หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดปลาตากแห้งออกมาจากแอปไป่ตู้เน็ตดิสก์หนึ่งตัว
มันเป็นปลาตากแห้งที่มีขนาดเท่าฝ่ามือคน
กลิ่นหอมชวนรับประทานโชยขึ้นมาเตะจมูก
หลินเป่ยเฉินแทบอยากจะลองชิมดูสักคำ
แต่โชคดีที่เขายังห้ามตัวเองได้ทัน
เขาไม่อยากเสี่ยงกับการต้องตายอย่างทุกข์ทรมานตามคำขู่ของธิดาอู๋ไห่จือตี้
ปลาตากแห้งตัวนี้เป็นของขวัญสำหรับเสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซาน
ฟุดฟิด
ฟุดฟิด…
จมูกของหมาป่าน้อยทั้งสองตัวกำลังขยับสูดดมยิ่งกว่าหลินเป่ยเฉินเสียอีก พวกมันได้กลิ่นปลาตากแห้ง จึงรีบวิ่งมาหาเด็กหนุ่มและพยายามตะกายไขว่คว้าปลาตากแห้งตัวนั้นไปรับประทาน หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นสูง หมาป่าน้อยทั้งสองจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้ามองด้วยแววตาละห้อย และพยายามทำตัวน่ารักเพื่อให้ผู้เป็นเจ้านายใจอ่อน…
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าให้กินแน่ แต่ขอตรวจสอบดูก่อนสักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินพูดปลอบใจพวกมัน
เขาสำรวจตรวจสอบปลาตากแห้งตัวนั้นด้วยความละเอียดรอบคอบ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าปลาตากแห้งตัวนี้มีพลังพิเศษบางอย่างแฝงอยู่
แต่มันไม่ใช่พลังปราณธาตุห้าสายหลัก
นั่นทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงหญ้าดาราน้อยที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยส่งมาให้เขาก่อนหน้านี้
เมื่ออากวงรับประทานเข้าไป มันก็เกิดอาการท้องเสียอย่างหนัก หลังจากนั้น อดีตราชันย์หนูอสูรก็มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาคือสามารถล่องหนได้ มิหนำซ้ำ ยังเลื่อนระดับพลังขึ้นเป็นยอดสัตว์อสูรอีกด้วย
ในเมื่อปลาแห้งตัวนี้เป็นของขวัญจากเทพเจ้า
มันก็น่าจะทำให้ลูกหมาป่าทั้งสองตัวของเขาเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว…
ก็จะต้องเกิดการกลายพันธุ์ใช่ไหม?
หลินเป่ยเฉินหัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น
แต่พอคิดถึงผลข้างเคียงจากการรับประทานอาหารเทพเจ้าของเจ้าหนูอากวงเมื่อครั้งก่อน หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจบิเนื้อปลาตากแห้งออกเป็นสองชิ้นเล็กๆ และแบ่งให้เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานรับประทานตัวละชิ้น
หมาป่าน้อยแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความหิวโหย
เมื่อรับประทานเรียบร้อย พวกมันก็ส่งเสียงครางออกมาพร้อมกัน
แล้วก็ทำท่าน่ารักน่าชังต่อไป
ในเวลาเดียวกันนี้ ก็ไม่มีสัญญาณที่จะบ่งบอกว่าพวกมันจะเกิดการกลายพันธุ์แต่อย่างใด
“หรือว่าเราจะคิดมากเกินไปวะ?”
หลินเป่ยเฉินบิเนื้อปลาออกเป็นชิ้นเล็กๆ และโยนให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวรับประทานอีกครั้ง
เมื่อเสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานรับประทานเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
“ช่างมันแล้วกัน สงสัยคงเป็นของกินเล่นธรรมดานี่แหละ”
หลินเป่ยเฉินบิเนื้อปลาออกเป็นอีกสองชิ้นและโยนให้เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานรับประทานอย่างต่อเนื่อง
“โฮ่ง…”
หลังรับประทานเนื้อปลาหมดไปครึ่งตัว ลูกหมาป่าทั้งสองก็วิ่งวนไปมาด้วยความตื่นเต้น
แต่ในลมหายใจต่อมานั้นเอง พวกมันก็ยืนโงนเงนเหมือนคนเมาสุรา
“โฮ่ง…”
เสี่ยวเอ้อร์มีดวงตาเหม่อลอย คล้ายกับว่ามันมองไม่เห็นทุกอย่างในสภาพแวดล้อมรอบตัวอีกแล้ว สุดท้าย เจ้าหมาป่าน้อยก็พลัดตกลงไปจากเตียงนอนของหลินเป่ยเฉิน ก่อนที่มันจะสะบัดศีรษะอย่างรุนแรง เหมือนพยายามเรียกสติของตนเองกลับคืนมา
การสะบัดศีรษะครั้งนี้จะมีอะไรแปลกประหลาดพิสดารเกิดขึ้นหรือไม่
หลินเป่ยเฉินจ้องมองด้วยความลุ้นระทึก ดวงตาแทบหลุดออกจากเบ้า
เขาคิดว่าตนเองตาลาย
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นขยี้ตา
ปรากฏว่าเขาไม่ได้ตาลายหรือว่าตาฝาด
หลังจากที่เสี่ยวเอ้อร์สะบัดศีรษะของตนเองเพื่อไล่ความมึนงงนั้น
เจ้าหมาน้อยก็มีหัวใหม่งอกออกมาและกลายเป็นลูกหมาป่าสองหัวไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
แล้วเขาก็ได้เห็นว่าขนที่มีลวดลายสายฟ้าฟาดบนตัวของลูกหมาป่าทั้งสอง พลันมีแสงสว่างไสวเหมือนพิกาจูกำลังจะปล่อยพลังไฟฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
แต่หลังจากนั้น เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานก็ไม่มีอาการแปลกประหลาดอะไรอีก
“ท่านพ่อ…”
ทันใดนั้น มีเสียงของเด็กน้อยดังขึ้นในห้องนอนของหลินเป่ยเฉิน
“ว่าไงลูก… เฮ้ย?”
หลินเป่ยเฉินเผลอรับคำอย่างลืมตัว ก่อนที่สุดท้ายต้องสบถออกมาด้วยความตกใจ
ใครเรียกเขานะ?
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ…”
เสียงเด็กน้อยดังขึ้นอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินกวาดตามองหาที่มาของเสียงและสุดท้ายเขาก็พบว่าเสียงนั้นดังออกมาจาก…
เสี่ยวซาน
เจ้าลูกหมาน้อยกำลังมองหน้าเขาอย่างกระตือรือร้น
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ… ข้ายังอยากรับประทานอีก… อร่อยเหลือเกิน…”
ดวงตาที่ใสชื่อบริสุทธิ์มีความสดใสเหมือนอัญมณีจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินไม่วางตา
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เขาควรจะทำอย่างไรดี?
เดี๋ยวก่อนสิ
“นี่เจ้าพูดได้อย่างนั้นหรือ?”
เขาอุ้มเสี่ยวซานขึ้นมามองหน้า
“ท่านพ่อ นี่ข้าเอง… เนื้อปลาเมื่อสักครู่… มันอร่อยมาก… มีอีกหรือไม่…”
เสี่ยวซานยื่นขาหน้าของมันออกมาอย่างขอร้องอ้อนวอน
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถยืนยันกับตนเองได้แล้ว
เป็นลูกหมาป่าตัวนี้กำลังพูดกับเขาอยู่จริงๆ ด้วย
มันทำได้ยังไงกันนะ?
หรือว่าจะเป็นเพราะ…
หลินเป่ยเฉินวางตัวเสี่ยวซานกลับลงไปบนเตียงนอนอย่างระมัดระวัง และนำปลาตากแห้งอีกครึ่งซีกที่เหลืออยู่ออกมาดูด้วยความพินิจพิเคราะห์
ปรากฏว่าปลาตากแห้งที่เป็นของขวัญจากธิดาอู๋ไห่จือตี้… สามารถสร้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้จริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเอ้อร์ที่เมื่อสักครู่มีศีรษะใหม่งอกออกมาเป็นหมาป่าสองหัว ขณะนี้ มันก็กลับมามีเพียงศีรษะเดียวเหมือนเดิมแล้ว
ส่วนเสียงพูดของเสี่ยวซานก็หายไป และกลับกลายเป็นเสียงครางหงิงๆ ของลูกหมาตามปกติ
ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังควบคุมพลังพิเศษของตนเองได้ไม่ดีสักเท่าไหร่
หลินเป่ยเฉินไม่กล้านำเนื้อปลาตากแห้งให้สัตว์เลี้ยงของตนเองกินส่งเดชอีกแล้ว
เพราะว่าหากปลาตากแห้งวิเศษพวกนี้มีพลังรุนแรงมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เจ้าลูกหมาทั้งสองตัวเสียชีวิตได้
ค่อยๆ ให้กินทีละนิดทีละหน่อยดีกว่า
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานก็เผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว
พวกมันหลับลึก
ราวกับสัตว์ป่ากำลังจำศีล
“ย่อยพลังจากปลาตากแห้งเสร็จเมื่อไหร่ เดี๋ยวพวกมันก็ตื่นขึ้นมาเองนั่นแหละนะ”
หลินเป่ยเฉินเริ่มทำความเข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
เขามองปลาตากแห้งที่เหลืออยู่อีกครึ่งตัวในมือของตนเอง แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาควรเอาเนื้อปลาส่วนนี้ไปให้เจ้าลูกเสือกลายพันธุ์กินด้วยหรือเปล่า?
บัดนี้ เจ้าลูกเสือเกิดมาพร้อมกับพลังที่อยู่ในขั้นยอดสัตว์อสูร หากได้รับประทานเนื้อปลาวิเศษเข้าไป ไม่แน่ว่าระดับพลังของมันอาจจะพุ่งขึ้นสูงมากกว่าเดิมอีก
เด็กหนุ่มลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิด
ไม่คุ้มค่า
เขาเก็บเนื้อปลาเอาไว้ให้เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานกินต่อไปดีกว่า
เมื่อนำลูกหมาป่าทั้งสองตัวไปวางบนที่นอนของพวกมันแล้ว หลินเป่ยเฉินก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่อีกอึดใจใหญ่ ก่อนที่ตัวเขาเองจะเผลอหลับไปในที่สุดเช่นกัน
…
ดึกสงัด
เมฆดำเต็มท้องฟ้า
ณ ลำน้ำที่เงียบสงบภายในเมืองหยุนเมิ่ง
เหลียวหวังซูสวมใส่เสื้อคลุมสีดำสนิทราวกับเป็นวิญญาณในค่ำคืนอันมืดมิด เขายืนอยู่ริมน้ำเพียงลำพัง เมื่อจุดธูปสีแดงเสร็จเรียบร้อย ชายชราก็นำมันไปปักไว้บนร่องหินริมน้ำและรอคอยอยู่ในความเงียบ
ไม่นานหลังจากนั้น
“เจ้าต้องการนัดพบด้วยเหตุอันใด?”
เสียงคนดังขึ้นมาจากลำน้ำ
เหลียวหวังซูสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
ในรอบบริเวณไม่มีผู้ใดอยู่เลย
แต่บนผิวน้ำที่กำลังพริ้วไหวเป็นระลอกคลื่นมีเงาสะท้อนของหญิงชราหลังค่อมในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าผู้หนึ่ง กำลังยืนถือไม้เท้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ทราบว่าทางท่านนักบวชมีข้อความจากมหาวิหารสมุทรบ้างหรือไม่?”
เหลียวหวังซูลดเสียงลงเป็นกระซิบ
“เรื่องที่เราสั่งให้เจ้าทำ เจ้าปฏิบัติเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
หญิงชราถามกลับมาแทนที่จะตอบคำถาม
เหลียวหวังซูขมวดคิ้วตอบกลับไปว่า “ข้าน้อยได้แจ้งรายละเอียดให้แก่กลุ่มกบฏรับทราบเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงท่านระบุเวลาลงมือมาเท่านั้น ข้าน้อยก็พร้อมปฏิบัติการได้โดยทันที เพียงแต่ว่าเหตุผลการนัดพบในครั้งนี้…” หลังจากหยุดเล็กน้อย ชายชราก็คลี่ยิ้มพูดต่อว่า “ระหว่างที่เดินทางมายังเมืองแห่งนี้ ข้าน้อยได้รับภารกิจใหม่ หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าท่านนักบวชจะให้ความร่วมมือ”
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเรียกร้องอะไรจากข้า”
น้ำเสียงของหญิงชราหลังค่อมเย็นชาและแข็งกระด้างราวกับเหล็กกล้า
เหลียวหวังซูหัวเราะในลำคอเล็กน้อย และกล่าว “เหตุไฉนท่านถึงไม่ยอมฟังเหตุผลก่อน”
หญิงชราหลังค่อมตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีเวลา 20 ลมหายใจ หวังว่าเจ้าคงไม่โง่เขลามากเสียจนพูดแต่สิ่งที่ไร้สาระออกมา… ขอบอกตามตรงเลยว่า หากเจ้าไม่ใช่ผู้สนับสนุนคุณชายเว่ย เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พูดคุยกับข้าด้วยซ้ำ”
เหลียวหวังซูฉีกยิ้มด้วยความลำพองใจ “ข้าน้อยไม่ต้องการ 20 ลมหายใจหรอกขอรับ แค่ลมหายใจเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะสิ่งที่ข้าน้อยอยากจะพูด มีเพียงสามพยางค์เท่านั้นคือ… หลินเป่ยเฉิน”
ร่างของหญิงชราบนผิวน้ำสั่นไหวโดยทันที
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการสั่นไหวของผิวน้ำเท่านั้น
หญิงชรายังคงรับฟังคำพูดของเหลียวหวังซูทุกถ้อยคำ
แววตาของนางเป็นประกายแปลกประหลาดเล็กน้อยขณะพูดว่า “เจ้าอยากยืมมือฆ่าคนอย่างนั้นสินะ?”
เหลียวหวังซูก้มหน้า ตอบว่า “เด็กคนนี้สมควรตายนานแล้วไม่ใช่หรือขอรับ? และข้าน้อยได้ยินมาว่าทางท่านเองก็มีเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วลำน้ำ
ผิวน้ำไหวเป็นระลอกคลื่นซัดเข้ามากระทบริมฝั่ง
เงาสะท้อนบนผิวน้ำกระจายตัวหายไปแล้ว
“ตกลง ข้าจะสังหารเด็กหนุ่มผู้นั้นเอง”
เสียงพูดของหญิงชราลอยมากับสายลมยามราตรี
มุมปากของเหลียวหวังซูบิดตัวเป็นรอยยิ้ม
เขาดึงผ้าคลุมศีรษะขึ้นมาปิดบังโฉมหน้าของตนเอง ก่อนหมุนตัวเดินออกไป
ไม่ต่างจากวิญญาณร้ายในค่ำคืนอันมืดมิดตนหนึ่ง
ไม่ว่าเหลียวหวังซูจะไปยังแห่งหนใด เขาก็ต้องนำความตายและมหันตภัย รวมถึงการทรยศหักหลังไปสู่สถานที่นั้นๆ ด้วยเสมอ
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย