เกล็ดปลาทมิฬที่พุ่งมานั้นพลันปะทะเข้ากับม่านพลังกำแพงโปร่งแสง และเมื่อพวกมันพุ่งทะลวงผ่านเข้ามา เกล็ดปลาทมิฬก็สลายหายไปกลายเป็นเพียงฝุ่นผงสีดำในอากาศ
“เป็นไปได้อย่างไร?”
แม่ทัพฉลามอู๋หยาเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
นี่เป็นเพลงกระบี่ชนิดใดกัน?
การโจมตีด้วยวิชาเพลงหมัดเกล็ดทมิฬของมันสามารถถูกทำลายได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าหลินเป่ยเฉินจะล่วงรู้ถึงการโจมตีของมัน จึงได้เตรียมตัวระมัดระวังอยู่ก่อนแล้ว และใช้งานเพลงกระบี่ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
การโจมตีด้วยวิชาเพลงหมัดเกล็ดทมิฬถือเป็นอาวุธลับชนิดหนึ่งของแม่ทัพฉลามอู๋หยา
ไม่ควรมีใครเตรียมตัวตั้งรับได้ทัน
ทันใดนั้น แม่ทัพฉลามอู๋หยาก็หันขวับไปมองทางเกี้ยวทองคำที่อยู่ห่างออกไป
ไม่ต้องสงสัยเลย
ติงซานฉือจะต้องเป็นคนแอบปล่อยข้อมูลให้ลูกศิษย์ของตัวเองรู้แน่นอน
ฉินฉู่อี้ เจิ้งเจินเจี้ยนและเซียงต้าหลงเคยรายงานว่าติงซานฉือและองค์หญิงแห่งท้องทะเลมีแผนคิดที่จะยืมมือหลินเป่ยเฉินมาสังหารแม่ทัพฉลามอู๋หยา แต่หลังจากนั้น ตัวตนในฐานะสายลับของพวกฉินฉู่อี้ก็ถูกเปิดโปง และด้วยความที่หลินเป่ยเฉินมีความเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมชนิดคิดไม่ถึง แผนการลอบสังหารหลินเป่ยเฉินจึงต้องล้มเหลวในท้ายที่สุด
แต่นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าองค์หญิงแห่งท้องทะเลกับติงซานฉือมีเจตนาคิดสังหารมันจริงๆ
หัวใจของฉลามหนุ่มกระตุกวูบด้วยความเจ็บปวด
แม่ทัพฉลามอู๋หยาหันหน้ากลับมาที่เวทีประลองอีกครั้ง
เป็นจังหวะเดียวกับที่ม่านกระบี่ครอบคลุมเข้าหา
หลินเป่ยเฉินกลับมาโจมตีต่อเนื่องด้วยเพลงกระบี่กระบวนท่าที่หกอีกครั้ง
แม่ทัพฉลามอู๋หยาผงะถอยหลัง
พลังลมปราณสีดำพุ่งออกไปข้างหน้า
แล้วในทันใดนั้น กลุ่มเมฆดำก็รวมตัวขึ้นมาบนท้องฟ้าเหนือเกาะกลางทะเลสาบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กลุ่มเมฆดำเหล่านั้นจะพุ่งลงมาหาร่างกายของแม่ทัพฉลามอู๋หยา ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นกำลังดูดก้อนเมฆลงมาอย่างไรอย่างนั้น
ในระหว่างที่ร่างกายของฉลามหนุ่มกำลังดูดซับก้อนเมฆลงมาจากท้องฟ้า บรรยากาศบนเวทีประลองก็ปั่นป่วนราวกับมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำ เสียงฟ้าคำรามดังครืนครัน สายลมกระโชกแรงส่งเสียงดังหวีดหวิว
“นี่มัน…”
หลินเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็ถึงกับชะงักไปทันที ในหัวใจอุทานออกมาว่า…
นี่เจ้าฉลามกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วใช่ไหม?
มีแต่ท่าไม้ตายเท่านั้นถึงจะสร้างบรรยากาศเช่นนี้ขึ้นมาได้
อันตรายที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นแล้ว
เพื่อที่จะเอาชนะเขาให้ได้ แม่ทัพฉลามอู๋หยาถึงกับต้องยอมใช้ท่าไม้ตายอย่างไม่มีทางเลือก
หลินเป่ยเฉินล่วงรู้แล้วว่าท่าไม้ตายของแม่ทัพฉลามอู๋หยา ก็คือกระบวนภาพเพลงหมัดหลับใหลชั่วนิรันดร์
วิกฤตการณ์ของเขามาถึงแล้ว
แม่ทัพฉลามอู๋หยามีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 8 ท่าไม้ตายของมันจึงมีพลังทำลายล้างมหาศาล
หลังจากตั้งสติได้ หลินเป่ยเฉินก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
เขาโยนกระบี่สายฟ้าทิ้งลงไปบนพื้น
เหมือนคนที่ต้องการยอมแพ้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะที่เย็นชาและอำมหิตดังออกมาจากปากของแม่ทัพฉลามอู๋หยา ไม่ต่างจากเสียงหัวเราะของเทพเจ้าแห่งความตาย
“ให้มันจบลงที่ตรงนี้เถิดหนา”
แม่ทัพฉลามอู๋หยาเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวจากเชื่องช้าเป็นรวดเร็ว ทันใดนั้น มันกระแทกหมัดออกมาข้างหน้า
นี่คือการต่อยหมัดที่แท้จริง
เป็นการกระแทกกำปั้นที่มีเพียงหมัดลุ่นๆ ปราศจากลำแสงพลังที่น่าตื่นตาตื่นใจ
การโจมตีในครั้งนี้ ม่านพลังโปร่งแสงไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินสะบัดมือของตนเองในอากาศ
กระบี่เงินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา
กระบี่เป็นประกายอ่อนโยนราวแสงจันทร์เต็มดวง
ด้ามจับก็ทำจากเงินบริสุทธิ์
เมื่อกระบี่วิเศษเล่มนี้ปรากฏขึ้นในมือเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เริ่มโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายทันที
ลำแสงสีเงินระเบิดเจิดจ้าออกมาจากร่างกายของเขา
กระบี่จันทราพิฆาตสว่างไสวเป็นลำแสงสวยงาม
นี่คืออาวุธวิเศษที่ท่านนักพรตใหญ่ทิ้งเอาไว้ให้เขาใช้ป้องกันตัว
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้มีโอกาสใช้งานมันอย่างจริงจังสักที
พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเด็กหนุ่มถูกโคจรลงไปอยู่ในกระบี่เล่มนี้หมดสิ้น
ไม่ต่างจากเทพีกระบี่ได้เข้ามาสถิตอยู่ในร่างกายของเขาอีกครั้ง
“ไม่น่าเป็นไปได้…”
ฉู่เหินพูดด้วยความมึนงง “เจ้าลูกเต่าเคยใช้กระบี่เล่มนี้ฆ่าหานเฉิงมาแล้ว ซ้ำหลินเป่ยเฉินเป็นคนพูดเองว่ากระบี่เล่มนี้เมื่อใช้งานออกมาแล้ว ก็สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เหตุไฉน… ทำไมเขาถึงสามารถใช้งานออกมาได้อีก ซ้ำพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง…”
ไม่ว่าจะเป็นหลิวฉีไห่ พานเว่ยหมินหรือคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงไปกับความเป็นจริงข้อนี้หมดสิ้น
พวกเขาทราบดีว่ากระบี่จันทราพิฆาตเป็นอาวุธวิเศษชนิดหนึ่ง สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินเป็นคนบอกเรื่องนี้ออกมาเอง
แต่ทว่าบัดนี้…
เซียวปิงยืนแทะน้องไก่อยู่ในความเงียบ
สีหน้าของเด็กหนุ่มร่างอ้วนบอกชัดถึงความไม่เข้าใจว่าทุกคนตกตะลึงในเรื่องราวใดกัน?
“เหตุไฉนพวกท่านถึงต้องเชื่อสิ่งที่ท่านพี่เป่ยเฉินพูดออกมาด้วยล่ะขอรับ?”
เซียวปิงอดถามออกมาไม่ได้จริงๆ
ทุกคนได้แต่เบิกตาโต
นั่นสินะ
พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน
หรือว่ากระบี่จันทราพิฆาตจะไม่ได้มีขีดจำกัดอยู่แค่การใช้งานเพียงครั้งเดียว?
หลินเป่ยเฉินมีนิสัยโกหกปลิ้นปล้อนเป็นทุนเดิม วาจาโดยส่วนมากมักเชื่อถือไม่ได้อยู่แล้ว
การที่เขาโกหกในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการปล่อยข่าวเท็จให้ศัตรูตายใจอย่างนั้นหรือ?
ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว
ช่างไร้ยางอายเกินไปด้วยเช่นกัน
“ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?”
ฉู่เหินถามออกมาด้วยความสงสัย
เซียวปิงระบายลมหายใจออกมายาวแรง “มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละขอรับที่จะป่าวประกาศว่าตนเองมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ เพราะยิ่งศัตรูดูถูกเรามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้นเท่านั้น”
ทุกคนได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
ให้ตายสิ
ยิ่งคิดก็ยิ่งใช่
ยิ่งคิดก็ยิ่งถูกต้อง
นั่นคือคำตอบที่เป็นเหตุและเป็นผล
ฟังดูน่าเชื่อถือ
ไม่ต้องแปลกใจอีกแล้วว่าทำไมหลินเป่ยเฉินกับเซียวปิง ถึงกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันได้ในที่สุด
เพราะว่าพวกเขาต่างก็มีความคิดเจ้าเล่ห์แสนกลเหมือนกันนั่นเอง
“ดูนั่นสิ…”
พลัน ไต้จือฉุนส่งเสียงอุทานออกมา
หลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่บนเวที ตอนนี้มีปีกคู่หนึ่งงอกออกมาบนแผ่นหลัง
เป็นปีกที่มีขนาดใหญ่ยิ่ง
แน่นอนว่ามันต้องเป็นปีกกระบี่อันแหลมคม ยามที่แทงทะลุขึ้นมาจากร่างกาย เสื้อที่หลินเป่ยเฉินสวมใส่อยู่ก็ขาดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปิดเผยให้เห็นถึงร่างกายท่อนบนที่กำยำด้วยมัดกล้าม ปีกกระบี่คู่นี้มีสีขาวราวกับงาช้าง และขนาดของมันก็ไม่ได้เล็กกระจิ๋วหลิวเหมือนเดิมอีกแล้ว
ลำแสงจากพลังศักดิ์สิทธิ์สาดกระจาย
แต่นี่ไม่ใช่พลังจากเทพีกระบี่เหมือนครั้งก่อน
เพราะมันเป็นพลังที่ไหลทะลักออกมาจากตัวของหลินเป่ยเฉินเอง
เมื่อสักครู่นี้ เขาดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์จากบรรดาผู้ศรัทธาในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิด ซึ่งบัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีผู้ศรัทธาอยู่เป็นจำนวนหลายพันคน เมื่อพลังของทุกคนรวบรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจากการสวดภาวนาตลอดการต่อสู้ หลินเป่ยเฉินก็มีพลังเพิ่มมากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว
เดิมที เด็กหนุ่มมีปีกกระบี่ที่สั้นเล็กดูน่ารัก เหมาะสำหรับเป็นปีกของคิวปิดน้อยเสียมากกว่า ใครจะไปคิดเลยว่าพลังศรัทธาของชาวเมืองจะเปลี่ยนแปลงเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ปีกกระบี่ของเขาเติบโตขึ้นมาถึงขนาดนี้
นี่มันเกินกว่าที่หลินเป่ยเฉินจะเคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก
เด็กหนุ่มกางปีกออกกว้าง
พลังศักดิ์สิทธิ์โคจรลงไปอยู่ที่กระบี่จันทราพิฆาต เซียวปิงคาดเดาได้ถูกต้องทุกประการ หลินเป่ยเฉินตั้งใจหลอกลวงทุกคนว่ากระบี่เล่มนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง กระบี่จันทราพิฆาตยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติทุกเมื่อ ตราบใดที่เขายังสามารถใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่นั่นเอง
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าระดับพลังในร่างกายของตนเองเพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่า
นี่หมายความว่าอานุภาพการโจมตีก็จะรุนแรงมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่?
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด ยามที่เยว่เว่ยหยางกางปีกกระบี่ออกมาทั้งสี่ข้าง นางจึงได้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น
หลินเป่ยเฉินมีพลังลมปราณแข็งแกร่ง เพราะสามารถหยิบยืมพลังขึ้นมาจากพื้นดินได้ไม่จำกัด…
หลินเป่ยเฉินมีพลังศักดิ์สิทธิ์จากแรงศรัทธาของชาวเมืองหลายพันคน…
หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ…
หลินเป่ยเฉินมีพลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้งจากการเปิดเพลงประกอบในพื้นหลัง…
จังหวะนั้น เด็กหนุ่มใช้กระบวนท่ากระบี่ที่หกออกมาโดยไม่ลังเล
ประกายกระบี่ลุกลามเข้าไปถึงข้างกายแม่ทัพฉลามอู๋หยา
ม่านกระบี่แผ่ปกคลุม
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
ได้ยินเสียงโลหะปะทะกับโลหะดังขึ้น
ประกายไฟสาดกระจาย
พลังลมปราณกระบี่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ยังคงโจมตีใส่กำปั้นของแม่ทัพฉลามอู๋หยาอย่างต่อเนื่อง
คิดไม่ถึงเลยว่าเพลงหมัดพิฆาตที่สามารถเด็ดชีพศัตรูมาได้ไม่เคยพลาด กลับตกอยู่ภายใต้การคุกคามของม่านกระบี่จนระดับความเร็วในการออกกําปั้นลดลง ความสามารถในการป้องกันตัวลดลง และพลังลมปราณของฉลามผู้ดุร้ายก็กำลังเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ…
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
แม่ทัพฉลามอู๋หยาเบิกตาโต
มันรู้สึกได้ถึงพลังคุกคามที่แผ่ออกมาจากตัวหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินกำลังกระพือปีกกระบี่บนแผ่นหลังอย่างน่าเกรงขาม
มนุษย์ผู้ต่ำต้อยและอ่อนแอ เหตุไฉนถึงได้มีพลังการต่อสู้สูงล้ำขนาดนี้?
ในตัวของหลินเป่ยเฉิน ยังมีพลังใดซุกซ่อนอยู่อีกบ้าง?
คิดมาถึงตรงนี้ พลังลมปราณจากตัวของแม่ทัพหน่วยรบคลื่นทมิฬก็สลายหายไปอย่างกะทันหัน
ไม่ต่างจากมังกรผู้ดุร้ายตกลงไปอยู่ในบ่อโคลน
ยิ่งพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น
พ่ายแพ้แล้ว
ถ้อยคำสามพยางค์ปรากฏขึ้นในจิตใจ
แล้วเงาแห่งความพ่ายแพ้ก็แผ่ปกคลุมทั่วร่างกายของแม่ทัพฉลามผู้เกรียงไกร
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย