บทที่ 57 เดี๋ยวข้าให้กินไก่
“ในที่สุดก็กลับมาแล้วหรือ ไหนบอกอาจารย์สิว่าเจ้าได้อะไรมาบ้าง?”
อยู่ดีๆ ติงซานฉือก็กระโดดมาจากตรงไหนไม่ทราบ ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขาแล้ว
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ข้าได้กลับมาสอง”
“เข็มกลัดดารา 2 ชิ้น?” ติงซานฉือเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้าพูดจริงหรือเปล่า? รีบเอาออกมาให้อาจารย์ดูเดี๋ยวนี้”
“ใครบอกท่านกันว่าข้าได้เข็มกลัด?” หลินเป่ยเฉินถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าและกล่าวต่อว่า “ข้าได้ไก่กลับมา 2 ตัวต่างหาก นี่คือไก่ศรน้ำแข็งเชียวนะขอรับ ตัวใหญ่ ไขมันเยอะ เนื้อเหนียวเคี้ยวสนุก อย่างน้อยคืนนี้เราก็มีอาหารค่ำให้รับประทานแล้ว”
ติงซานฉือหน้ากระตุกอยู่นานสองนาน ก่อนคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล “เจ้าหายไปทั้งวัน ได้ไก่ติดมือกลับมา 2 ตัวเนี่ยนะ?”
หลินเป่ยเฉินโต้แย้งทันทีว่า “แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้วขอรับ ข้าเคยชินแต่ชีวิตเรียบหรู เพียงชี้นิ้วสั่งก็มีคนจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ แค่อ้าปากก็มีบ่าวรับใช้ป้อนอาหารถึงที่ แต่บัดนี้ข้าถึงกับสามารถล่าไก่ป่าได้ด้วยตัวเอง อาจารย์ไม่คิดว่าข้าพัฒนาขึ้นแล้วหรือ?”
สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดออกมาก็มีเหตุผลไม่น้อย
ติงซานฉือพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่
“จริงด้วยสินะ ข้าไม่น่าคาดหวังกับเจ้ามากเกินไปเลย แต่เอาเถอะ วันนี้โชคร้ายกันถ้วนหน้า อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่เถาว่านเฉิงกับหลี่เทาก็ยังไม่ได้อะไรกลับมาเหมือนกัน” ติงซานฉือปลอบตนเองให้ใจเย็นลง ด้วยรู้ตัวดีว่าใจร้อนเกินไปหน่อย
การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้น เขาไม่ควรกดดันลูกศิษย์มากเกินไป
ด้วยเหตุนี้ อาจารย์ชราจึงมีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นขณะพูดปลอบโยนหลินเป่ยเฉินว่า “คนของกระทรวงศึกษามาซ่อนเข็มกลัดดาราเองกับมือ ย่อมหาได้ไม่ง่ายอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งเก้าวัน เจ้าไม่ต้องรีบร้อนก็ได้…ส่วนตอนนี้นำไก่ศรน้ำแข็งทั้งสองตัวไปลงทะเบียนกับท่านหลีลั่วหรันก่อนเถอะ”
“หา?” หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ “เราต้องลงทะเบียนไก่ด้วยหรือขอรับ?”
“ต้องลงสิ” ติงซานฉือตอบ “การตามหาเข็มกลัดดาราไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีศิษย์น้อยมากที่ตามหาเข็มกลัดดาราได้ครบ 20 คน มีจำนวนไม่น้อยที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ด้วยการนับจำนวนสัตว์ที่พวกเขาล่ามาได้ในแต่ละวัน ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะล่าตัวอะไรมาได้บ้าง อย่างน้อยมันก็เป็นฝีมือของเจ้าเอง ทีนี้รีบไปลงทะเบียนให้เสร็จเรื่องได้แล้ว”
“มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือนี่?”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความแปลกใจขณะเดินไปยังโต๊ะลงทะเบียน
“ไก่ศรน้ำแข็ง 2 ตัวขอรับ”
หลังจากตรวจสอบดูแล้ว หลีลั่วหรันก็เงยหน้าขึ้นมาสำรวจมองใบหน้าหลินเป่ยเฉิน และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “มีของอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินส่ายศีรษะ
เขายังไม่อยากส่งมอบเข็มกลัดดาราทั้ง 9 ชิ้นตอนนี้
นั่นเป็นเพราะว่า…เด็กหนุ่มตั้งใจจะเก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง
ราตรีกาลมาเยือนอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด ศิษย์ทั้ง 100 คนก็กลับมาถึงค่ายพักเรียบร้อยแล้ว
ในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจและบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น
ขณะนี้ ค่ายพักจะไม่จัดเตรียมอาหารให้อีกต่อไป พวกเขาจำเป็นต้องทำอาหารด้วยตนเอง
กองไฟหลายสิบกองถูกก่อขึ้นมา
ทุกคนต่างก็ต้องใช้กองไฟประกอบการทำอาหาร
หลินเป่ยเฉินมองกลุ่มอื่นๆ และพบว่าพวกของเถาว่านเฉิง หลี่เทา และอัจฉริยะทั้งหลายต่างก็มีคนรับใช้ เพียงนั่งรออยู่เฉยๆ ไม่ต้องชี้นิ้วสั่งด้วยซ้ำ ก็มีคนทำอาหารให้รับประทานแล้ว
จากนั้น เด็กหนุ่มก็หันมามองตัวเอง
มองที่ซากไก่ตายทั้ง 2 ตัวตรงหน้า
“เอ่อ…ถ้าทำเมนูไก่ขอทาน ก็ไม่ต้องถอนขนกับถลกหนังใช่ไหมหว่า?”
