึง
“ของที่เทพีกระบี่ต้องการใช่สิ่งนี้หรือไม่…”
ถัดจากข้อความนี้ ก็เป็นรูปภาพที่เด็กหนุ่มแคปหน้าจอส่งมาให้ดู
มันเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนรากมันฝรั่งอบแห้งสีแดงเข้ม
มีขนาดเท่ากับกำปั้นมือเด็ก
และนี่ก็คือรากชงโหลวที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามกำลังต้องการจริงๆ
“ตกลงใช่สมุนไพรชนิดนี้หรือเปล่า?”
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามย้ำอีกครั้ง
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยกมือขยี้ตาด้วยความเหลือเชื่อ เมื่อตั้งสติได้ ก็รีบตอบกลับไปว่า “เจ้า… เจ้าเคยเห็นสมุนไพรวิเศษชนิดนี้ด้วยหรือ?”
“เรียกว่าเคยเห็นก็น่าจะได้นั่นแหละ”
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามกลับมาอย่างต่อเนื่อง “ถ้าเทพีกระบี่ได้สมุนไพรชนิดนี้ไปตามต้องการ สถานการณ์ของนางก็จะดีขึ้นใช่ไหม?”
“ใช่… แต่ว่าเจ้าจะไปหามาจากไหน…?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่รู้ว่าตนเองควรตอบอย่างไรดี
นางรู้สึกมึนงงสงสัยเป็นที่สุด
“เลิกพูดจาไร้สาระ และก็เลิกถามคำถามที่ไม่สมควรถามได้แล้วน่า ท่านเป็นเพียงเทพีฝึกหัดจะไปรู้อะไร แต่ช่วยบอกข้าหน่อยสิว่า หากเทพีกระบี่ได้สมุนไพรชนิดนี้ไปแล้ว นางต้องใช้เวลานานไหม กว่าที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเอาชนะศัตรูได้น่ะ?”
เด็กหนุ่มส่งข้อความถามด้วยความอยากรู้
“หากมีสมุนไพรชนิดนี้อยู่ในมือ ขอเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม สถานการณ์ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน”
ในหัวใจของเทพีกระบี่หิมะไร้นามเริ่มมีแสงสว่างแห่งความหวังเป็นประกายขึ้นมาแล้ว
“ตกลง งั้นขอที่อยู่ด้วย เดี๋ยวจะจัดส่งไปให้”
นั่นคือข้อความล่าสุดจากหลินเป่ยเฉิน
เทพีกระบี่หิมะไร้นามลังเลเล็กน้อย ก่อนจะส่งที่อยู่ของตนเองไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก
“รอหน่อยแล้วกันนะ อีกประมาณ 6 ชั่วยาม รากชงโหลวน่าจะถูกจัดส่งไปถึงตามที่อยู่ที่ท่านให้มา” หลินเป่ยเฉินส่งข้อความมาบอกด้วยความมั่นใจ “ข้าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว”