ตอนที่ 508 ในขณะเดียวกันบนดินแดนทวยเทพ
ณ ดินแดนทวยเทพ
วิหารกำลังสั่นสะเทือน
ม่านพลังกำลังหม่นแสงราวกับเป็นแสงสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ราวกับว่าแสงสว่างเหล่านั้นพร้อมที่จะหายวับไปได้ตลอดเวลา
การโจมตีของพวกเทพวิหคยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
พวกเขากำลังใช้วิธีส่งคลื่นพลังเพื่อก่อกวนการทำงานของม่านพลังรอบวิหาร
นี่คือวิธีการที่โง่เขลา
ประสิทธิภาพต่ำ
แต่ก็แลกมาด้วยความปลอดภัยสูงสุด
ว่ากันตามความเป็นจริง เหล่าสมาชิกของเผ่าพันธุ์เทพวิหคต่างก็หวาดกลัวว่าตนเองจะต้องตกตายภายใต้น้ำมือของเทพีในวิหาร
เทพีกระบี่หิมะไร้นามนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
นางเอนกายพิงโซฟาด้วยความเงียบงัน สีหน้าเยือกเย็น
บาดแผลส่วนใหญ่ที่อยู่บนร่างกายสมานตัวเป็นอย่างดีแล้ว
เว้นแต่เพียงจุดที่มีหัวธนูฝังอยู่ทั้งสามจุดเท่านั้น
พลังแฝงที่หัวธนูทิ้งไว้ในร่างกายของเทพีกระบี่หิมะไร้นามยังคงปลดปล่อยพลังทำลายล้าง ส่งผลให้นางไม่สามารถรักษาบาดแผลในบริเวณนั้นได้ และบาดแผลก็เริ่มมีสภาพเน่าเปื่อยอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยระดับพลังที่เหลืออยู่ ณ ขณะนี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
“หากรากชงโหลวยังมาไม่ถึงในเวลาชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย เกรงว่าเราคงทำอะไรไม่ได้มากนัก”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ้มแย้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อนางใจเย็นลงแล้ว ระดับพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายก็ลดน้อยลง ส่งผลให้เศษฝุ่นในอากาศลอยตัวพลิ้วไสวอย่างสวยงาม
การโจมตีของเผ่าพันธุ์เทพวิหคสามารถทำให้วิหารของนางสั่นสะเทือนได้ไม่หยุดยั้ง
ตลอดเวลาเหล่านี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามใช้เวลาเล่นกับสัตว์เลี้ยงของตนเอง
แมวน้อยอยู่ในอ้อมแขนของนางข้างหนึ่ง
ส่วนเจ้าหมาก็วิ่งวนอยู่รอบกาย
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าก่อนหลบหนีไปตายเอาข้างหน้า เราจะมีทั้งเจ้าหมาและเจ้าแมวอยู่ข้างกายเช่นนี้ นับว่าชีวิตนี้เราไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงๆ”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามระบายลมหายใจออกมาด้วยความพอใจ
เจ้าแมวน้อยยืนอยู่ในอ้อมแขนของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ขาหน้าของมันทั้งสองข้างเกาะอยู่กับหน้าอกภูเขาไฟที่สั่นกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา
เพียงดูลักษณะท่าทีก็รู้แล้วว่าเจ้าแมวน้อยอยากจะกินนม
เจ้าหมาน้อยก็มาเกาะอยู่ที่ตักของเทพีสาวและกระดิกหางอย่างประจบเอาใจ
มีเพียงเจ้านกตัวเดียวเท่านั้นที่บินวนอยู่ในอากาศด้วยความร้อนรน
กาลเวลาผ่านไปไม่หยุดนิ่ง
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยังคงมีสีหน้าเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง
“คงหมดเวลาของเราแล้วสิ…”
นางก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ
น้องชายไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาอีกแล้ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรไปอีกแล้วเช่นกัน
เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายฟื้นฟูขึ้นมาในระดับหนึ่ง นั่นก็ทำให้บัดนี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามมีพลังมากพอที่จะใช้งานแผ่นยันต์ลี้ภัยได้แล้ว
“ข้าจะช่วยเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย…” นางยิ้มแย้มออกมาอย่างอ่อนหวาน “พี่สาวเพียงหวังว่าน้องชายคงจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ได้ไม่ลืมเลือนก็แล้วกัน”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามลุกขึ้นนั่งหลังตรงอย่างแช่มช้า
การเคลื่อนไหวทำให้บาดแผลขยับ ส่งผลให้นางต้องกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
เทพีกระบี่หิมะไร้นามหยิบชามผลไม้ลงมาจากโซฟาและกำลังจะโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปในนั้น แต่แล้วโทรศัพท์มือถือก็สั่นครืดคราดอย่างกะทันหัน
“หรือว่าน้องชายจะส่งข้อความมา?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูด้วยสีหน้าประหลาดใจ
และข้อความที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าจอในขณะนี้ก็คือ
“ยืนยันการรับสินค้าหรือไม่?”
หรือว่าจะเป็น…
เทพีกระบี่หิมะไร้นามหัวใจกระตุกวูบ
นางกดตอบรับคำว่า ‘ยืนยัน’ โดยไม่ลังเล
แล้วลมหายใจต่อมา เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย
มวลอากาศในห้องนั่งเล่นเกิดเป็นหลุมดำขนาดเล็กปรากฏขึ้นในอากาศ
หลุมดำส่งแสงสว่างออกมาจากด้านใน
แล้วรากไม้ขนาดเท่ากำปั้นมือก็ค่อยๆ ตกลงมาจากหลุมดำนั้น
“มาแล้ว!”
เจ้าหมาน้อยกระโดดงับรากไม้และรีบวิ่งนำรากไม้วิเศษมาส่งให้แก่เทพีกระบี่หิมะไร้นาม
“หรือว่าจะเป็น…”
เมื่อรากไม้วิเศษมาอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย เทพีสาวถึงได้มีเวลาสำรวจดูอย่างจริงจัง
ด้วยว่าขาดการติดต่อจากหลินเป่ยเฉิน เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงเตรียมตัวเตรียมใจรับความผิดหวังเอาไว้ล่วงหน้า แต่คิดไม่ถึงเลยว่ารากชงโหลวจะถูกส่งมาให้นางได้จริงๆ ในจังหวะสุดท้ายก่อนหลบหนี
แต่สิ่งที่ทำให้เทพีกระบี่หิมะไร้นามตกใจมากที่สุด ก็คือวิธีการขนส่งรากไม้วิเศษชิ้นนี้
เพราะมันเป็นการขนส่ง ‘สินค้า’ ในดินแดนทวยเทพด้วยกันเอง ไม่ใช่การขนส่งพัสดุจากโลกมนุษย์ขึ้นมาบนดินแดนแห่งนี้สักหน่อย
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ รากชงโหลวชิ้นนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่บนดินแดนทวยเทพอยู่แล้ว
ดังนั้น ปัญหาสำคัญก็คือ
น้องชายอยู่ในโลกมนุษย์ของผู้ฝึกยุทธ์ แล้วเขาสามารถสั่งซื้อรากชงโหลวบนดินแดนทวยเทพให้แก่นางได้อย่างไร?
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“หรือว่าเรา… จะเข้าใจผิดมาตลอด น้องชายไม่ใช่คนที่ตกไปจากดินแดนทวยเทพ แต่เขาเคยอยู่ในดินแดนที่มีระดับสูงมากกว่านี้?”
“และเขาก็สามารถติดต่อดินแดนเดิมของตนเองได้แล้ว?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาทันที
นางทำผิดพลาดเอาไว้หลายประการ
ด้วยความเจ้าเล่ห์ของตนเอง เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงหลอกลวงเอาเงินมาจากน้องชายนับครั้งไม่ถ้วน แล้วอย่างนี้น้องชาย… ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าคุณชายผู้สูงส่งท่านนั้นจะไม่เกลียดชังนางแย่แล้วหรือ?
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ
แต่โชคดีที่เสียงคำรามของพวกเผ่าพันธุ์เทพวิหคจากด้านนอกทำให้เทพีสาวกลับมาได้สติอีกครั้ง
“เรื่องนั้นจะอย่างไรก็ช่างมันก่อน บัดนี้ เราสมควรใช้รากชงโหลวรักษาอาการบาดเจ็บให้หายขาด เมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อย เราค่อยไปปรับความเข้าใจกับคุณชายหลินทีหลังก็ยังไม่สาย”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามคิดด้วยความมุ่งมั่น
นี่คือเรื่องใหญ่
นางลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แผ่นหลังเหยียดตรง
เริ่มต้นการโคจรพลัง
แล้วไม่กี่ลมหายใจต่อมา มวลพลังศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่กระจายออกมาจากรอบตัวของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ก่อนที่ลำแสงจำนวนมากจะถักทอรวมตัวกันกลายเป็นตาข่ายพลังอีกชนิดหนึ่ง
ตาข่ายเหล่านั้นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
หากหลินเป่ยเฉินอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็จะต้องตกตะลึงเป็นที่สุดในความยิ่งใหญ่อลังการของการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์…
เพราะมันไม่สมควรเกิดขึ้นได้ในโลกของความเป็นจริง
นี่คือสิ่งที่ควรมีอยู่ในโลกของเทพนิยายเท่านั้น
ในที่สุด เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็สามารถดึงหัวธนูที่หักคาอยู่ด้านในบาดแผลออกมาได้สำเร็จ
การนำหัวธนูออกมาจากบาดแผลสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายไม่ใช่น้อย เทพีกระบี่หิมะไร้นามจำเป็นต้องดูดซับพลังจากรากชงโหลว เพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเองโดยเร็ว
แล้วพลังงานสีแดงเข้มก็ปรากฏให้เห็นด้วยตาเปล่า พลังงานเหล่านั้นลอยวนเวียนอยู่ในตาข่ายแห่งแสง ก่อนที่จะไหลรินเข้ามาสู่ร่างกายของเทพีกระบี่หิมะไร้นามอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกันนี้ พลังงานสีแดงเข้มเหล่านั้นก็ลอยออกไปซ่อมแซมม่านพลังภายนอกที่เริ่มจางแสงลงมากแล้ว
ในที่สุด เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็หายจากอาการบาดเจ็บโดยสมบูรณ์
รากชงโหลวไม่เสียชื่อที่เป็นสมุนไพรวิเศษสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส
ถ้าไม่มีสมุนไพรวิเศษชนิดนี้เป็นตัวช่วย
เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็คงต้องเสียเวลาอีกหลายชั่วยาม กว่าที่จะฟื้นตัวขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นจากการนำหัวธนูออกจากบาดแผลได้สำเร็จ
เทพีสาวไม่กล้าเสียเวลาอีกต่อไป นางเริ่มดูดซับพลังจากรากชงโหลวด้วยระดับความเร็วเต็มพิกัด
…
เมืองหยุนเมิ่ง วิหารประจำเมือง
เฒ่าทะเลมองกลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้า สีหน้าบอกถึงความประหลาดใจเล็กน้อย
องค์หญิงแห่งท้องทะเลกำลังจ้องมองไปที่ท้องทะเลอย่างเหม่อลอย
บัดนี้ สามารถมองเห็นได้แล้วว่ามีกองทัพเรือของชาวเผ่าทะเลปรากฏตัวขึ้นในเกลียวคลื่นอยู่ออกไปห่างไกล
เซียวปิงซึ่งปลอมตัวเป็นหลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนขั้นบันไดทางขึ้นวิหาร ทำหน้าที่เหมือนเป็นสุนัขเฝ้ายามผู้ซื่อสัตย์
เขาเงยหน้ามองหน้าจอถ่ายทอดสดบนท้องฟ้าตลอดเวลา
เมื่อเห็นผลการต่อสู้ในสนามรบศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 จุด เด็กหนุ่มก็ต้องลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในที่สุด ทุกอย่างก็จบลงแล้ว
ท่านพี่ รีบกลับมาเร็วๆ เถิด
ท่านพี่ ข้ากลัวเหลือเกิน
แต่รอแล้วรอเล่า หลินเป่ยเฉินตัวจริงก็ยังไม่กลับมา
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เซียวปิงเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี
ทันใดนั้น ใบหูของเขากระดิกเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าคนจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าขึ้นมาทางวิหาร
วูบ!
มีเงาร่างผู้คนทะยานเข้ามาผ่านอากาศ
กลับไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน
แต่เป็นพวกของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันผู้มีสีหน้าดุร้าย
ด้านหลังเป็นกลุ่มอังครักษ์และนายทหารร่างกำยำอีกจำนวนมาก
เซียวปิงไม่ใช่คนโง่
รังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างกายฝ่ายตรงข้าม เขาทราบดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
บัดซบ
เซียวปิงสบถอยู่ในใจ และคิดหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นท่านพี่หลินเป่ยเฉินตัวจริงจะทำอย่างไร?
พี่ใหญ่ของเขาจะเลือกหลบหนี หรือว่าอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป?