“เจ้าคงถึงขีดจำกัดแล้วสินะ?”
แม่ทัพฉลามอู๋หยาเหยียดยิ้ม
ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เป็นประกายเย็นเยียบขึ้นมาทันที
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองทดสอบเพลงหมัดแยกมหาสมุทรของข้าดูหน่อยเป็นไร… เตรียมรับมือ!”
แล้วฉลามหนุ่มก็กระแทกหมัดออกมาข้างหน้า
หมัดถูกปล่อยออกมาแล้ว
การใช้กำปั้นคือหนึ่งในอาวุธหลักของอู๋หยา
พลังลมปราณในร่างกายถูกโคจรลงไปรวมอยู่ที่กำปั้น และกำปั้นของมันก็กำลังลอยเข้าไปหาหลินเป่ยเฉินพร้อมด้วยมวลพลังกดดันมหาศาล
พลัน หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัว
ร่างกายของเขาถูกตรึงให้ยืนอยู่ที่เดิม
ไม่มีหนทางให้ถอยหนี
“แอบปล่อยพลังกดดันออกมาไม่ให้คู่ต่อสู้เคลื่อนไหวได้อย่างกะทันหันงั้นหรือ?”
ไอ้ฉลามลอบกัดเอ๊ย!
คิดว่าพลังกดดันเพียงเท่านี้จะหยุดเขาได้หรือไง
พริบตานั้น หลินเป่ยเฉินตัดสินใจใช้งานไพ่ตายของตนเองออกมาโดยไม่ลังเล
เขาใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ เปลี่ยนแปลงเลือดในร่างกายเป็นพลังลมปราณ…
เขาเปิดเพลงในแอป NetEase Cloud Music เพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้…
กระบี่สายฟ้าดาวน์โหลดมาถืออยู่ในมือ…
หลินเป่ยเฉินฟันกระบี่ออกไปแนวขวาง
เป็นกระบวนท่าที่ห้าจากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทร
ลำแสงกระบี่พุ่งตัดผ่านอากาศ!
พลังกดดันที่คุกคามรอบกายสลายหายไป
กระบี่สายฟ้าเปรียบเสมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง เมื่อมาอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉิน อานุภาพการโจมตีคู่ต่อสู้จึงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
บัดนี้ เด็กหนุ่มเป็นผู้มีพลังปราณธาตุดิน สามารถดูดซับพลังขึ้นมาจากพื้นดินและถ่ายเทการโจมตีจากคู่ต่อสู้ลงสู่พื้นดินได้เช่นกัน
นี่หมายความว่าตราบใดที่สองเท้าของเขายังคงสัมผัสอยู่บนเวทีซึ่งตั้งอยู่บนพื้นดิน หลินเป่ยเฉินก็จะไม่มีวันหมดแรง
ตราบใดที่เท้าของเขายังสัมผัสอยู่บนเวทีแห่งนี้ หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถหยิบยืมพลังขึ้นมาจากพื้นปฐพีได้ตลอดเวลา
และเป็นการหยิบยืมพลังที่ไม่มีขีดจำกัด
ในเวลาเดียวกันนั้น หลินเป่ยเฉินยังสามารถถ่ายเทพลังการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามลงสู่พื้นดินได้เช่นกัน และนั่นช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี
แน่นอนว่าเป็นการถ่ายเทพลังที่ไม่มีขีดจำกัดอีกเช่นกัน
ด้วยความสามารถเฉพาะตัวของผู้มีพลังปราณธาตุดินเช่นนี้เอง หลินเป่ยเฉินจึงถือว่ามีข้อได้เปรียบอยู่พอสมควร
บัดนี้ เขาไม่สามารถปิดบังพลังปราณธาตุที่แท้จริงของตนเองได้อีกต่อไป
กระบี่สายฟ้าถูกฟาดฟันออกไปแล้ว
ลำแสงกระบี่สาดยาวกินรัศมีหลายสิบวา มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง แล้วคมกระบี่ในมือของหลินเป่ยเฉินก็ปะทะกับกำปั้นของแม่ทัพฉลามอู๋หยาเข้าอย่างจัง
เปรี้ยง!
คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันในระยะประชิด
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ต่างไปจากมีใครสักคนทิ้งระเบิดปรมาณูลงมาบนเวทีประลอง
แสงสว่างเจิดจ้าเหมือนมีดวงอาทิตย์ขนาดย่อมลอยอยู่เหนือทะเลสาบ ทำให้กลุ่มคนดูไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนๆ ก็ต้องหลับตาลงไปโดยปริยาย
เกาะกลางทะเลสาบขนาดใหญ่สั่นสะเทือนเหมือนเกิดเหตุแผ่นดินไหว
ผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ในลานไต่สวนคดีจำนวนมากล้มลงไปบนพื้นดินพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ
คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปถึงทะเลสาบโดยรอบ ทำให้ผิวน้ำก่อตัวกลายเป็นคลื่นสูงหลายเซี๊ยะจำนวนนับไม่ถ้วน
…
ในเวลาเดียวกันนี้
มีพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากเกี้ยวทองคำที่อยู่ห่างออกไปจากเวทีประลองราวสองร้อยกว่าวา
ชายชราที่อยู่ด้านในเกี้ยวผุดลุกขึ้นยืน
หญิงสาวที่อยู่ข้างกายต้องรีบจับแขนเขาเอาไว้
“ยังไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ว่า…”
“อย่างที่ท่านบอกนั่นแหละ เขาจำเป็นต้องเติบโตด้วยความสามารถของตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้น… ก็ไม่เป็นไร”
“อิอิ ข้าอยากถามท่านเหลือเกินว่า หากสักวันหนึ่งข้ากับหลินเป่ยเฉินต้องตกอยู่ในอันตรายพร้อมกัน และท่านสามารถเลือกช่วยได้แค่คนเดียว ท่านจะเลือกช่วยชีวิตผู้ใด?”
“คำถามนี้… ข้า…”
“หุหุ ลืมไปเถิด ข้าแค่ล้อท่านเล่นเท่านั้น” หลังจากหยุดชะงัก เสียงของหญิงสาวก็กล่าวต่อด้วยความอ่อนโยนว่า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง หากรู้สึกว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ ข้าจะลงมือเอง ข้ามีสถานะเป็นถึงองค์หญิงแห่งท้องทะเลเชียวนะ การช่วยชีวิตผู้คน ไม่นับว่าเป็นการผิดกฎอยู่แล้ว”
“ข้าช่างละอายใจเหลือเกิน”
ชายชราทรุดนั่งกลับลงไปอีกครั้ง
…
บนเวทีเต็มไปด้วยแสงสว่างแสบตา
ทว่า เพียงไม่กี่ลมหายใจ แสงสว่างเหล่านั้นก็หายไป
หลินเป่ยเฉินซวนเซถอยหลังไปหลายสิบวา
เท้าของเขาจมลงไปบนพื้นเวที เกิดเป็นรอยเท้าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทิ้งเป็นทางยาวอยู่เบื้องหน้า แต่รอบกายเด็กหนุ่มในขณะนี้ ไม่มีรอยเท้าให้เห็นอีกแล้ว
กระบี่สายฟ้าในมือหลินเป่ยเฉินสั่นไหวไม่หยุดยั้ง
ราวกับเป็นงูสีม่วงตัวหนึ่งที่กำลังตื่นกลัวสุดขีด
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ โคจรพลังลมปราณ แล้วความเจ็บปวดในร่างกายของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือการโจมตีของผู้มีพลังขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 8 อย่างนั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่าเป็นการโจมตีที่น่ากลัวมาก
เมื่อสักครู่นี้ หลินเป่ยเฉินแทบจะเห็นภาพร่างกายของตนเองถูกแรงระเบิดแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้ว
โชคดีที่เขายังปลอดภัย
ในบรรดาศัตรูที่หลินเป่ยเฉินเคยเผชิญหน้ามาทั้งหมด นับตั้งแต่ทะลุมิติมาอยู่ในโลกแห่งวรยุทธ์ แม่ทัพฉลามอู๋หยาคือศัตรูผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาพบเจอ
หลินเป่ยเฉินอดสงสัยไม่ได้ว่าต่อให้เป็นคุณชายเหลียนซานยามที่มีพลังปีศาจไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อกรของแม่ทัพฉลามอู๋หยาได้ด้วยซ้ำ
หากหลินเป่ยเฉินไม่ได้หยิบยืมพลังมาจากพื้นดิน และไม่ได้ถ่ายเทพลังการโจมตีลงสู่พื้นดินผ่านทางปลายเท้าลงสู่พื้นเวทีและไหลรินลงสู่พื้นดินด้านล่างอีกที ป่านนี้ อวัยวะภายในของเขาก็คงแหลกสลาย และหลินเป่ยเฉินคนนี้ก็คงต้องเจ็บปวดทรมานด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่แท้
ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินขยับข้อมือ
พลังลมปราณไหลเวียนลงไปสู่กระบี่สายฟ้า กระบี่สายฟ้าจึงกลายเป็นกระบี่ลำแสงอีกครั้ง
ฝั่งตรงข้าม
แม่ทัพฉลามอู๋หยากำลังยืนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ประเสริฐมาก นับว่าเจ้ามีฝีมือไม่ต่ำต้อยจริงๆ”
ฉลามหนุ่มพยักหน้า คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “หลินเป่ยเฉิน ด้วยอายุเพียงเท่านี้และมีระดับพลังเพียงเท่านี้ เจ้าถึงกับสามารถต้านทานเพลงหมัดแหวกมหาสมุทรของข้าได้สำเร็จ… เจ้าควรภูมิใจในตนเองอย่างยิ่ง”
ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าแม่ทัพฉลามอู๋หยาประหลาดใจไม่ใช่น้อย ที่พบว่าหลินเป่ยเฉินยังไม่เสียชีวิตหรือแม้แต่ได้รับบาดเจ็บ
ในขณะนี้ แม่ทัพฉลามอู๋หยาต้องยอมรับกับตัวเองแล้วว่า มันสมควรประเมินหลินเป่ยเฉินใหม่อีกครั้ง
การที่เด็กหนุ่มคนนี้กลายเป็นเสาหลักและศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองหยุนเมิ่ง คงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือโชคช่วยอีกต่อไป
มิเช่นนั้นแล้ว อย่าว่าแต่หลินเป่ยเฉินจะมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับที่สอง ต่อให้อยู่ในระดับหกหรือระดับเจ็ด ก็ไม่สามารถรับมือการโจมตีด้วยกระบวนท่าเพลงหมัดแยกมหาสมุทรได้เด็ดขาด สิ่งที่ควรจะเป็นก็คือ หลินเป่ยเฉินต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส กระอักเลือด ร่างกายสูญเสียการควบคุม และไม่สามารถลุกขึ้นกลับมายืนต่อสู้ได้อีก