ตอนที่ 498 หนึ่งกระบี่ชี้เป็นตาย
ติงซานฉือควรใช้เวลาสังหารศัตรูให้รวดเร็วที่สุด
เพื่อที่จะได้กลับไปเฝ้าระวังวิหารตามเดิม
เพราะไม่มีอะไรแน่นอน
เกิดตัวแทนฝ่ายวิหารอีก 5 คนพ่ายแพ้ขึ้นมา อย่างน้อยก็เหลือติงซานฉือที่ยังพอแก้ไขสถานการณ์ได้อยู่บ้าง
ดังนั้น ติงซานฉือจึงแทงกระบี่ลงไปโดยปราศจากความเมตตา
มู่หลินเซินสัมผัสได้ถึงเงามรณะที่คืบคลานเข้ามาหาตนเอง
นี่คือกระบี่ที่จะปลิดชีวิตเขา
ติงซานฉือเปรียบเสมือนตำนานที่มีชีวิตของมือกระบี่รุ่นหลัง ใช่แล้ว มีคนมากมายอยากจะประลองฝีมือกับอดีตเซียนกระบี่นามกระเดื่องผู้นี้ และกระบี่เทพพฤกษาก็เป็นหนึ่งในนั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะมีวาสนาดีงามจนหลายคนต้องอิจฉา
มู่หลินเซินได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของติงซานฉือ
บัดนี้ มือกระบี่เทพพฤกษาเหมือนได้กลับไปเผชิญหน้าติงซานฉือยามอยู่จุดสูงสุดของชีวิตอีกครั้ง
และชายหนุ่มก็ได้รู้แล้วว่าตนเองยังมีฝีมือห่างชั้นจากติงซานฉือหลายขุมนัก
มู่หลินเซินถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า
แล้วเขาก็ปลดผนึกปริศนาที่อยู่ในร่างกายของตนเองโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ครืน!
มวลพลังมหาศาลไหลทะลักออกมาจากร่างกายของชายหนุ่ม
กระบี่ไม้ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมกลับมาแข็งแกร่งสมบูรณ์อีกครั้ง
บาดแผลฉกรรจ์ที่อยู่บนร่างกายก็หายวับไปในพริบตา
มู่หลินเซินยกมือขึ้น
สะบัดกระบี่ในมือ
“ต้นไม้เขียวขจี ภูเขาอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำไหลเวียน บรรจบพบห้วงแห่งกาลเวลา”
เมื่อคาถาถูกร่ายออกมาจากปากของมู่หลินเซิน พลังลมปราณในร่างกายของเขาก็เพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เคล้ง!
กระบี่ของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างหนักหน่วง
มวลอากาศปั่นป่วนเหมือนเกิดพายุใหญ่
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นพลังแผ่กระจายออกไปรอบบริเวณ
แล้วร่างของบุรุษต่างวัยก็แยกออกจากกัน
ติ๋ง! ติ๋ง! ติ๋ง!
นั่นคือเสียงของเลือดที่หยดลงจากปลายกระบี่คุณธรรมตกลงสู่พื้นดิน
“พลังของเจ้า…”
ติงซานฉือเงยหน้ามองคู่ต่อสู้ด้วยความประหลาดใจ “นี่ไม่ใช่พลังของเจ้า”
สายรัดผมของมู่หลินเซินถูกกระบี่ฟันขาดไปแล้ว บัดนี้ เส้นผมสีเขียวสดของชายหนุ่มจึงปลิวไสวไปตามแรงลม
“การต่อสู้ในวันนี้ มีอยู่แค่ว่าจะรอดกลับไปแบบมีชีวิต หรือกลับไปแบบคนตายเท่านั้น ท่านอย่าได้สนใจเรื่องอื่นอีกเลย”
มู่หลินเซินสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมของค่ายอาคมได้อย่างดีเยี่ยม ราวกับว่าสนามรบศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เมื่อกระบี่เทพพฤกษาโคจรพลังลมปราณ มวลพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศ ก็ถูกร่างกายของเขาดูดซับเข้าไปเพิ่มพลังให้แก่ตนเอง
ได้เวลาใช้ท่าไม้ตายแล้ว
กระบี่ไม้ยังคงถืออยู่ในมือ เมื่อมีกระบี่เล่มนี้ มู่หลินเซินไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ใดเด็ดขาด!
“ดูเหมือนนี่คงเป็นจุดจบของท่านแล้ว”
มู่หลินเซินมองหน้าติงซานฉือและพูดว่า “เทพีกระบี่เลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกข้า”
ติงซานฉือสูดหายใจลึก
ทันใดนั้น เลือดที่กำลังไหลหยดลงจากปลายกระบี่คุณธรรมพลันถูกดูดกลืนกลับขึ้นไปต้านแรงโน้มถ่วง โลหิตเหล่านั้นไหลกลับคืนเข้าไปสู่บาดแผลที่อยู่บนฝ่ามือของติงซานฉือ แล้วมันก็ไหลกลับคืนสู่ภายในร่างกายชายชราอีกครั้ง
ต่อมา ติงซานฉือล้วงยาลูกกลอนโอสถหกสวรรค์ออกมายัดใส่ปาก
เมื่อเม็ดยาละลาย มวลพลังจำนวนมากก็ไหลเวียนไปตามแขนขา
อาการบาดเจ็บของติงซานฉือทุเลาขึ้นมาในพริบตา
พลังลมปราณของเขาพุ่งขึ้นสูงมากกว่าเก่า จนอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับมือกระบี่เทพพฤกษาก็ว่าได้
เพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายของติงซานฉือก็กลับมาอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ที่สุดอีกครั้ง
“หนึ่งกระบี่ชี้เป็นตาย!”
ติงซานฉือรวบรวมพลังลมปราณและระเบิดเสียงคำรามออกมากึกก้อง
กระบี่คุณธรรมลอยขึ้นไปในอากาศ คลื่นพลังแผ่ขยายไปทั่วรอบบริเวณ กระบี่คู่กายของติงซานฉือบินวนอยู่เหนือศีรษะ แล้วมันก็ลอยไปอยู่ด้านหลังผู้เป็นเจ้าของ ก่อนจะแยกเงาออกมากลายเป็นแพนกระบี่ที่เหมือนกับหางนกยูง
นี่คือความน่ากลัวของการใช้วิชากระบี่ 17 คาบสมุทร
ติงซานฉือเพียงโบกสะบัดมือเล็กน้อย เงากระบี่เหล่านั้นก็เคลื่อนไหวตามที่ใจเขาต้องการ พวกมันไม่ได้เป็นเพียงภาพมายาอีกต่อไป กระบี่คุณธรรมที่แยกเงาออกมาเหล่านั้นรวมตัวกันก่อตั้งค่ายกลรอบกายติงซานฉือ พวกมันหมุนวนสลับตำแหน่งกันตลอดเวลา ก่อเกิดเป็นกลุ่มเงาหมอกขาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มู่หลินเซินยิ้มมุมปาก “นับว่าสุนัขจนตรอกย่อมสู้ยิบตา ไม่เสียทีที่ท่านเป็นถึงอดีตเซียนกระบี่ผู้โด่งดัง… เอาล่ะ วันนี้ข้าจะทำให้ท่านได้ตายสมใจอยากเอง”
เมื่อกระบี่เทพพฤกษาขยับข้อมือ กระบี่ไม้ในมือเขาก็โจมตีออกมาด้วยความรวดเร็ว
กระบี่ไม้แยกเงาออกเป็นแหกระบี่ครอบคลุมติงซานฉือตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมา ต้นไม้ใบหญ้าเอนไหวไปตามแรงลม หมู่แมกไม้ที่ขึ้นอยู่รอบกายออกดอกออกผลสวยงามละลานตา หากมีผู้ใดมาพบเห็นเข้า ก็คงเข้าใจว่านี่คือช่วงเวลาแห่งฤดูใบไม้ผลิเป็นแน่แท้
“ต้นไม้เขียวขจี ต้นหญ้าไหวเอน รวงข้าวร้องบรรเลง กลิ่นบุปผาชวนสูดดม!”
มู่หลินเซินบริกรรมคาถาพร้อมกับโจมตีไม่หยุดยั้ง ในเวลาเดียวกันนี้ กระบี่ขนาดใหญ่ยักษ์เล่มหนึ่งก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากค่ายกลกระบี่ของติงซานฉืออย่างน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง!
“เจ้าจงตายซะ!”
ติงซานฉือควบคุมกระบี่ยักษ์ด้วยพลังลมปราณ แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารเปี่ยมล้น
นี่คือกระบวนท่าที่ 4 ในวิชากระบี่ 17 คาบสมุทร!
เป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ติงซานฉือจะสามารถใช้งานได้
ชายชราก้าวเดินเข้าสู่เขตเวทมนตร์ของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วสภาพแวดล้อมรอบกายก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ มู่หลินเซินยังคงโคจรพลังลมปราณอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด
ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ยืดเยื้ออีกต่อไป
หนึ่งกระบวนท่าหลังจากนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย!
…
“ฮ่าๆๆๆ…”
กระบี่เหินหาวเจียงฟานระเบิดเสียงหัวเราะเหยียดหยาม
เสียงหัวเราะของเขาเหมือนคนวิกลจริต
ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่ฟังระคายหูเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้ายังซ่อนเร้นพลังอื่นใดเอาไว้อีกหรือไม่?”
“เจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าข้าอย่างนั้นหรือ?”
มงกุฎบนศีรษะหลุดออกไปนานแล้ว เสื้อคลุมที่งดงามของเจียงฟานกลายเป็นรูพรุนจากคมกระบี่ เช่นเดียวกับร่างกายที่มีเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลหลายตำแหน่ง
แต่บาดแผลเหล่านั้นไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์สักเท่าไหร่
ซ้ำยังมีสัญญาณที่บอกว่าบาดแผลกำลังสมานตัวอย่างรวดเร็ว
ใจกลางสนามรบศักดิ์สิทธิ์ในขณะนี้ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งกินพื้นที่เกือบหนึ่งลี้ แต่หิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเริ่มบางตาลงแล้ว
ฉุยเฮาเฟิงมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
เพราะเขาเพิ่งได้คนพบว่าค่ายอาคมสนามรบแห่งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมพลังของเจียงฟานโดยเฉพาะ
ในอากาศเต็มไปด้วยพลังปราณที่เจียงฟานสามารถดูดซับไปใช้งานได้ตลอดเวลา
ดังนั้น สถานการณ์ของฉุยเฮาเฟิงจึงกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เจียงฟานแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะยิ้มเย้ยหยัน “เทพีกระบี่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกข้า แม้แต่สนามรบศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่เป็นใจให้แก่เจ้าเลยสักนิด”
ฉุยเฮาเฟิงมีแววตาขุ่นเคืองใจขึ้นมาเล็กน้อย
ค่ายอาคมสนามรบศักดิ์สิทธิ์ที่ควรสร้างขึ้นมาอย่างยุติธรรม กลับเอนเอียงเข้าข้างคู่ต่อสู้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
สำหรับบุคคลทั่วไป นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าเทพเจ้าได้กำหนดผู้ชนะเอาไว้แล้ว
หมายความว่าเทพีกระบี่ทอดทิ้งพวกเขาเสียแล้ว
เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?
ฉุยเฮาเฟิงสูดหายใจลึก พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะใช้กระบี่ในมือพิสูจน์ความซื่อสัตย์ของมือกระบี่ผู้หนึ่ง ที่มีต่อกระบี่ของตนเอง…เพราะฉะนั้น จึงไม่มีอะไรที่ข้าต้องเสียใจอีกแล้ว”
พูดขาดคำ
ฉุยเฮาเฟิงก็ยกมือซ้ายขึ้นหมุนวนในอากาศ
กระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของท่านเจ้าเมืองคนใหม่
คมกระบี่เป็นประกายระยิบระยับ
บัดนี้ จึงเท่ากับว่าฉุยเฮาเฟิงมีกระบี่อยู่ในมือข้างละหนึ่งเล่ม
สีหน้าของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ดวงตาของฉุยเฮาเฟิงกลับกลายเป็นสีดำสนิทปราศจากตาขาว ราวกับเป็นหุบเหวลึกล้ำสุดหยั่งถึง และพร้อมกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
วูบ!