ตอนที่ 489 เจ้าติดต่อบุรุษหน้ากากแดงได้หรือไม่
เมืองหยุนเมิ่ง
“ยืนยันให้จัดส่งที่อยู่ตามนี้ใช่ไหมขอรับ?”
หลังออกจากแอปวีแชทแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เปิดกลับเข้าไปที่แอปจิงตงมอลล์ และพบข้อความสอบถามจากพนักงานตอบข้อความของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร
“ยืนยันตามนั้นขอรับ”
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความยืนยันตำแหน่งที่อยู่ของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม และสอบถามเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจว่า
“ทางร้านจะจัดส่งได้ทันเวลาในอีก 6 ชั่วยามข้างหน้านะขอรับ?”
การส่งของครั้งนี้คือเรื่องสำคัญ
เขาจะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“ทันขอรับ”
พนักงานตอบกลับมาสั้นๆ ได้ใจความ
“ประเสริฐ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องจ่ายเงินก่อนใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามออกไปพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ใช่แล้วขอรับ ราคาสินค้าและค่าจัดส่งในครั้งนี้ รวมแล้วทั้งสิ้นเป็นศิลาบูชา 2,000 ก้อนพอดิบพอดี”
พนักงานของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรให้คำตอบ
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดและกดปุ่มจ่ายเงิน
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ หยิงอู๋จีเร่งให้กลุ่มคนงานขุดเหมืองทั้งวันทั้งคืน เขาจึงมีศิลาบูชาอยู่ในมือถึง 2,000 ก้อนเรียบร้อยแล้ว
และมันก็เพียงพอต่อการจ่ายค่าสมุนไพรวิเศษของเทพีกระบี่พอดี
ถือว่าเด็กหนุ่มยังไม่โชคร้ายเกินไปนัก
ตอนที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามพูดถึงสมุนไพรวิเศษที่เรียกว่า ‘รากชงโหลว’ ในแอปวีแชทนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน
ตอนแรกนึกว่าได้ยินมาจากนักพรตหญิงชิน แต่แล้วความทรงจำก็ผุดวาบเข้ามาในหัวสมองว่า ในเมื่อมันเป็นสมุนไพรที่มีอยู่แต่บนดินแดนทวยเทพ เขาก็ต้องหามันได้จากแค่ในแอปพลิเคชันที่ขายของจากดินแดนทวยเทพเท่านั้น
แล้วถ้าไม่ใช่แอปจิงตง มอลล์ มันจะเป็นแอปพลิเคชันอื่นได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงใช้เวลาครู่ใหญ่ไปกับการสำรวจดูแอปจิงตง มอลล์ ซึ่งโทรศัพท์ของเขาสามารถเข้าดูร้านค้าได้แค่ 2 ร้านเท่านั้น
หนึ่งคือร้านของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
สองเป็นร้านเปิดใหม่ที่เขาได้มาจากการอัปเดตโทรศัพท์ครั้งล่าสุด ซึ่งมีชื่อร้านว่าเพื่อนพ้องพี่น้องโจร
เขาเคยสำรวจดูร้านนี้แล้วหนึ่งรอบ แต่มันไม่มีสิ่งที่ต้องการ หลินเป่ยเฉินจึงไม่เคยสนใจเปิดเข้ามาดูอีก
แล้วเด็กหนุ่มก็นึกออกว่าในร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร มีหมวดหมู่ที่เป็นผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งน่าจะมีสมุนไพรหรือไม่ก็ผลไม้วิเศษ ที่น่าจะช่วยเหลือเทพีกระบี่ได้บ้างไม่มากก็น้อย
หลินเป่ยเฉินรีบกดเข้าไปดูหมวดหมู่ผลไม้ตามฤดูกาล
แล้วก็โป๊ะเชะ
มีสินค้าที่เขาต้องการอยู่จริงๆ ด้วย
หลินเป่ยเฉินแคปภาพหน้าจอของรากชงโหลวไปสอบถามเพื่อขอคำยืนยันจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
เมื่อได้รับคำยืนยันว่านี่คือสมุนไพรที่ต้องการ เด็กหนุ่มก็รีบติดต่อไปที่พนักงานร้าน
คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับข้อความมาเร็วมาก
นอกจากร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจะมีคนคอยตอบข้อความลูกค้าแล้ว ก็ยังมีแผนกแพ็คสินค้าและแผนกขนส่งสินค้าแยกอยู่ต่างหากอีกด้วย
นี่คือจุดเปลี่ยนของเหตุการณ์ทั้งหมด
เมื่อยืนยันที่อยู่และกดจ่ายเงินเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างแท้จริง
นับว่าสถานการณ์เฉพาะหน้าที่หนักหนาสาหัสในครั้งนี้ คงผ่อนคลายเบาบางลงบ้างพอสมควร
ใครจะไปคิดเลยว่าสมุนไพรวิเศษที่กำลังจะช่วยชีวิตเทพีกระบี่ กลับสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์ที่ชื่อฟังดูไม่เป็นมิตรอย่างร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร
นี่หมายความว่า…
หืม?
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที
ยังมีอีกหลายอย่างที่เขามองข้ามไปสินะ
เห็นได้ชัดกว่าสิ่งของที่วางขายอยู่ในร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
ถ้าอย่างนั้น ข้าวของที่ดูธรรมดาสามัญอย่างเช่นพืชผักและผลไม้ตามฤดูกาล รวมไปถึงเนื้อสัตว์หรือไข่ไก่และข้าวของเบ็ดเตล็ดอีกมากมาย…
ย่อมต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน
หากของพวกนั้นมีสรรพคุณไม่ต่างไปจากรากชงโหลว นี่ก็หมายความว่าหลินเป่ยเฉินมีขุมทรัพย์ของวิเศษอยู่ในมือจำนวนมหาศาล
ไอ่ย่ะ…
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก
ชักน่าสนใจแล้วสิ
หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเจ้าของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร น่าจะเป็นเทพเจ้าที่มีสถานะสูงส่งกว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
ดูเหมือนว่าในอนาคตหลังจากนี้ เขาคงต้องติดต่อร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรให้มากขึ้นเสียแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก้มมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง และกดเข้าไปยังส่วนติดต่อเจ้าของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร ก่อนส่งข้อความไปสอบถามว่าเขาจะขอแอดเพื่อนในวีแชทได้หรือไม่
เจ้าของร้านตอบกลับมาคำเดียวว่า
“ไม่ได้!”
เอ้า
ปฏิเสธกันแบบนี้เลยหรือ?
พอค้าขายกันเสร็จสิ้น ก็จะทำเป็นไม่รู้จักกันเลยหรือไง?
น่าหงุดหงิดชะมัด…
เฮ้อ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะ
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดอีกเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจไม่คิดมากตามสไตล์ของตนเอง
เขาเก็บโทรศัพท์กลับเข้าที่ บอกตนเองว่าดีเหมือนกันที่ไม่ได้สนิทสนมกับเจ้าของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร เพราะของแต่ละชิ้นในร้านค้าออนไลน์ร้านนี้ ล้วนแต่มีราคาแพงหูฉี่ แค่รากชงโหลวชิ้นเดียว ก็ต้องใช้ศิลาบูชาถึง 2,000 ก้อน ถ้าเขาอยากจะเป็นลูกค้าประจำของร้านค้าร้านนี้ขึ้นมา มีหวังคงได้หมดตัวก่อนพอดี
ไม่นานหลังจากนั้น
หลินเป่ยเฉินก็เดินทางมาถึงวิหารเทพกระบี่
“พี่เป่ยเฉิน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว อาจารย์กำลังตามหาตัวท่านอยู่พอดี”
เยว่เว่ยหยางกระโดดเข้ามากอดแขนหลินเป่ยเฉินทันทีที่เขาก้าวลงจากรถม้า พร้อมกับกล่าวเสริมว่า “รีบไปหาท่านอาจารย์กันเถิดเจ้าค่ะ”
ภายในวิหารเทพกระบี่
“เมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว คุณชายเหลียนซานได้ส่งมือกระบี่คนสุดท้ายมาประจำจุดโจมตีจุดที่หกเรียบร้อย พวกมันจะแบ่งกำลังออกเป็นหกส่วน แยกย้ายมาโจมตีพวกเราจากหกทิศทาง การโจมตีจะเริ่มตั้งแต่แสงแรกของวันพรุ่งนี้ ไปจนถึงแสงสุดท้ายในตอนเย็น นี่คือแผนที่รอบวิหารของพวกเรา…”
นักพรตหญิงชินแบมือออกมาข้างหน้า
แล้วม้วนแผนที่ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ กางตัวออกอย่างแช่มช้า
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินถึงได้รู้ว่าม้วนแผนที่ลงค่ายอาคมการฉายภาพเอาไว้ บัดนั้น ภาพของสถานที่โดยรอบภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารเมืองหยุนเมิ่งก็ฉายขึ้นมาในอากาศ ที่สำคัญก็คือพวกเขาสามารถหมุนดูได้ทุกองศาของทุกตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งก็คือพื้นที่โจมตีทั้งหกจุดที่นักพรตหญิงชินพูดถึงก่อนหน้านี้นั่นเอง
คำนวณจากขนาดของแผ่นที่แล้ว จุดสีแดงเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ ย่อมเป็นจุดปิดถนนที่ทางวิหารส่งคนออกไปตั้งรับ และสกัดกั้นไม่ให้อีกฝ่ายบุกทะลวงขึ้นมาสู่ตัววิหารได้สำเร็จ
“นี่คือแนวรบของพวกเราใช่ไหมขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย
นักพรตหญิงชินพยักหน้า ตอบว่า “เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น แรกเริ่มมันจะเป็นการปะทะกันของตัวแทนมือกระบี่ทั้งหกจากแต่ละฝั่ง ส่วนคนที่เหลือนอกจากนั้น มีหน้าที่เฝ้าประตูให้แน่นหนา อย่าได้ปล่อยให้ผู้ใดรอดพ้นทางขึ้นเขาขึ้นมาได้เป็นอันขาด”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
การต่อสู้ครั้งนี้มีชีวิตเป็นเดิมพัน
เมื่อเข้าสู่พื้นที่สงคราม ทุกคนก็มีสถานะไม่ต่างไปจากคนที่ตายแล้วคนหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้น เราจะชนะได้อย่างไรขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นมาถาม “ในการปะทะกันระหว่างตัวแทนทั้งหก หากผลการต่อสู้ออกมาเสมอกันสามต่อสาม ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะหรือขอรับ?”
เยว่เว่ยหยางตอบว่า “ถ้าพวกเราไม่ชนะ ก็จะถือว่าพวกเราพ่ายแพ้เจ้าค่ะ วิหารของพวกเราจะถูกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบหลังจากนั้นทันที ทางรอดเดียวที่พวกเรามีก็คือ ต้องเอาชนะตัวแทนทั้งหกจากอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมาจับคางของตัวเอง
งานใหญ่แล้วสิ
“ปัญหาก็คือเรามีคนไม่พอนะขอรับ”
เขาหันกลับไปมองหน้านักพรตหญิงชิน หันมามองเยว่เว่ยหยาง แล้วก็ก้มหน้ามองตนเอง นับดูฝ่ายของวิหารเมืองหยุนเมิ่งคนที่พอมีฝีมือต่อสู้ได้ก็มีอยู่เพียงเท่านี้ มิหนำซ้ำ ระดับพลังของเยว่เว่ยหยางยังห่างไกลจากพวกยอดมือกระบี่ฝ่ายตรงข้ามอีกหลายขุมนัก
ไม่รู้เลยว่าองค์หญิงแห่งท้องทะเลจะยอมลดตัวลงมาช่วยพวกเขาไหมนะ
แล้วก็เฒ่าทะเลอีกล่ะ ถ้าลองไปขอร้องจะยอมช่วยเหลือหรือไม่?
วิหารเมืองหยุนเมิ่งก็จะต้องโดนถล่มแน่นอน
ครั้นจะให้อาจารย์ติงของเขาแสดงฝีมือก็คงหมดหวัง สภาพของติงซานฉือในขณะนี้ อย่าว่าแต่จะหยิบจับกระบี่ออกมาต่อสู้เลย แค่หยิบตะเกียบรับประทานข้าวด้วยตนเอง ก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าอาจารย์ติงคงหายไม่ทันมาช่วยพวกเขาต่อสู้
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
นักพรตหญิงชินหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน ลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถาม “วันพรุ่งนี้เมื่อถึงกำหนดการต่อสู้ เจ้าเฝ้าอยู่ที่วิหารก็แล้วกัน หากฝ่ายตรงข้ามสามารถบุกขึ้นเขามาได้ หน้าที่ของเจ้าคือคอยสกัดกั้นและคุ้มครองชีวิตของนักบวชในวิหาร อย่าให้มีใครได้รับอันตรายเด็ดขาด”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินลุกพรวดขึ้นยืน
นี่เขาจะไม่ได้ออกไปต่อสู้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
แต่นี่คือโอกาสดีที่เขาจะได้แสดงฝีมือเลยนะ
แบบนี้เท่ากับว่านักพรตหญิงชินมีรถเฟอร์รารี่ให้ขับ แต่กลับเลือกที่จะจอดไว้อยู่กับบ้าน และนำรถกระบะเก่าคร่ำครึออกไปใช้งานเลยนี่นา
นักพรตหญิงชินไม่คิดจะให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองสักหน่อยหรือ?
“ท่านนักพรตหญิงชินขอรับ ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง ข้าน้อยขอออกไปต่อสู้ในแนวหน้าด้วยคน ข้าน้อยอยากจะเป็นตัวแทนหนึ่งในหกของฝ่ายเราออกไปต่อสู้กับตัวแทนของฝ่ายนั้น เพื่อทุกคนแล้ว ข้าน้อยไม่กลัวตายเลยสักนิดเดียว”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น
นักพรตหญิงชินลังเลอีกเล็กน้อย ก่อนถามว่า “เจ้าช่วยติดต่อเพื่อนของเจ้าให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
“คนไหนหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วสูงด้วยความมึนงง
นักพรตหญิงชินตอบว่า “บุรุษหน้ากากแดง”
บุรุษหน้ากากแดง?
ใครกันหว่า?
หลินเป่ยเฉินกำลังจะบอกออกไปอยู่แล้วว่า “ข้าน้อยไม่เห็นรู้จักเลยขอรับ” แต่โชคดีที่ก่อนเขาจะพูดออกไป นักพรตหญิงชินก็ได้กล่าวเสริมออกมาด้วยความเอียงอายว่า “คนที่ไม่ใส่เสื้อผ้าตอนต่อสู้น่ะ”
บุรุษหน้ากากแดงร่างเปลือยอย่างนั้นหรือ?
นั่นมันตัวเขาเองนี่นา
“เอ่อ ท่านนักพรตหญิงชินอยากจะเชิญเขามาร่วมต่อสู้กับพวกเราหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าที่ประหลาดพิกลเป็นอย่างยิ่ง…