หลินเป่ยเฉินไม่ทันได้ส่งเสียงพูดคำใด
เด็กหนุ่มก็ต้องยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
เพราะว่า…
หลิงไท่ซวีชนะแล้วหรือ?
ในจังหวะที่ความตายเข้ามาประชิดตัว ชายชราก็ตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียว แล้วปัญหาทุกอย่างก็คลี่คลาย?
ไม่ใช่เลย
มันไม่ใช่จังหวะที่ความตายเข้ามาประชิดตัว
ความจริงแล้ว นักรบหนอนทะเลเฉียนจงไม่สามารถทำอะไรอาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีได้ตั้งแต่แรก
ระหว่างที่นักรบหนอนทะเลเคลื่อนไหวไปรอบกายเพื่อหลอกล่อให้คู่ต่อสู้ขาดสมาธิ หลิงไท่ซวีกลับใช้สายตาจดจ่ออยู่ที่ร่างกายของเฉียนจงโดยไม่สูญเสียสมาธิแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้ชายชราสามารถตรวจพบช่องว่างเพื่อจู่โจมเข้าสู่จุดตายของเฉียนจงได้ในที่สุด
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอาจารย์ใหญ่อย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินยืนปากอ้าตาค้าง
กระบี่ในมือของหลิงไท่ซวีเป็นเพียงกระบี่ราบเรียบธรรมดาเล่มหนึ่ง พลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหลิงไท่ซวีก็กลับคืนสู่ความปกติแล้ว
แต่หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้อย่างชัดเจน
นี่คือการสังหารศัตรูด้วยกระบวนท่าเดียว
อาจารย์ใหญ่ต้องมีความแข็งแกร่งถึงระดับไหนกัน?
ให้ตายสิ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีปิดบังฝีมือที่แท้จริงอยู่หรือนี่
ผู้คนในเมืองนี้นี่มันยังไงกันนะ ทำไมถึงได้ชอบปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตัวเองเหลือเกิน
เคยมีคำโบราณกล่าวไว้ว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด
หลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้เปิดการเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟแบ่งปันพลังให้แก่อาจารย์ใหญ่เลยด้วยซ้ำ แต่อาจารย์ใหญ่ก็สามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยความสามารถของตนเองแล้ว
นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ชาวเมืองหยุนเมิ่งพร้อมใจกันส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความสะใจ
กลายเป็นคลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนไปรอบบริเวณ
นี่คือการต่อสู้ของตัวแทนห้าคู่จากฝ่ายละห้าคน
เดิมทีมนุษย์เป็นฝ่ายเสียเปรียบ มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาสามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ แต่การประลองดำเนินผ่านไปแล้วสองคู่ กลายเป็นว่าฝ่ายมนุษย์ยังคงเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง
ทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ ฝ่ายชาวเมืองหยุนเมิ่งจึงมีคะแนนขึ้นนำชาวทะเลแล้ว
ขอแค่ชนะอีกครั้งเดียว ฝ่ายตัวแทนของเมืองหยุนเมิ่งก็จะสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างเป็นทางการ…
เรื่องราวนี้ยิ่งกว่าความฝันเสียอีก
หลินเป่ยเฉินกำลังประหลาดใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้
คนต่อไปที่จะออกไปต่อสู้ก็ต้องเป็นเขาเอง
เพราะเขามีโอกาสเก็บชัยชนะมากที่สุด
ตราบใดที่สามารถชนะการต่อสู้คู่ต่อไปได้สำเร็จ การประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพันในวันนี้ ก็จะจบลงโดยทันที
ในเวลาเดียวกันนี้
แม่ทัพฉลามอู๋หยานั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ดวงตาที่มีความลึกล้ำดั่งมหาสมุทรปรากฏความพิศวงขึ้นมาอย่างไม่อาจปิดบังได้
มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าการต่อสู้คู่ที่สองจะจบลงเช่นนี้
นักรบหนอนทะเลเฉียนจงขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ทุกครั้งที่ลงมือจัดการศัตรูเต็มไปด้วยความรอบคอบสุขุม ระดับพลังก็ไม่ต่ำต้อย แล้วเหตุไฉนถึงพ่ายแพ้ให้แก่หลิงไท่ซวีเสียอย่างนั้น?
สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม
หากตัวแทนจากฝ่ายชาวทะเลพ่ายแพ้ในการต่อสู้คู่ถัดไป ก็เท่ากับว่าการประลองในวันนี้จะจบลงด้วยความอับอายและภาพลักษณ์ที่เสียหายย่อยยับของเหล่านักสู้จากโลกดินแดนโพ้นทะเล
เหล่าตัวแทนนักรบชาวทะเลก็ตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
เดิมทีการต่อสู้ในวันนี้ พวกมันรู้สึกว่าฝ่ายของตนเองสามารถบดขยี้พวกมนุษย์ผู้ต่ำต้อยได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีใครคิดว่าตัวแทนจากฝ่ายชาวทะเลกลับต้องพ่ายแพ้สองคู่ติดๆ กัน
พวกมันรู้สึกอับอายยิ่ง
คณะทูตจากจักรวรรดิจี้กวงล้วนแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความตกตะลึง
พวกเขาสรุปเอาจากข้อมูลก่อนการประลองครั้งนี้ ว่าชาวทะเลมีเจตนาดูหมิ่นและทรมานชาวจักรวรรดิเป่ยไห่ให้ต้องอับอายต่อหน้าผู้คนของจักรวรรดิจี้กวง
แต่หารู้ไม่เลยว่าผู้คนชาวเป่ยไห่กลับซุกซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ได้น่ากลัวถึงเพียงนี้
ในฐานะที่เป็นศัตรูเก่าแก่กันมาเนิ่นนาน พวกเขาก็อดรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมาไม่ได้
เจ้าชายอวี้ชินหวังกำลังส่ายหน้าเล็กน้อย
ชาวทะเลไร้เดียงสาเกินไป
เขานึกว่าพวกมันจะทำการบ้าน ค้นคว้าข้อมูลของผู้คนในจักรวรรดิเป่ยไห่มาเป็นอย่างดี แต่เท่าที่เห็น ชาวทะเลยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตนเองมากเกินไป จนสุดท้ายก็มองไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา
ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือ การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับหลิงไท่ซวีของชาวทะเล
เห็นได้ชัดว่าพวกมันสนใจแต่เพียงภาพลักษณ์ภายนอกของชายชราเท่านั้น
พวกมันไม่รับรู้เลยว่าอดีตเทพเจ้าแห่งการสังหารผู้นี้ มีความน่ากลัวซุกซ่อนอยู่มากแค่ไหน
เจ้าชายอวี้ชินหวังจ้องมองไปที่หลิงไท่ซวี
ในหัวใจเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาชนิดหนึ่ง
เมื่ออยู่บนเวทีประลอง ชายชรามีสง่าราศีเหมือนเทพเจ้าที่โบยบินลงมาจากสรวงสวรรค์ แม้แต่พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายก็ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม
ไม่เหลือเค้ารางของการเป็นเทพเจ้าแห่งการสังหารในสมรภูมิแห่งความตายแม้แต่นิดเดียว
ราวกับว่าชายชราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่เพราะเหตุใดกัน หลิงไท่ซวีถึงกลายเป็นบุคคลเช่นนี้?
เพราะเหตุใด เขาถึงละทิ้งศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่ของนักรบผู้มีสถานะเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม?
หรือว่าหลิงไท่ซวีต้องการจะทำอะไรบางอย่าง?
เจ้าชายอวี้ชินหวังให้ความเคารพจากใจจริงว่าหลิงไท่ซวีเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งที่สุดสำหรับจักรวรรดิของเขา
ทันใดนั้น…
ครืน!
พลังลมปราณที่รุนแรงสายหนึ่งก็แผ่ปกคลุมผืนฟ้า ลานจัตุรัสตกอยู่ภายใต้พลังกดดันที่หนักหน่วง คล้ายกับว่าเทพเจ้าแห่งความตายกำลังคืบคลานขึ้นมาจากขุมนรก และพร้อมแล้วที่จะกระชากวิญญาณทุกคนออกจากร่างกาย
พลังลมปราณเหล่านั้นมีสีดำเข้มเหมือนวิญญาณร้าย
แม่ทัพฉลามอู๋หยาทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนเวที
เขายกมือขึ้นกระดิกนิ้วเรียกหลินเป่ยเฉิน
“การต่อสู้คู่ที่สามจะเป็นเจ้ากับข้า” เสียงพูดเย็นเยียบยิ่งกว่าธารน้ำแข็งหมื่นปีที่ไม่มีวันละลาย
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนั้นอดตัวสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึกๆ
เขาดึงปืนไรเฟิล 98k กลับมาจากมือของเซียวปิง
“เสี่ยวจี้ ช่วยสแกนคิวอาร์โค้ดหาจุดอ่อนของแม่ทัพฉลามตัวนี้ให้หน่อย”
เด็กหนุ่มออกคำสั่งอยู่ในใจ
นี่คือการต่อสู้ที่มีความสำคัญมากที่สุดของวันนี้
หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องระมัดระวังตัวให้มากที่สุด และก่อนขึ้นเวที เขาก็ต้องรู้เสียก่อนว่าฝ่ายตรงข้ามมีจุดอ่อนอยู่ที่ตรงไหน
เพราะว่าเมื่อขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง หลินเป่ยเฉินก็มั่นใจว่าตนเองคงไม่มีเวลาได้สแกนร่างกายของแม่ทัพฉลามอู๋หยาแน่ๆ
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ผลการสแกนก็ออกมาว่า…