“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
แม่ทัพฉลามอู๋หยาผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างผุดลุกขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ
ใบหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของนักรบฉลามหัวค้อนบนเวทีนั้น ยังคงมีดวงตาเบิกโตจ้องมองมาที่ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่อย่างปราศจากชีวิต
แม่ทัพฉลามอู๋หยาหันกลับไปมองเด็กหนุ่มเท้าเปล่าบนเวที
ในเวลาเดียวกันนี้ เจ้าชายอวี้ชินหวังและองค์หญิงเค่อเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
พ่อลูกหันมองหน้ากันและก็เข้าใจโดยทันทีว่าต่างฝ่ายต่างกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อวันก่อน หลินเป่ยเฉินใช้วิธีการเดียวกันนี้สังหารสายลับมนุษย์ที่ชื่อว่าเซียงต้าหลงจากระยะไกล
สองพ่อลูกเป็นผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ด้วยตาของตนเอง
วันนี้ เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ชื่อเซียวปิง ก็สามารถใช้วิธีการเดียวกันนี้สังหารคู่ต่อสู้ได้เช่นกัน
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
นี่หมายความว่ากลุ่มคนของหลินเป่ยเฉินมีความน่าสะพรึงกลัวมากกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้
โดยเฉพาะทักษะการต่อสู้
หรืออาวุธปริศนาที่พวกเขามีอยู่ในมือ
ต้องแย่งชิงมาให้ได้
นี่คือความคิดที่ปรากฏขึ้นในสมองของสองพ่อลูกจากจักรวรรดิจี้กวง
บรรดาสมาชิกระดับสูงของชาวทะเลอดหันมองหน้ากันไม่ได้
พวกมันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนเวที
ตัวแทนที่ถูกคัดเลือกให้ออกไปต่อสู้ เป็นผู้ที่มีพลังสูงส่ง มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน แล้วเหตุไฉนถึงได้พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้?
เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของชาวเมืองทำให้ชาวทะเลเกิดความโกรธแค้นขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้เอง ฉู่เหินและคนอื่นๆ ถึงได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลินเป่ยเฉินจึงได้มีความมั่นใจในตัวของเซียวปิงเป็นนักหนา
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าน้องชายร่วมสาบานของตนเองจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเวทีกันแน่
แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
เซียวปิงก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จแล้วจริงๆ
การสังหารนักรบระดับสูงของชาวทะเลในกระบวนท่าเดียว จะไม่เรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ได้อย่างไร?
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป เซียวปิงก็คงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนแล้ว
มันเป็นเรื่องราวที่จะทำให้ผู้คนทั้งจักรวรรดิต้องตกตะลึง
เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของตำนานบทใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม
เรียบร้อย
ทุกอย่างดำเนินตามแผนการของเขาด้วยความราบรื่น
ในการต่อสู้คู่แรก ชาวทะเลประมาทฝีมือของตัวแทนจากฝ่ายมนุษย์ ทำให้ต้องพบกับความพ่ายแพ้โดยไม่คาดคิด นี่คือการเริ่มต้นที่สวยงามของชาวเมืองหยุนเมิ่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า สมแล้วที่เจ้าเป็นน้องชายร่วมสาบานของหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาและเก่งกาจที่สุดในใต้หล้า”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะก่อนพูดว่า “เอาล่ะ น้องรัก เจ้าชักจะได้รับความสนใจเยอะเกินไปแล้ว รีบกลับลงมาเดี๋ยวนี้ ขืนเจ้ายังยืนโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนเวที เดี๋ยวทุกคนจะเข้าใจเอาได้ว่าเจ้าเป็นตัวหลักในการประลองครั้งนี้”
เซียวปิงรีบกระโดดลงมาจากเวทีอย่างว่าง่าย
“ท่านพี่ขอรับ ข้ากำลังจะโด่งดังแล้วใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มร่างอ้วนถามด้วยความตื่นเต้น
เขาชนะแล้ว
ในที่สุด เขาก็ได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเมืองหยุนเมิ่งแล้วจริงๆ
เขาไม่ได้ทำให้ท่านพี่ผิดหวังอีกต่อไป
เซียวปิงมีความสุขมาก
แม้เด็กหนุ่มร่างอ้วนจะมีภาพลักษณ์เป็นคนตะกละตะกลาม มักสนใจแต่เรื่องกินอาหารตลอดเวลา ทว่าโดยเนื้อแท้นั้น เซียวปิงเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจดีงามยิ่ง
เขารู้ว่าใครดีต่อตนเองบ้าง
เขารู้ว่าตนเองควรตอบแทนบุญคุณใครบ้าง
และเขาก็รู้อีกเช่นกันว่าควรเอาตัวรอดได้อย่างไร
เซียวปิงเกิดมาพร้อมสัญชาตญาณการฉกฉวยผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ตนเองเสียผลประโยชน์ที่สุด
นี่คือเหตุผลที่หลังจบการแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมือง เซียวปิงได้ตัดสินใจติดตามหลินเป่ยเฉินด้วยสถานะน้องชายร่วมสาบาน
เพราะสัญชาตญาณบอกให้เขาติดตามหลินเป่ยเฉิน
หากเขาติดตามหลินเป่ยเฉิน ก็จะไม่มีวันอดตาย
“เจ้าโด่งดังแล้ว”
หลินเป่ยเฉินตบไหล่เซียวปิงและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อสักครู่นี้ เขาเป็นคนส่งเซียวปิงให้ขึ้นไปเผชิญหน้าอันตราย
หากนักรบฉลามหัวค้อนเลือกที่จะเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน เซียวปิงก็คงไม่มีโอกาสได้ยกปืนขึ้นยิง และนั่นหมายความว่าป่านนี้เซียวปิงก็คงมีสภาพกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณไปแล้ว
นี่คือทางเลือกที่หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องตัดสินใจ
โชคดีที่เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เซียวปิงไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง
“เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”
“เซียวปิง บัดนี้เจ้าเป็นวีรบุรุษประจำเมืองแล้วนะ”
“น้องชาย นับจากนี้ไป ใครก็ตามที่มันกล้าพูดไม่ดีถึงเจ้า ข้าจะฆ่ามันเอง… อ้อ ยกเว้นว่าคนผู้นั้นจะเป็นคุณชายหลินนะ แหะแหะ”
อาสาสมัครชาวเมืองหยุนเมิ่งเหล่านั้นกรูเข้ามาห้อมล้อมตบหลังตบไหล่เซียวปิงและแสดงความยินดีต่อเขาหลากหลายวิธีการ
หลังจากใช้เวลานับสิบวันฝึกฝนอยู่ด้วยกัน อาสาสมัครทั้ง 12 คนนี้ก็พัฒนามิตรภาพขึ้นมาอย่างแน่นแฟ้น เมื่อเห็นเซียวปิงได้รับชัยชนะ ทุกคนจึงเข้ามาชื่นชมด้วยความดีใจ
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมามองขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
พวกชาวทะเลได้เคลื่อนย้ายศพของนักรบฉลามหัวค้อนออกไปแล้ว
การต่อสู้คู่ที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น
คราวนี้เขาจะเลือกใครดีนะ?
หลินเป่ยเฉินพยายามเค้นสมองใช้ความคิด
แต่ยังไม่ทันตัดสินใจได้…
วูบ!
ร่างของใครบางคนก็ลอยข้ามหัวหลินเป่ยเฉินขึ้นไปทิ้งตัวยืนอยู่บนเวที
“เจ้าพวกเศษสวะขยะทะเล มีผู้ใดบ้างจะกล้าออกมาสู้กับผู้เฒ่าคนนี้?”
เสียงคำรามด้วยความโอหังดังกังวาน
สายลมพัดพาชายเสื้อคลุมปลิวไสว
หากไม่ใช่อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก?
ให้มันได้แบบนี้สิ
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตอยู่ตรงนั้น
อาจารย์ใหญ่ ทำไมท่านถึงต้องก่อปัญหาด้วย?
เขายังไม่ทันได้สแกนคิวอาร์โค้ดหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเลยนะ รอหน่อยไม่ได้หรือไง?
หรืออาจารย์ใหญ่กลัวว่าตนเองจะน้อยหน้าเซียวปิง
ทำตัวเป็นเด็กเกินไปแล้ว
ทั้งที่พวกเขาจำเป็นต้องชนะในการประลองคู่นี้ให้ได้แท้ๆ
เพราะถ้าสามารถเก็บชัยชนะได้สองคู่รวด ก็มีโอกาสสูงที่การต่อสู้จะยุติลงในคู่ที่สาม และทำให้ตัวแทนอีกสองคนไม่จำเป็นต้องขึ้นไปเสี่ยงอันตรายบนเวที
แต่เมื่ออาจารย์ใหญ่เล่นกระโดดขึ้นไปอยู่บนเวทีเช่นนี้…
หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็รู้สึกปวดร้าวยิ่งนัก
ฝ่ายตรงข้าม
แม่ทัพฉลามอู๋หยาค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ สุดท้ายก็ตัดสินใจได้และออกคำสั่ง “เฉียนจง การต่อสู้ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว อย่าได้ประมาทศัตรูเด็ดขาด”
“รับทราบขอรับท่านแม่ทัพ”
นักรบสายพันธุ์หนอนทะเลตัวหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า
มันมีใบหน้ารูปทรงสามเหลี่ยม มีส่วนสูงมากกว่ามนุษย์ปกติประมาณหนึ่งเท่า แต่ก็มีร่างกายผอมแห้งราวกับกระบอกไม้ไผ่
สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์หนอนทะเลนี้มีความแตกต่างจากชาวทะเลสายพันธุ์อื่นๆ ตรงที่ว่า ผิวหนังของมันไม่มีเกล็ดหรือเปลือกกระดองห่อหุ้ม แต่มันมีผิวเป็นสีเงินยวงสะท้อนแสง ต่อให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยมีแสงสว่างอย่างบนเกาะที่ทำการจวนผู้ว่า ผิวหนังของหนอนทะเลเฉียนจงก็ยังเป็นประกายระยิบระยับดูสวยงาม
แต่สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือดวงตาของมัน
มันมีดวงตาสีแดง เปลือกตาสีทองคำ
ในดวงตาของมันนั้นคล้ายกับบรรจุจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล เวลาที่เฉียนจงกะพริบตาแต่ละครั้ง จะเกิดเป็นประกายสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่กระจายไปรอบๆ ใบหน้า ซึ่งทำให้มันดูเหมือนเป็นสัตว์วิเศษผู้หลุดออกมาจากเรื่องเล่าในตำนาน
“เฮ้อ อาจารย์ใหญ่เจอคู่ต่อสู้น่ากลัวเข้าให้แล้วสิ”
หลินเป่ยเฉินผู้สามารถตัดสินฝ่ายตรงข้ามได้จากรูปลักษณ์ภายนอก ล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของนักรบหนอนทะเลได้ทันที
และเมื่อเขาลองใช้โทรศัพท์มือถือสแกนหาจุดอ่อน ข้อมูลที่ได้มาก็เป็นไปตามที่คิด
“เผ่าพันธุ์ชาวทะเล สายพันธุ์หนอนทะเล จัดเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งของโลกใต้บาดาล อายุ 78 ปี อยู่ในช่วงจุดสูงสุดของชีวิต มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 7 พลังปราณธาตุคลื่นทะเล…”
“อาวุธคู่กาย : กระบี่ไร้เงา…”
“มีความชำนาญในการใช้กระบวนท่ากระบี่โลหิตเนตรทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนท่าจากวิชากระบี่เบิกเนตรมหาสมุทร…”
“จุดอ่อน : สภาพร่างกายที่อ่อนแอและดวงตา”
ข้อมูลของนักรบหนอนทะเลถูกฉายขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
ในเวลาเดียวกันนี้ การต่อสู้บนเวทีก็เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว