“เผ่าพันธุ์ชาวทะเล สายพันธุ์ฉลาม แม่ทัพฉลามอู๋หยา อายุ 98 ปี อยู่ในช่วงจุดสูงสุดของชีวิต พลังปราณธาตุพายุทะเลมืด มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 8…”
“ชำนาญเรื่องการใช้อาวุธทุกรูปแบบ แต่มีความโดดเด่นเรื่องการใช้กำปั้นมากที่สุด…”
“กระบวนท่าที่ควรระวัง ‘เพลงหมัดแยกมหาสมุทร’ ‘เพลงหมัดมังกรคู่’ ‘เพลงหมัดพายุทมิฬ’ ‘เพลงหมัดหลับใหลชั่วนิรันดร์’ ‘เพลงหมัดเกล็ดทมิฬ’…”
“จุดอ่อน : หลังใช้กระบวนท่าเพลงหมัดหลับใหลชั่วนิรันดร์ ร่างกายจะไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้เป็นเวลา 20 ลมหายใจ…”
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตาอ่านและจดจำข้อมูลในทันที
จากนั้น เขากัดยาลูกกลอนโอสถหกสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ใต้ลิ้น ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้พวกของฉู่เหินและเดินขึ้นเวทีไปอย่างแช่มช้า
การก้าวเดินของเขาเชื่องช้ายิ่ง
เพราะในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังส่งข้อความในแอปวีแชท
‘แน่ใจนะว่าเทพีกระบี่ไม่สามารถช่วยอะไรข้าได้อีก?’
นั่นคือประโยคข้อความที่เด็กหนุ่มสอบถามเทพีกระบี่หิมะไร้นามในแอปวีแชท
‘จริงแท้แน่นอนสิน้องชาย ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยเหลือเจ้านะ แต่พื้นที่ที่เจ้าอยู่ในตอนนี้ เป็นอาณาเขตของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ต่อให้มีวิหารของเทพีกระบี่ตั้งอยู่ ค่ายอาคมที่ใช้สำหรับการส่งผ่านพลังก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จึงหมายความว่าเทพีกระบี่ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้เลยจริงๆ’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
‘จะบอกว่าถ้าข้าถูกฆ่าตายบนเวที ท่านก็คงไม่สนใจเลยใช่ไหม?’
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจลองเอาความตายเข้าขู่
‘บัดนี้ เทพีกระบี่กำลังพยายามติดต่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเพื่อขอให้เขาไว้ชีวิตเจ้าอยู่นะ…’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมา
‘เอ่อ… แล้วไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้ เทพีกระบี่กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล มีความสัมพันธ์เป็นอย่างไรบ้าง?’
ในหัวใจของหลินเป่ยเฉินเริ่มเห็นความหวังขึ้นมารำไร
“จะบอกว่าอย่างไรดีนะ…”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก็ส่งข้อความกลับมาเพิ่มเติม ‘เรียกได้ว่าเคยต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายมาหลายครั้ง แต่จนถึงบัดนี้ ก็ยังตัดสินไม่ได้อยู่ดีว่าใครเป็นผู้ชนะกันแน่’
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
‘บอกเทพีกระบี่นะว่าไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องให้นางพูดถึงชื่อข้าให้เทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ยินด้วย เข้าใจไหม?’
เขารีบส่งข้อความกลับไปโดยเร็ว
‘เจ้าอย่าเพิ่งเสียใจนะว่าตนเองหมดหวังแล้ว น้องชายไม่ต้องเป็นห่วง พี่สาวคนนี้จะหาทางช่วยเหลือเจ้าแก้ไขปัญหาเอง ตราบใดที่เจ้าอดทนสักหน่อย… พี่สาวจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเด็ดขาด’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความตอบกลับมาด้วยความเป็นห่วง
หลังจากส่งข้อความโต้ตอบกลับไปกลับมาอยู่หลายข้อความ สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็เดินขึ้นมายืนอยู่บนเวทีแล้ว
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้
บรรยากาศตึงเครียด
“ได้ยินมาว่าเจ้ามีฝีมือไม่ต่ำต้อย”
แม่ทัพฉลามอู๋หยามองหน้าหลินเป่ยเฉินแล้วถอนหายใจ “เหตุผลที่ชาวเมืองหยุนเมิ่งยังคงไม่ยอมเปลี่ยนมานับถือเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก็เพราะพวกเขายังศรัทธาอยู่ในตัวเจ้า ซึ่งเป็นตัวแทนของเทพีกระบี่ นี่คงแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าได้รับความเคารพเป็นอย่างสูง”
“ต่อให้เจ้าพูดจาประจบเอาใจข้าไปจนตาย ข้าก็ไม่มีทางออมมือให้หรอก”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไป “แต่เห็นว่าเจ้าพูดจาฟังดูลื่นหู และก็มีความจริงใจใช้ได้ น่าจะเป็นคนดีอยู่ไม่ใช่น้อย เอาเป็นว่าข้าจะทำให้เจ้าตายโดยไม่ต้องทรมานเกินไปก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ดาวน์โหลดปืนอินทรีหิมะมาถือในมือ
เขายกปืนขึ้นยิง
เปรี้ยง!
แสงสว่างพวยพุ่ง
แม่ทัพฉลามอู๋หยาเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
มันยกมือขึ้นโบกสะบัดในอากาศ
แล้วกระสุนปืนอินทรีหิมะที่สามารถสังหารผู้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับที่ 4 มาแล้ว กลับถูกปัดกระเด็นออกไปสลายหายในอากาศ…
ได้อย่างง่ายดาย
“นี่หรือคือวิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตที่เจ้าภูมิใจเป็นนักหนา?”
แม่ทัพฉลามอู๋หยายิ้มมุมปากเป็นทำนองเย้ยหยัน “มีอานุภาพโจมตีรุนแรงน่าหวาดกลัว อาจจะสามารถใช้ได้กับพวกผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังทั้งหลาย แต่ถ้าจะใช้มันเป็นอาวุธสังหารข้า… เหอเหอเหอ”
มันยื่นฝ่ามือของตนเองออกมาข้างหน้า
บนฝ่ามือปรากฏร่องรอยการเผาไหม้
เป็นร่องรอยที่กระสุนปืนอินทรีหิมะทิ้งเอาไว้บนมือของแม่ทัพฉลาม
แต่ก็เป็นเพียงร่องรอยผิวหนังถลอกเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่ต่างจากรอยขีดข่วนบนผิวหนัง
อย่าว่าแต่เป็นอันตรายถึงชีวิต มันยังห่างไกลจากคำว่าบาดแผลอีกมากมายนัก
แต่ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือ เมื่อแม่ทัพฉลามอู๋หยายื่นมือออกมาข้างหน้า รอยขีดข่วนที่อยู่บนฝ่ามือของมันนั้นก็จางหายไปในเวลาอันรวดเร็วภายใต้การจ้องมองของผู้คนจำนวนมาก
“ได้ยินมาว่าการใช้วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตของเจ้านั้นเผาผลาญพลังลมปราณไม่ใช่น้อย และด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเจ้า เจ้าก็สามารถใช้วิชานี้ได้ติดๆ กันเพียง 3 ครั้งเท่านั้น จริงหรือไม่?”
แม่ทัพฉลามถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“นั่นมันเมื่อก่อน…”
หลินเป่ยเฉินยกปืนขึ้นเล็งอีกครั้ง “แต่บัดนี้ ข้ามีพลังมากกว่าเดิมแล้ว”
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ปืนอินทรีหิมะระเบิดลูกกระสุนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสามารถใช้ศิลาบูชาแทนการดูดพลังลมปราณจากร่างกาย ปืนอินทรีหิมะก็สามารถบรรจุกระสุนได้ล่วงหน้าถึงครั้งละ 20 นัด
หลินเป่ยเฉินใช้จังหวะที่ลั่นไกยิงกระสุนออกไปเคลื่อนย้ายตำแหน่งของตนเองด้วยความรวดเร็ว ทำให้ภาพที่ทุกคนพบเห็นในขณะนี้ก็คือ เด็กหนุ่มกำลังปล่อยลําแสงออกจากฝ่ามือพุ่งใส่ร่างกายของแม่ทัพฉลามอู๋หยาจากทุกทิศทุกทาง
ในสายตาของคนนอก หลินเป่ยเฉินสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งท่าร่างของตนเองได้อย่างมหัศจรรย์ยิ่ง เมื่อประกอบกับการใช้วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตด้วยความชำนาญ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีศัตรูคนไหนต้านทานได้
เสียงระเบิดปานฟ้าคำรามดังกังวานทั่วเวทีประลอง
พลังทำลายล้างแบบเต็มอัตราของวิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
สมาชิกของเผ่าพันธุ์ชาวทะเลทุกตัวเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
ฝ่ายชาวเมืองหยุนเมิ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความภาคภูมิใจ
พวกเขาหลายคนเคยเห็นกับตาว่าหลินเป่ยเฉินใช้วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตเผด็จศึกคู่ต่อสู้ผู้แข็งแกร่งมาแล้วนักต่อนัก
แต่โชคร้ายที่คู่ต่อสู้บนเวทีของเขาในวันนี้ เป็นแม่ทัพฉลามอู๋หยาจากหน่วยรบคลื่นทมิฬ
การโจมตีด้วยฝ่ามือลำแสงพิฆาตไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“หากเจ้ามีดีอยู่เพียงเท่านี้ เกรงว่าอนาคตของชาวเมืองหยุนเมิ่งก็คงถึงคราวจบสิ้นลงแล้ว”
แม่ทัพฉลามอู๋หยายืนอยู่ที่เดิม แต่ยกมือปัดป้องตลอดเวลา
ทุกครั้งที่มันยกมือขึ้นมาโบกสะบัด พลังลมปราณที่รวมตัวเป็นรูปทรงลูกกระสุนจากปืนอินทรีหิมะ ก็จะถูกปัดประเด็นสลายหายไปในอากาศ
ตัวมันมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 8 ร่างกายมีความแข็งแกร่งว่องไวมากกว่าชาวทะเลทั่วไป อีกทั้งดวงตายังสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวรอบตัวได้อย่างชัดเจน ดังนั้น การพุ่งเข้ามาของ ‘ลูกกระสุน’ เหล่านี้ แม้จะปกคลุมเข้ามาจากรอบทิศทาง แต่ก็ไม่มีลูกกระสุนนัดไหนเลยที่จะรอดพ้นสายตาของมันไปได้
หลินเป่ยเฉินเหนี่ยวไกยิงจนซองบรรจุพลังงานกระสุนของปืนอินทรีหิมะว่างเปล่า