ตอนที่ 512 พวกเจ้าต้องตายกันไปทั้งหมด
เสียงบริกรรมคาถาเยียวยาบาดแผลยังคงดังออกมาจากด้านในวิหาร
พลังงานสีขาวลอยออกมาไหลรินเข้าไปในร่างกายของเซียวปิง รักษาอาการบาดเจ็บของเขาให้ดีขึ้นในพริบตา
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเซียวปิงกลับมามีพลังลมปราณและพลังงานเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ไม่เหลือร่องรอยความเป็นอันตรายที่จะถึงแก่ชีวิตอีกแล้ว ส่วนรอยกระบี่เหล่านั้นก็เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ตราบใดที่เซียวปิงยังสามารถใช้พลังลมปราณเยียวยาอาการของตนเองได้ การรักษาตัวจึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัญหา
นี่คือสัญญาณที่บอกว่าเซียวปิงปลอดภัยแล้ว
“พี่ใหญ่ ขะ… ข้าไม่ได้ทำให้ท่านต้องผิดหวังใช่หรือไม่…” เซียวปิงพยายามคลี่ยิ้มและพูดว่า “ข้ายืนขวางประตู… ข้ายืนขวางเอาไว้… ขะ… ข้าไม่ยอมให้ใครผ่านเข้าไปทั้งนั้น… ข้าไม่ได้หลบหนี…”
“ใช่แล้ว เจ้ายืนขวางประตูเอาไว้ ข้าถึงสามารถกลับมาจัดการพวกศัตรูได้ทั้งหมดไงล่ะ”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความรู้สึกผิด
เขาแอบสบถสาบานอยู่ในใจว่านับจากนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเซียวปิงเด็ดขาด
“ข้าไม่เคยผิดหวังในตัวเจ้าเลย”
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด พยักหน้าและพูดเน้นย้ำทีละคำ “น้องรัก นับจากนี้เจ้าจะเป็นน้องชายของข้าตลอดไป ถ้าข้าได้กินเนื้อ เจ้าจะได้กินน้ำซุป วันนี้เจ้าสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้สำเร็จ เจ้าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เดี๋ยวพี่ใหญ่ของเจ้าจะเป็นคนจัดการเอง… คอยดูให้ดีก็แล้วกันว่าข้าจะแก้แค้นให้เจ้าอย่างไรบ้าง”
จากนั้น เขาก็ประคองเซียวปิงไปนั่งที่หน้าประตูวิหาร
เรียบร้อยดีแล้วก็หันขวับกลับมาถลึงตาจ้องมองไปยังพวกของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อัน
“เจ้าเป็นใคร… ทำไมถึงต้องมาขัดขวางพวกเราด้วย?” ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อและพูดตะกุกตะกักว่า “ข้าคือท่านอ๋องผู้ปกครองแคว้นไห่อัน การโจมตีวิหารในครั้งนี้เป็นคำสั่งของคุณชายเว่ยหมิงเฉิน รบกวนเจ้าได้โปรดหลีกทางไป ข้าไม่อยากมีปัญหากับเจ้าในภายหลัง…”
ก่อนที่จะเดินทางขึ้นเขามายังวิหารแห่งนี้ หลินเป่ยเฉินได้ถอดหน้ากากออกและใช้แอปพลิเคชันเปลี่ยนแปลงใบหน้าของตนเองเป็นใบหน้าอ้วนกลมของเซียวปิง ดังนั้น พวกของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันจึงจดจำไม่ได้ว่าเขาคือวีรบุรุษหน้ากากแดงร่างเปลือย และแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าเขาคือหลินเป่ยเฉินตัวจริง
“เจ้าคือท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินมองชายชราและส่งเสียงหัวเราะเหยียดหยาม “เศษเดนที่ชื่อว่าสวีหวั่นหลัวเป็นบุตรชายของเจ้าใช่หรือไม่? มันเป็นคนที่ชอบรังแกผู้อื่น ชอบกลับดำให้เป็นขาว และข้านี่แหละที่เป็นคนสังหารมันเอง ไม่คิดเลยนะว่าบิดาของเศษเดนเช่นนั้น จะกล้ามาปรากฏตัวในเมืองหยุนเมิ่ง เพื่อก่อปัญหาไม่แพ้บุตรชาย… หึหึหึหึ…”
พูดมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น กวาดสายตามองหน้าฝ่ายตรงข้ามทีละคน “วันนี้พวกเจ้าต้องตายกันไปทั้งหมด”
ขาดคำ
หลินเป่ยเฉินก็ระเบิดเสียงคำรามและกระโจนเข้าใส่กลุ่มคนฝ่ายตรงข้าม
“ตายไปซะ!”
เขากระแทกหมัดออกไป
ผลั่ก!
นายทหารผู้มีพลังระดับปรมาจารย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ขยับหลบหนีไม่ทัน จึงถูกต่อยตัวแตกกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดในอากาศ
ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ เมื่อเขาต่อยหมัดออกไปเต็มกำลัง จึงไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนจะสามารถต้านทานได้อีกแล้ว
กำปั้นของเขา สามารถทำให้ร่างของผู้มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์แหลกสลายได้อย่างไร้ปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทักษะการต่อสู้หรือประสบการณ์ต่อสู้ หลินเป่ยเฉินย่อมมีมากกว่าเซียวปิง
การลงมือของเขาจึงรุนแรงมากกว่า
แต่ละหมัดที่ถูกซัดออกมาล้วนเป็นหมัดสังหารที่ปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม
องครักษ์และนายทหารที่อยู่แถวหน้าตกตะลึงเกินกว่าที่จะหลบหนีได้ทันเวลา พวกเขาต้องถูกต่อยตัวระเบิดตายไปพร้อมกับอาวุธคู่กายคนแล้วคนเล่า
เพียงพริบตาเดียว ก็มีคนตายไปแล้วมากกว่าสิบคน
“เหวอ นี่มันปีศาจแล้ว…”
องครักษ์จำนวนมากหมุนตัววิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นและต่อยหมัดออกไปข้างหน้า
เขากำลังใช้วิชาฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ เพียงเปลี่ยนจากการยิงพลังด้วยฝ่ามือ เป็นการยิงพลังด้วยกำปั้น
เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา กลุ่มคนที่พยายามหลบหนีเหล่านั้นก็ร่างกายระเบิดกระจายในอากาศ ส่งผลให้เหล่าองครักษ์และนายทหารที่เหลืออยู่ ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยใบหน้าซีดเซียว หวาดกลัวจนไม่กล้าหลบหนีอีกแล้ว
ในกลุ่มคนเหล่านั้นมีท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันรวมอยู่ด้วย
“พ่อหนุ่ม ได้โปรดเมตตาคนแก่เถิดหนา อย่าทำอะไรข้าเลย ข้ายินดีที่จะ…”
ผลั่ก!
หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาพูดคุยต่อไป เขาเพียงกระแทกหมัดเข้าใส่ลำตัวของชายชรา
แล้วท่านอ๋องผู้ปกครองแคว้นไห่อันก็ถึงแก่ความตาย ร่างกายระเบิดกระจาย ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกสักชิ้นเดียว
ถุงเก็บของวิเศษสีแดงตกอยู่บนกองเลือดบนพื้นหิน
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายแวววาว
มีของดีให้เก็บอีกแล้วสิ
นี่คือถุงเก็บของวิเศษแบบเดียวกับที่เขาได้มาจากสวีหวั่นหลัว เพียงแต่ถุงเก็บของใบนี้มีขนาดใหญ่กว่า และก็น่าจะมีของดีบรรจุอยู่ไม่ใช่น้อย
หลินเป่ยเฉินกระโดดเข้าไปหยิบถุงเก็บของวิเศษขึ้นมา
ไม่เลวเลยแฮะ
วัสดุที่ใช้ทำถุงใบนี้เป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่ใช้ทำถุงเก็บของวิเศษของสวีหวั่นหลัว
สามารถทนทานพลังปราณธาตุไฟของเขาได้
อิอิ
คราวนี้เขาเอาไปเย็บเป็นกางเกงใส่ดีกว่า
เวลาใช้พลังปราณธาตุไฟหลังจากนี้ก็ไม่ต้องวิ่งเป็นชีเปลือยให้อับอายผู้คนอีกแล้ว
เด็กหนุ่มอัปโหลดถุงเก็บของวิเศษใส่เอาไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ จากนั้นจึงหันหน้ามาหากลุ่มองครักษ์ที่ยังเหลือรอดอยู่อีกสี่คน
“ไม่นะ ได้โปรดอย่าฆ่าพวกเราเลย”
“เรายอมแพ้แล้ว เรายอมแพ้แล้ว…”
“ได้โปรดมอบโอกาสให้ข้าน้อยกลับเนื้อกลับตัวด้วย ข้าน้อยสัญญาว่าข้าน้อยจะเป็นคนดี”
“พ่อหนุ่ม ข้าสามารถเดินทางกลับไปและช่วยเจ้าปรับความเข้าใจกับคุณชายเว่ยหมิงเฉินได้นะ ส่วนเรื่องที่เจ้าสังหารท่านอ๋อง รับรองว่าพวกเราจะไม่บอกใครเด็ดขาด…”
หลินเป่ยเฉินไม่พูดคำใด เดินเข้าไปสาวหมัดใส่สี่หมัดซ้อน
องครักษ์ทั้ง 4 คนนั้นตายคาที่
หลินเป่ยเฉินกวาดตามองรอบตัว
เมื่อพบถุงเก็บของวิเศษที่ตกอยู่บนพื้น เขาก็เดินไปเก็บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจึงได้เดินกลับไปหาเซียวปิง
บัดนี้ เซียวปิงกำลังมีบรรดานักบวชสาวนั่งห้อมล้อมอยู่รอบกาย
บาดแผลบนลำตัวหลายส่วนได้เลือนหายไปราวกับปาฏิหาริย์
“ไป พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินประคองเซียวปิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับขยิบตา
แล้วเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในวิหารเพียงลำพัง
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาและใช้แอปพลิเคชันเมจิก คาเมร่าสลับใบหน้าของพวกเขากลับคืนเจ้าของที่แท้จริงอีกครั้ง
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ
“พี่ใหญ่ขอรับ ขอบคุณท่านมากจริงๆ ที่ช่วยแก้แค้นให้ข้า ท่านถึงกับสังหารท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันด้วยมือของตนเอง” เซียวปิงพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ “บุญคุณในครั้งนี้ เซียวปิงจะไม่มีทางลืมเลือน ข้าจะภักดีต่อพี่ใหญ่ไปตลอดชีวิต ว่าแต่ว่า ท่านอ๋องผู้นั้นเป็นคนที่มีเชื้อสายจักรพรรดิ นับเป็นบุคคลในราชวงศ์คนหนึ่ง การสังหารเขาเช่นนี้ ย่อมมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต เราจะเปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าท่านเป็นผู้สังหารเขานะขอรับ มิเช่นนั้น ท่านคงถูกตามล่าไปทั่วดินแดนเป็นแน่แท้”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบสบายใจ “พวกเขาจะมาตามล่าข้าทำไมเล่า? เพราะตอนที่ข้าสังหารท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันนั้น ข้าปลอมตัวเป็นเจ้า ถ้าจะมีใครสักคนถูกตามล่าตัวไปทั่วแผ่นดิน มันก็ต้องเป็นเจ้าคนเดียวเท่านั้น แล้วข้ายังจะมีอันใดให้เป็นกังวลอีก?”
เซียวปิงได้ยินดังนั้นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกแล้ว