หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปยังเส้นทางกระบี่ผ่าขุนเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
ในราตรีที่มืดมิด ถนนกลางหุบเขา เงาดำหลายสายกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต มีกลุ่มคนวิ่งไล่ตามอยู่ด้านหลัง ชัดเจนว่านี่คือการไล่ล่าฆ่าฟันของกลุ่มคนสองฝ่าย
เสียงตะโกนและการฆ่าฟันดังออกมาจากด้านในหุบเขา
เริ่มมีร่างมนุษย์เดินโซเซมาล้มลงสิ้นใจตายที่หน้าทางออกของเส้นทางกระบี่ผ่าขุนเขา…
“ขบวนกำลังเสริมถูกโจมตีจริงๆ ด้วย”
เมื่อเห็นดังนั้น หลู่หลิงโจวก็ไม่คิดซ่อนตัวอีกต่อไป นางนำทางลงจากยอดเขาพร้อมกับพูดว่า “เรารีบเข้าไปช่วยเหลือพวกเขากันเถิด”
“พี่ไต้ ท่านไปช่วยเหลือพวกเขา… ได้โปรดระวังตัว”
หลินเป่ยเฉินหันไปพูดกับไต้จือฉุน “เดี๋ยวข้าจะคอยระวังหลังให้เอง”
ไต้จือฉุนพยักหน้ารับทราบ “ตกลง”
เสียงพูดยังไม่ทันจางหาย
บัณฑิตหนุ่มก็พลิ้วกายไปข้างหน้า
ด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
เพียงไม่กี่ลมหายใจ ไต้จือฉุนกับหลู่หลิงโจวก็หายลับเข้าไปในเส้นทางกลางหุบเขา
บรรยากาศมืดมิด คบไฟสว่างวอมแวม
วูบ!
ไต้จือฉุนทิ้งตัวลงไปยืนขวางหน้ากลุ่มคนที่กำลังหลบหนี และชักกระบี่ออกมาบุกเข้าไปเผชิญหน้ากับฝ่ายผู้ไล่ล่า คมกระบี่สาดประกายระยิบระยับ ฝ่ายไล่ล่าเป็นนายทหารชาวทะเลสิบกว่าตัว พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนที่จะล้มลงตายราวกับใบไม้ร่วง
“รีบหนีไป มีคนรอรับทุกท่านอยู่”
ไต้จือฉุนตะโกนออกมาเสียงดัง
ฝ่ายผู้หลบหนีที่กำลังหมดหวังเมื่อพบเห็นว่ามีผู้คนมาช่วยเหลือตนเอง พวกเขาก็ตกตะลึง และเมื่อตั้งสติได้ ทุกคนก็วิ่งไปยังทางออกของเส้นทางกระบี่ผ่าขุนเขาด้วยความเร็วมากที่สุดในชีวิต
หลู่หลิงโจวดัดเสียงของตนเองให้แหบแห้งมากกว่าปกติขณะถามชายฉกรรจ์เบื้องหน้าว่า “วิหคเหินอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่?”
“อยู่ที่นี่”
เสียงที่บอกถึงความมีอาวุโสดังตอบกลับมา
ไต้จือฉุนที่ยืนอยู่ด้านข้างอดตกตะลึงไม่ได้
เมื่อสักครู่นี้ เขาลืมตัดเสียงของตนเองเสียสนิท
นี่อาจจะนำมาสู่หายนะใหญ่หลวงก็เป็นได้
เห็นได้ชัดว่าไต้จือฉุนยังขาดประสบการณ์งานสายลับภาคสนามอยู่พอสมควร
จังหวะที่บัณฑิตหนุ่มกำลังไขว้เขว นักรบชาวทะเลอีกสองตัวก็เข้ามาประชิดข้างกาย
วูบ! วูบ!
คมกระบี่สว่างไสว
หัวใจของไต้จือฉุนกระตุกวูบ
นี่มันพลังระดับยอดปรมาจารย์ไม่ใช่หรือ?
เพื่อจัดการกับขบวนกำลังเสริมจากนครเจาฮุย ชาวทะเลถึงกับต้องส่งยอดฝีมือออกมาแล้ว
ไต้จือฉุนไม่กล้าเสียสมาธิอีกต่อไป เขาสูดลมหายใจ และต่อสู้กับนักรบชาวทะเลทั้งสองตัวนั้นด้วยความดุเดือด
“อูลา รีดา คา คุนตะ…”
หนึ่งในเผ่าพันธุ์ดาวทะเลตะโกนออกมาฟังไม่รู้เรื่อง
แต่คู่หูของมันที่ยืนอยู่ข้างกันเหมือนจะเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี นักรบตัวนั้นผละออกไปพร้อมกับส่งเสียงคำรามในลำคอและพุ่งทะยานเข้าหาพวกของหลู่หลิงโจวด้วยความอำมหิต
ฟ้าว!
ลูกธนูสีดำพุ่งแหวกอากาศ
ลูกธนูเหล่านั้นพุ่งออกมาจากกองหนุนของนักรบชาวทะเลราวกับห่าฝน พุ่งตรงมาที่ขบวนมนุษย์ผู้หลบหนี
“แย่แล้ว”
ไต้จือฉุนไม่สามารถสลัดหลุดจากนักรบดาวทะเลได้เลย มันมีฝีมือถือกระบี่แข็งแกร่ง และเมื่อบัณฑิตหนุ่มต้องแบ่งสมาธิมาปัดป้องลูกธนูที่พุ่งเข้ามา นักรบดาวทะเลจึงฉวยโอกาสเข้าประชิดตัวและโจมตีหมายสังหารให้ดับดิ้น
ไต้จือฉุนกำลังจะใช้ท่าไม้ตายของตนเองออกมา…
ฟ้าว!
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศ
และก่อนที่นักรบดาวทะเลตัวนั้นจะได้ทำสิ่งใด ลูกศรดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าไปปะทะกับกระบี่ในมือมัน แต่ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น คมธนูยังพุ่งปักทะลุตัวนักรบดาวทะเลลอยไปติดตรึงอยู่บนผนังหินที่ด้านข้าง
ห่างออกไปไม่ไกล
หลินเป่ยเฉินเดินสวมหน้ากากเข้ามาอย่างแช่มช้า
มือข้างหนึ่งของเขาถือธนูเหล็กไหล มืออีกข้างประทับศรมังกรคราส ยิงใส่ฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งที่ก้าวเท้าเดิน
ลูกธนูสองดอกแรกยิงเข้าใส่นักรบดาวทะเลทั้งสองตัวนั้น
ส่วนลูกธนูอีกแปดดอกต่อมา จัดการสังหารนักรบชาวทะเลผู้ไล่ล่าส่วนที่เหลือ
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีร่างกายอยู่ในขั้นกระดูกทองคำ พละกำลังมากมายมหาศาล อานุภาพในการยิงศรมังกรคราสจึงเพิ่มขึ้นทวีคูณ ทุกครั้งที่สายธนูดีดตัว ลูกศรจะพุ่งทะยานออกไปเป็นแสงสว่างไสวราวกับแสงจันทรา เสียงลูกศรแหวกผ่านอากาศดังหวีดหวิว ก่อนที่นักรบชาวทะเลจะล้มลงไปสิ้นใจตายอย่างต่อเนื่อง
เมื่อลูกธนูพุ่งทะลวงผ่านร่างกาย แม้จะสวมใส่ชุดเกราะที่มีความแข็งแกร่ง แต่นักรบชาวทะเลประมาณสามถึงสี่ตัวก็ยังล้มลงไปร่างระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด
ลูกศรถูกยิงออกไปทั้งหมดแปดดอก
ไม่มีนักรบชาวทะเลสามารถยืนหยัดได้อีกแล้ว
บนเส้นทางกระบี่ผ่าขุนเขาเต็มไปด้วยอวัยวะของชาวทะเลกระจัดกระจาย
เลือดสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
“คูตะ คาคูตะ คุนคุนตะ…” นักรบดาวทะเลที่ถูกลูกธนูยิงตรึงอยู่บนผนังหินส่งเสียงกรีดร้องออกมาโหยหวน เลือดไหลทะลักออกมาจากปากและจมูก
หลินเป่ยเฉินน้าวคันธนูอีกครั้ง
ควับ!
ศรมังกรคราสประทับลงไป
หลินเป่ยเฉินยิงลูกธนูออกไปอีกสองดอก
ฟ้าว! ฟ้าว!
แล้วหัวของนักรบดาวทะเลตัวนั้นก็ถูกลูกธนูพุ่งทะลวงระเบิดกระจายเป็นคราบเลือดเปื้อนอยู่บนหน้าผาหิน
ไต้จือฉุนผู้ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
ช่างเป็นอาวุธสังหารที่ทรงพลังเหลือเกิน!
น้องชายร่วมสาบานของเขาสมควรถูกยกย่องให้เป็นผู้ชำนาญการใช้อาวุธสังหารอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่เพราะว่าไต้จือฉุนไม่เคยเห็นฉากการฆ่าฟันมาก่อน สำหรับเขาแล้ว หากชาวทะเลเหล่านี้มอบเวลาให้อีกสักหน่อย ไต้จือฉุนก็มั่นใจว่าตนเองจะต้องจัดการพวกมันได้แน่นอน ทว่าหลินเป่ยเฉินกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ก็สังหารฝ่ายตรงข้ามได้หมดสิ้น
วิธีการต่อสู้ของเด็กหนุ่มดุร้ายป่าเถื่อน
เต็มไปด้วยความรุนแรงที่สวยงาม
การเป็นศัตรูกับคนประเภทนี้ถือว่าเป็นฝันร้าย
โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นศัตรูกับหลินเป่ยเฉิน
“พี่ไต้ พวกมันคงมีกันอยู่เพียงเท่านี้ ท่านกลับไปหาหลู่หลิงโจวและคนอื่นๆ เถิด เดี๋ยวข้าเก็บกวาดซากศพของพวกมันเสร็จแล้วจะรีบตามไป”
หลินเป่ยเฉินว่า
ไต้จือฉุนพยักหน้า “ย่อมได้ น้องชายโปรดระวังตัว”
พูดจบ บัณฑิตหนุ่มก็พลิ้วกายไปตามทิศทางที่หลู่หลิงโจวและคนอื่นๆ หลบหนีไป
หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดกระบี่เงินออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์และลงมือตัดหัวคว้านหัวใจซากศพนักรบชาวทะเลเหล่านั้น บางตัวที่ยังไม่ตายก็ตายเสียในตอนนี้ ไม่ต้องทนเจ็บปวดทรมานอีกต่อไป…
นับเป็นภาพที่น่าสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง
เมื่อจัดการสังหารศัตรูจนไม่เหลือสิ้นแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เตรียมตัวจะใช้ผงละลายศพทำลายหลักฐานการสังหารหมู่ในครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านั้น เด็กหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะตรวจค้นซากศพเพื่อหาดูของมีค่า…
แน่นอนว่ามันเป็นขั้นตอนที่เขาไม่มีทางลืมเลือนเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินพบถุงเก็บของวิเศษจากศพนักรบดาวทะเลทั้งสองตัวนั้น
ในนั้นบรรจุไว้ด้วยเหรียญทองคำ อัญมณี ลูกปัดทะเลและของใช้ส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง
เช่นเดียวกับคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ของชาวทะเล
แต่คัมภีร์เหล่านั้นเขียนด้วยภาษาของชาวทะเล หลินเป่ยเฉินอ่านไม่ออก ทำได้เพียงเก็บมันเอาไว้ก่อน
แต่สิ่งที่เตะตาหลินเป่ยเฉินมากที่สุดก็คือป้ายประจำตัวที่ทำจากผลึกแก้วสองชิ้นของนักรบดาวทะเลคู่นี้
“ดูจากลักษณะของป้ายประจำตัวแล้ว เจ้าดาวทะเลคู่นี้คงมาจากหน่วยรบพิเศษ หรือไม่ก็ต้องเป็นองครักษ์ระดับสูงแน่ๆ อีกอย่าง พวกมันมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ คงไม่ใช่นายทหารธรรมดาเด็ดขาด…”
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดและหันหน้ามองไปยังทิศทางของเกาะกลางทะเลในตัวเมือง
หรือว่ากำลังจะมีบุคคลสำคัญของพวกชาวทะเลเดินทางมาที่เมืองหยุนเมิ่ง?
ถ้าเป็นเช่นนั้น…
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังขึ้นมาทันที
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่ามี ‘ของดี’ รอให้เขาเก็บจากซากศพของพวกมันเหล่านั้นอีกเยอะเลยล่ะสิ
เพียงคิดเด็กหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
พวกชาวทะเลที่เป็นคนใหญ่คนโตจะต้องพกของมีค่าอยู่กับตัวจำนวนมากแน่ๆ
เขาคงต้องรีบหาทางดักเล่นงานพวกมันให้ได้โดยเร็วที่สุด
คิดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอป Taobao ตรวจดูหมวดหมู่สินค้าที่เป็นอาวุธสังหาร เพราะอยากจะรู้ว่านอกจากปืนสไนเปอร์และปืนยิงจรวดพวกนั้นแล้ว มันยังมีอาวุธชนิดอื่นที่มีประโยชน์กับเขาวางขายอยู่อีกหรือไม่
หลังจากผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป
บนถนนที่ห่างออกไปจากเส้นทางกระบี่ผ่าขุนเขาราวสองลี้
“น้องหลินกลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าจัดการพวกมันเรียบร้อยดีหรือไม่?”
หลู่หลิงโจวผู้นำทางขบวนกำลังเสริมหลบหนีออกมาถามด้วยความเป็นห่วง
“จัดการเรียบร้อยดีแล้วขอรับ… เอ๊ะ”
หลินเป่ยเฉินตอบคำถามพร้อมกับเบิกตาโตเมื่อเห็นร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังหลู่หลิงโจว สีหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏความประหลาดใจไม่น้อย
“นี่เจ้า… มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามออกไปด้วยความเหลือเชื่อ
“พี่หลิน เราได้พบกันอีกแล้วนะเจ้าคะ”
เด็กสาวผู้นั้นสวมใส่หน้ากากครึ่งซีกสีเงินสวยงามอยู่ข้างหนึ่ง และเปิดเผยให้เห็นถึงใบหน้างดงามของนางอีกข้างหนึ่ง ดวงตาที่ปราดเปรียวนั้นปรากฏความดีใจขึ้นมาอย่างชัดเจน นางยิ้มแย้ม จ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินไม่วางตา
หากไม่ใช่เยว่หงเซียงแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้อีก?