“ไม่มีปัญหา ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง”
หลินเป่ยเฉินในยามนี้ไม่ต่างจากเทพเจ้าแห่งความตาย เขาเดินย่างสามขุม ถือกระบี่ตรงเข้าไปหาเป้าหมาย
“ไม่นะ… อย่า”
บรรดานายทหารฉลามผู้เป็นลูกน้องของแม่ทัพแห่งหน่วยรบคลื่นทมิฬ พร้อมใจกันถลาออกมาข้างหน้า เข้ารับการปะทะกระบี่สายฟ้าด้วยเลือดเนื้อของพวกมันเอง
เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินสะบัดข้อมือ ตวัดกระบี่ขึ้นแนวตั้ง
เหล่านักรบฉลามปลิวกระเด็นออกไป
เด็กหนุ่มยังคงเดินตรงไปข้างหน้า
และทุกครั้งที่มีนักรบฉลามพุ่งเข้ามาเพื่อจะหยุดยั้งเขา พวกมันก็ต้องลอยกระเด็นกลับออกไปอย่างรุนแรง
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็เดินไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าแม่ทัพฉลามอู๋หยา
“ฮ่าฮ่าฮ่า เข้ามาเลย…”
แม่ทัพฉลามอู๋หยายืนกัดฟันกรอด ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
“เลิกพูดได้แล้วน่า ยืนเฉยๆ รอรับความตายนั่นแหละดีแล้ว”
หลินเป่ยเฉินแทงกระบี่ออกไป
วูบ!
คมกระบี่สายฟ้าแทงทะลุหน้าผากแม่ทัพฉลามอู๋หยา
ปลายกระบี่ทะลวงออกไปสู่ท้ายทอยหลังศีรษะ
และนี่ก็คือจุดจบของแม่ทัพฉลามอู๋หยาผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
บรรยากาศปกคลุมด้วยความเย็นเยียบ
“โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ…”
ในลำคอของฉลามหนุ่มเกิดเป็นเสียงที่เหมือนกำลังหัวเราะแต่ไม่หัวเราะ ดวงตาเหลือกลานหมุนวนตลอดเวลา
ตอนที่มันตาย ดวงตาสีเขียวปัดก็ยังคงจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน…
หลินเป่ยเฉินรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
เขายกเท้าถีบร่างแม่ทัพฉลามอู๋หยาก่อนที่ตนเองจะหมุนตัวตีลังกากลับไปยืนอยู่ที่เดิม
ตุบ!
ร่างไร้วิญญาณของแม่ทัพฉลามอู๋หยาล้มลงไปบนเวที
หลินเป่ยเฉินจ้องมองซากศพของแม่ทัพฉลามผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากยืนขบคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็เดินเข้าไปใช้กระบี่ตัดศีรษะคว้านหัวใจคู่ต่อสู้ตามธรรมเนียมของตัวเอง
มันเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มสาบานว่าจะไม่มีทางลืมทำเด็ดขาดเมื่อสังหารศัตรู
จะมีใครสามารถรับประกันได้บ้างว่าเผ่าพันธุ์ฉลามจะไม่ได้มีร่างกายแปลกประหลาดพิสดารจนทำให้มันสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก?
“ไม่นะ…”
รองหัวหน้าหน่วยรบคลื่นทมิฬเห็นดังนั้น ดวงตาก็เป็นประกายลุกวาว
มันร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บแค้นใจ ดวงตาแดงก่ำ “หลินเป่ยเฉิน เจ้ามนุษย์ผู้โสมม ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าทุกคนที่รู้จักกับเจ้า ข้าจะต้องแก้แค้น ข้าจะต้อง…”
เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทดังขึ้น
แล้วศีรษะของฉลามหนุ่มผู้เป็นรองหัวหน้าหน่วยรบคลื่นทมิฬก็ระเบิดกระจาย
“ส่งเสียงหนวกหูอยู่ได้… คิดว่าข้าอารมณ์ดีเหมือนหน้าตาหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินถือปืนอินทรีหิมะอยู่ในมือข้างหนึ่งและเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “เฮอะ พวกเจ้ามันเป็นสัตว์ใต้ทะเลที่มีตาหามีแววไม่ คิดจะมากดขี่ข่มเหงชาวเมืองหยุนเมิ่ง… ถามความเห็นข้าแล้วหรือยัง?”
ตุบ!
ร่างที่ไร้ศีรษะของรองหัวหน้าหน่วยรบล้มตึงลงไป
หลินเป่ยเฉินถึงกับยอมไว้ชีวิตฝ่ายตรงข้ามมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะเห็นแก่ความซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นเจ้านาย
แล้วมันกล้าดีอย่างไรมาข่มขู่เขา?
ไม่มีทางปล่อยให้ลอยนวลเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินผู้นี้ไม่ใช่คนที่ใครจะมาล้อเล่นด้วยง่ายๆ
ดังนั้น เขาจึงชาร์จพลังปืนอินทรีหิมะและจัดการระเบิดสมองฉลามหนุ่มรองหัวหน้าหน่วยโดยไม่ลังเล
“พวกเราฆ่ามัน”
“เจ้าอย่าหวังที่จะรอดชีวิตอีกเลย”
“พวกเราจะไม่ปล่อยให้ท่านแม่ทัพต้องตายเปล่า”
นายทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพฉลามอู๋หยาเริ่มเรียกคืนสติกลับมาได้อีกครั้ง พวกมันถือกระบี่อยู่ในมือและวิ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินด้วยความดุร้าย
“ไร้ยางอาย”
“การต่อสู้จบลงไปแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก?”
“เจ้าพวกสัตว์ทะเล คิดจะละเมิดกฎการต่อสู้หรืออย่างไร?”
เมื่อเห็นว่ามีหน่วยรบฉลามกำลังจะพุ่งเข้าไปโจมตีหลินเป่ยเฉิน พวกของฉู่เหินก็เตรียมตัวจะกระโดดขึ้นไปบนเวทีด้วยความเดือดดาล
แต่อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีได้ยกมือห้ามทุกคนเอาไว้
“ไม่ต้องเป็นห่วง”
หลิงไท่ซวีส่ายหน้าพูดด้วยความเยือกเย็น
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทุกคนแล้ว นี่คือเสียงที่พวกเขาเริ่มคุ้นเคย
เสียงระเบิดจากวิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาต!
นี่คือวิชาการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวหลินเป่ยเฉิน เมื่อเสียงระเบิดปานฟ้าคำรามดังขึ้น ก็จะต้องมียอดฝีมือจบชีวิตลงเสมอ
แน่นอนว่าเมื่อมองขึ้นไปบนเวทีในขณะนี้ มือซ้ายของหลินเป่ยเฉินก็กำลังปลดปล่อยลำแสงสีเงินที่แปลกประหลาดเหล่านั้นออกมาไม่หยุดยั้ง
ร่างของนายทหารฉลามหนุ่มกระเด็นออกไปตัวแล้วตัวเล่า
ม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินมีความผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
นายทหารฉลามหนุ่มทั้ง 12 ตัวเหล่านี้มีระดับพลังสูงส่ง แต่พวกมันเข้าใกล้ตัวเขาได้ไม่ถึงห้าวา สุดท้ายก็ต้องปลิวกระเด็นกลับออกไป ล้มลงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นดิน
“พวกเจ้ายังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะมาสู้กับข้าได้หรอกนะ”
หลินเป่ยเฉินยกปืนขึ้นเป่าควันที่ปลายกระบอกปืน
เพราะเห็นว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพฉลามอู๋หยามีความรักและเทิดทูนผู้เป็นหัวหน้ามากถึงขนาดนี้
หลินเป่ยเฉินจึงตัดสินใจช่วยสงเคราะห์ฉลามหนุ่มเหล่านี้ ให้ส่งลงไปพบเจอกับหัวหน้าสุดที่รักของพวกมันในนรกเสียเลย
เป็นไงล่ะ
ไม่ต้องขอบคุณก็ได้นะ
ข้านี่แหละ เหลยเฟิงกลับชาติมาเกิด
บรรดาคนดูที่อยู่รอบเวทีถึงกับตกตะลึง
ช่างอำมหิตเหลือเกิน
ฆ่าตาย… หมดเลยหรือนี่?
การต่อสู้ดำเนินอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบของชาวทะเล หลินเป่ยเฉินไม่คิดจะไว้หน้ากันบ้างเลยหรือไร?
หรือว่าเขาไม่เคยมองเห็นชาวทะเลอยู่ในสายตามาตั้งแต่แรก?
เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ทำให้เหล่ายอดฝีมือและนายทหารระดับสูงของชาวทะเลเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกมันถึงกับสบถออกมาไม่หยุด
“มันฆ่าท่านแม่ทัพ”
“หลินเป่ยเฉินสังหารหน่วยรบคลื่นทมิฬ…”
“เด็กคนนี้โอหังมากเกินไปแล้ว”
นักรบชาวทะเลจำนวนมากรวมตัวกันเดินตรงไปที่เวทีประลองด้วยดวงตาแดงก่ำ
“อะไรกัน? ยังสนุกไม่พออีกหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่หวาดกลัวและเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “ฮ่าฮ่าฮ่า กฎการต่อสู้ในวันนี้ก็บอกอยู่แล้วนี่นา ผู้ชนะสามารถเอาชีวิตผู้ที่พ่ายแพ้ได้โดยชอบธรรม เหอเหอเหอ พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมีความสูงส่งอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ดูสภาพความเป็นจริงสิ พวกเจ้าเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายละเมิดกฎการต่อสู้ก่อน เมื่อสักครู่ การต่อสู้ยังไม่ทันจบลง พวกเจ้าก็ยกขบวนขึ้นมาบนเวทีเสียแล้ว บัดนี้ก็คิดที่จะล้มเลิกการต่อสู้เสียดื้อๆ เฮ้อ นี่น่ะหรือคือนักรบของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่พวกเจ้าภูมิใจเป็นนักหนา…”