ระหว่างนั้น เด็กหนุ่มก็พยายามทบทวนความจำจากคลิปวิดีโอสอนทำอาหารที่ตนเองเคยดู
สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ต้องยอมแพ้ เขาพบว่าตอนที่ยังอยู่บนโลกมนุษย์ เวลาดูคลิปสอนทำอาหาร เขาสนใจแต่เพียงตอนรับประทาน ไม่เคยสนใจตอนทำเลยสักนิด
คงจะดีไม่น้อยถ้ามีแอปบอกสูตรทำอาหารอยู่ในโทรศัพท์ของเขาบ้าง
“พี่เฉินทำอาหารไม่เป็นใช่ไหมจ๊ะ? อิอิ ไม่เป็นไรนะ ท่านรับประทานกับข้าก็ได้”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยพลันดังขึ้น
หลิงเฉิน เด็กสาวยอดอัจฉริยะประจำเมืองกลับมามีบุคลิกเป็นยัยแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าอีกครั้ง ในมือของนางขณะนี้ถือจานที่ทำขึ้นจากเปลือกไม้ บนจานวางเรียงรายด้วยผลไม้ป่านานาชนิดหน้าตาน่ารับประทาน เด็กสาวถือวิสาสะนั่งลงข้างกายหลินเป่ยเฉิน หลังจากนั้นก็วางจานผลไม้ลงกั้นกลางระหว่างพวกเขา ก่อนที่หลิงเฉินจะยกมือเท้าคาง ส่งยิ้มหวานให้หลินเป่ยเฉิน จ้องมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายตลอดเวลา
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้านางด้วยความเหนื่อยใจ
จะตามติดอะไรขนาดนี้ฟะ
เมื่อสักครู่ เขาเกือบได้ยินคำว่า ‘รับประทานกับข้า’ เป็น ‘รับประทานข้า’ เสียแล้ว
เฮ้อ…
ก็ยังดีล่ะนะที่นางไม่ได้มาหาเขาด้วยตัวตนของยัยเจ้าหญิงจอมเผด็จการ
ดูเหมือนว่ายอดเด็กสาวอัจฉริยะหมายเลขหนึ่งประจำเมือง นอกจากป่วยเป็นโรคสองบุคลิกแล้ว ยังขาดความอบอุ่นอีกด้วยกระมัง?
ทั้งๆ ที่ชีวิตของนางก็น่าจะเพียบพร้อมสมบูรณ์ในทุกอย่าง แล้วทำไมถึงต้องมาตามตื๊อเขาด้วย?
อย่างน้อย นางก็น่าจะไปรักกับพวกเด็กหนุ่มอัจฉริยะด้วยกัน ไม่ใช่คนไร้สมองอย่างเขาสักหน่อย
ถ้าหากนางเคยมีความสัมพันธ์กับหลินเป่ยเฉินคนเก่าเกินกว่าคำว่าสหาย เกรงว่าในชีวิตนี้ หลิงเฉินคงหาคู่แต่งงานไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ
“ไม่เป็นไร ข้ารับประทานของข้าเองดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
ใบหน้าที่สวยงามของหลิงเฉินพลันปรากฏความอับอายขึ้นทันที “ปกติข้าใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย มีคนคอยรับใช้ ย่อมย่างไก่ไม่เป็น แต่วันนี้ข้าอุตส่าห์เดินเก็บผลไม้ป่าทั้งวัน แต่ละชนิดล้วนอร่อยทั้งสิ้น ท่านลองรับประทานดูก่อน”
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่ตอบรับคำใด
เขานึกสงสัยว่าจะมีวิธีไหนบ้างนะ ที่ทำให้ยัยจอมตื๊อสองบุคลิกคนนี้ ถอดใจยอมแพ้กลับไปเอง
“หรือว่าฉันควรปฏิเสธความรักของเธอไปตรงๆ เลยดีไหม?”
ทว่า เมื่อนึกถึงหลิงเฉินในแบบฉบับเจ้าหญิงจอมเผด็จการ หลินเป่ยเฉินก็เสียวสันหลังขึ้นมาทันที
หลิงเฉินพลันยิ้มแย้มออกมาอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดปลอบใจเขาว่า “พี่เฉิน หน้าตาท่านดูอมทุกข์ คงไม่สบายใจที่วันนี้หาเข็มกลัดดาราไม่เจอใช่ไหม? ไม่เป็นไรหรอก ข้ามอบให้กับท่าน 1 ชิ้นก็ได้”
พูดจบ นางก็ยื่นมือขาวผ่องมาตรงหน้าเขา
เข็มกลัดดาราส่องแสงสะท้อนกับเปลวไฟระยิบระยับ ดูลึกลับและสวยงามในเวลาเดียวกัน
“นี่เจ้า…” หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ “วันนี้เจ้าหาเจอถึง 2 ชิ้นเลยหรือ?”
หลิงเฉินยิ้มกริ่ม รอยยิ้มของนางทำให้ดวงดาวบนท้องฟ้าหมองแสงลงไปในพริบตา “ใช่แล้ว ข้านำไปลงทะเบียนเพียงชิ้นเดียว ส่วนชิ้นนี้ตั้งใจเก็บไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ”
ทันใดนั้น บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกับชีวิต อยากคิดฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
พวกเขาเดินป่าเหนื่อยล้าแทบทั้งวัน อย่าว่าแต่ผลไม้ป่ายังหาไม่ได้ บัดนี้ยังต้องมาเป็นพยานรักน้ำเน่าให้แก่คนทั้งสองนี้อีก ทำไมสวรรค์…ถึงได้โหดร้ายกับพวกเขาอย่างนี้?
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
ทำไมยัยนี่หาเก่งจังเลยวะ ขนาดฉันมีมือถือช่วยนำทาง ทั้งวันยังหาได้แค่ 9 ชิ้น นี่เธอแค่ออกไปเดินเก็บผลไม้ป่าก็ได้เข็มกลัดมาแล้วถึง 2 ชิ้น เป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ได้การเสียแล้ว ดีไม่ดีหลิงเฉินอาจจะหาเข็มกลัดดาราพบเกือบทั้งหมดเลยก็ได้
หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องรีบเปลี่ยนแผนการโดยเร็ว
เขาจ้องมองประกายระยิบระยับของเข็มกลัดที่อยู่บนฝ่ามือขาวผ่องตรงหน้า หลังจากนั้น ก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่า “ข้าจะหาเข็มกลัดให้เจอด้วยความสามารถของตัวเอง ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ข้าไม่ต้องการ”
หลิงเฉินเก็บเข็มกลัดใส่กระเป๋าอย่างว่าง่าย “อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
หลินเป่ยเฉินไม่พูดอะไรต่อ แต่หันหน้ากลับไปทางลานจัตุรัส และตะโกนเสียงดังว่า “มิตรสหายท่านใดย่างไก่ศรน้ำแข็งเป็นบ้าง? หากท่านสามารถทำได้ ข้ายินดีให้ท่านได้กินไก่เช่นกัน”
ณ ลานจัตุรัส ยังมีอีกหลายสิบคนที่โชคร้ายไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลยตลอดทั้งวัน เมื่อได้ยินคำถามของหลินเป่ยเฉิน พวกเขาก็เกิดความสนใจขึ้นมา
เยว่หงเซียงรวบรวมความกล้า พูดออกมาว่า “หลินเป่ยเฉิน ขะ…ข้าขอทำได้หรือไม่?”
วันนี้นางโชคร้ายเหลือเกิน นอกจากหาเข็มกลัดดาราไม่พบแล้ว เรี่ยวแรงจำนวนไม่น้อยก็ลดหายไปเพราะข้อมือที่บาดเจ็บ แม้แต่การล่าสัตว์ธรรมดาเยว่หงเซียงก็ยังไม่มีปัญญากระทำได้ สุดท้าย จึงได้แต่นั่งมองผู้อื่นรับประทานอาหารด้วยความหิวโหย
“ย่อมได้” หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ขอบใจเจ้ามาก”
เยว่หงเซียงรีบพูดทันทีว่า “ข้าต่างหากที่ควรขอบใจเจ้า”
หลังจากนั้น นางก็นำไก่ศรน้ำแข็งทั้งสองตัวไปประกอบอาหารอย่างชำนิชำนาญ
2 เค่อต่อมา ไก่ย่างหนังเหลืองกรอบเนื้อนุ่มในก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน