หวังจงก้มหน้า เข้าใจดีทุกอย่าง
นายน้อยตั้งใจโทษให้เป็นความผิดของเขา
หวังจงจึงต้องยอมรับและไหลตามน้ำโดยเร็ว
เฉียนเหมยต้มน้ำชาและนำมามอบให้แก่ทุกคน
“ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงกำลังปฏิบัติภารกิจของทางการ ขณะนี้ไม่มีเวลาว่างมายุ่งเกี่ยวกับเจ้า”
หยางเฉินโจวยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ “ยิ่งไปกว่านั้น เด็กทั้งสองคนนี้เป็นสมาชิกของกลุ่มกบฏ จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด ใช่แล้ว และที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเจ้า”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างตอบกลับไป “อยู่ดีๆ ทุกคนก็มีเรื่องอยากจะพูดคุยกับข้าหมดเลยนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า พี่หยางมีอะไรเชิญว่ามา”
หยางเฉินโจวกล่าว “การประชุมเมื่อคืนนี้ ใต้เท้าเหลียวหวังซูพยายามจะกล่อมให้พวกเราปฏิบัติภารกิจ…”
และอดีตช่างตีเหล็กก็ทบทวนสิ่งที่เหลียวหวังซูพูดออกมาทุกถ้อยคำ
เมื่อรับฟังจบ สีหน้าของหลินเป่ยเฉินก็เย็นชาจนน่ากลัว
เหลียวหวังซูคิดจะประกาศสงครามและทำให้ชาวเมืองหยุนเมิ่งผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายกันหมดหรืออย่างไร?
หากแผนการครั้งนี้เป็นการตัดสินใจจากนครเจาฮุย ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าทางเมืองหลวงของจักรวรรดิเป่ยไห่ มองเห็นว่าชีวิตของชาวเมืองหยุนเมิ่งไม่มีค่าใดๆ เลย
ทุกคนกำลังจะถูกส่งออกไปตายภายใต้คมกระบี่ของชาวทะเล
ไม่รู้เลยว่าจะต้องมีคนเสียชีวิตมากมายขนาดไหน
แทนที่จะช่วยอพยพผู้คนออกไปจากเมืองหยุนเมิ่ง ทางเมืองหลวงกลับคิดที่จะใช้ชาวเมืองเป็นระเบิดมนุษย์ เพื่อสร้างความเสียหายให้แก่ชาวทะเลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างนั้นหรือ?
“แล้วพี่หยางมีความคิดเห็นว่าอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมา
หยางเฉินโจวตอบว่า “ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียง รวมถึงยอดฝีมืออีกหลายคนไม่เห็นด้วยกับการแผนการนี้ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเหลียวหวังซูได้ พี่น้องของพวกเราจึงรู้สึกอึดอัดขัดใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าก็เลยมาปรึกษาเจ้านี่แหละ”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด แต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า สรุปว่าพี่หยางอยากจะว่าจ้างข้าให้ไปกำจัดเจ้าสุนัขเฒ่าเหลียวหวังซูใช่หรือไม่? เหอเหอเหอ ได้เลยขอรับ ข้าเองก็อยากจะจัดการเขาอยู่แล้ว เรื่องราคาเราสามารถพูดคุยกันได้”
หยางเฉินโจวกระพริบตาปริบๆ
เขาพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หยางเฉินโจวได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ
“ไม่ใช่”
อดีตช่างตีเหล็กรีบตอบกลับเร็วไว “ข้าหวังให้เจ้าเข้าไปพูดคุยกับเหลียวหวังซู โน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนแผนการและล้มเลิกความคิดผีสางเช่นนี้ไปเสีย”
“ให้ไปพูดคุยเนี่ยนะขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงครางอย่างลำบากใจ “กับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ใช้น้ำเย็นเข้าลูบคงไม่ได้ผล คุยด้วยดีๆ ย่อมไม่รู้เรื่อง เราฆ่าเขาทิ้งเลยไม่สะดวกกว่าหรือขอรับ?”
หยางเฉินโจวได้แต่เบิกตาโต
เขาไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย
ทำไมการพูดคุยและทำความเข้าใจกับหลินเป่ยเฉิน มันถึงได้ยากเย็นเช่นนี้หนอ?
“ไม่ได้”
หยางเฉินโจวรีบอธิบายรายละเอียดโดยเร็ว “เจ้าต้องไม่ลืมสิว่าใต้เท้าเหลียวหวังซูเป็นหัวหน้ากลุ่มกบฏของพวกเรา เขาคือความหวังของชาวเมืองหยุนเมิ่ง เราจะไปลบหลู่ดูหมิ่นเขาไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น ข้าจึงหวังว่าน้องหลินจะใช้สถานะที่สูงส่งของตนเอง เข้าไปพูดคุยกับใต้เท้าเหลียวอย่างตรงไปตรงมา นับดูผู้คนทั่วเมืองหยุนเมิ่ง ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถโน้มน้าวใจใต้เท้าเหลียวได้มากกว่าเจ้าอีกแล้ว”
“จะให้ข้าไปพูดคุยกับเหลียวหวังซูเนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดมาก “เว้นแต่ว่า ถ้าพวกท่านจ่ายมาหนึ่งแสนเหรียญทองคำนั่นก็อีกเรื่อง”
หยางเฉินโจวและฉู่เหินไม่รู้เลยว่าตนเองสมควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
วิธีการปฏิเสธผู้คนของหลินเป่ยเฉิน มักจะไม่เหมือนใครเสมอ
หลินเป่ยเฉินยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม แต่ก็ต้องรีบพ่นพรวดออกมาเพราะมันร้อนมากเกินไป เด็กหนุ่มยกมือปาดริมฝีปาก และพูดตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แต่นอกจากปัญหาแผนการของกลุ่มกบฏที่น่าปวดหัวแล้ว ก็ยังมีปัญหาอีกหนึ่งอย่างที่ข้าคิดว่าพวกเราสมควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าฉู่เหินและหยางเฉินโจว พร้อมกับพูดว่า “ชาวเมืองทุกคนจะรอดพ้นจากฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงได้อย่างไร?”
เมื่อพูดถึงปัญหาข้อนี้ สีหน้าของฉู่เหินกับหยางเฉินโจวก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจังขึ้นมาทันที
พวกเขาไม่เคยนึกถึงปัญหาข้อนี้มาก่อน
จึงยังไม่มีคำตอบ
สภาพอากาศหนาวเย็นมากขึ้นทุกวัน
ลมหนาวปกคลุมตัวเมืองตั้งแต่เช้าตรู่
การหาอาหารกลายเป็นปัญหาเร่งด่วน
มีผู้คนหิวโหยและต้องอดตายมากมายตามท้องถนน
วิเคราะห์จากสถานการณ์เหล่านี้ คงใช้เวลาอีกไม่เกินสิบวัน เมืองหยุนเมิ่งก็จะตกอยู่ในสภาพขาดแคลนอาหารอย่างหนัก และกำลังจะต้องมีชาวเมืองจำนวนมากอดอาหารตาย
หรือว่าพวกเขาควรพาชาวเมืองอพยพไปที่เมืองหลวง?
เป็นไปไม่ได้
จากเมืองหยุนเมิ่งไปถึงนครเจาฮุย มีระยะทางกว่าสองพันลี้ บางส่วนของเส้นทางเป็นภูเขาสูงชันและแม่น้ำกว้างใหญ่ รวมถึงมีพื้นที่อีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกปกครองโดยชาวทะเล
บัดนี้ ชาวทะเลบุกยึดพื้นที่หากินของผู้คนบนแผ่นดินใหญ่มากขึ้นและมากขึ้นไม่หยุดยั้ง
พวกมันเห็นมนุษย์เป็นเพียงสัตว์ป่าที่อยู่ตามภูเขาและผืนป่าธรรมชาติ เมื่อบุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกมัน ชาวทะเลก็จะสังหารมนุษย์ดับดิ้นโดยไร้ซึ่งความเมตตา
และก่อนหน้านี้ ชาวทะเลก็เคยออกกฎเอาไว้แล้วว่า
ห้ามไม่ให้มนุษย์อพยพออกจากถิ่นที่อยู่อาศัยของตนเองเด็ดขาด
ผู้ใดอพยพจะมีโทษถึงประหารชีวิต
เมืองหยุนเมิ่งมีประชากรราว 10,000 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและคนชรา คนป่วยหรือไม่ก็คนพิการ หากอยากจะนำพวกเขาเดินทางเป็นระยะทาง 2,000 ลี้ไปให้ถึงนครเจาฮุย ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ชาวทะเลจะไม่รู้ตัว
เมื่อพวกมันรู้ตัวแล้ว การสังหารหมู่ก็จะเกิดขึ้น
นี่คือปัญหาที่ไร้ทางออก
ก่อนหน้านี้ หยางเฉินโจว ฉู่เหินและยอดฝีมือคนอื่นๆ ได้ปฏิเสธคำเชิญอพยพ เพราะไม่อยากทิ้งให้หลินเป่ยเฉินต้องอยู่เผชิญหน้าความยากลำบากเพียงลำพัง
ส่วนถ้าหลินเป่ยเฉินคิดที่จะอพยพไปเพียงตัวคนเดียวนั้น พวกเขาก็คงว่าอะไรไม่ได้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของชาวเมืองอย่างจริงใจ…
“มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น”
ฉู่เหินกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น “เราต้องพาทุกคนอพยพจากที่นี่ไปเมืองหลวงให้ได้”
หยางเฉินโจวพูดเสียงเบาราวกระซิบ “แต่เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้…”
“ข้าอยากจะลองดู”
ฉู่เหินตอบน้ำเสียงหนักแน่น “เพราะมีเพียงการอพยพผู้คนหลบหนีออกจากเมืองหยุนเมิ่งเท่านั้น พวกเราถึงจะมีความหวัง ถ้าโชคเข้าข้างเราสักนิด ก็น่าจะมีผู้รอดชีวิตเป็นกลุ่มใหญ่…”
หยางเฉินโจวถึงกับพูดอะไรไม่ออก
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจัดการได้เลยขอรับ”
หยางเฉินโจวกับฉู่เหินหันมามองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความงงงัน
เริ่มจัดการอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินกล่าวเสริมว่า “จัดการวางแผนเส้นทาง แจ้งเตือนชาวเมือง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกล พวกเราจะออกไปจากเมืองนี้ด้วยกันทั้งหมด”
“แต่ว่า…”
หยางเฉินโจวพูดขัดขึ้น “แล้วแผนการของกลุ่มกบฏล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับตนเอง “ปัญหาข้อนี้แก้ไขได้ง่ายมาก เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”
หยางเฉินโจวเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อมากกว่าเดิม
“ไม่ได้นะ”
ชายหนุ่มรีบพูดด้วยความกระวนกระวาย “น้องหลิน เจ้า…เจ้ามีงานต้องทำอีกเยอะ… เดี๋ยวข้าไปคุยกับใต้เท้าเหลียวเองก็ได้ ข้าจะแจ้งความต้องการของเจ้าให้เขารับทราบ”
เขากลัวว่าถ้าหลินเป่ยเฉินไป ‘พูดคุย’ ในตอนนี้ เหลียวหวังซูอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเอาได้
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจท่าน แต่ถ้าวิธีการของพี่หยางไม่ได้ผล ข้าก็จะใช้วิธีการของข้าเอง”
ฉู่เหินกับหยางเฉินโจวอดรู้สึกเหงื่อตกแทนเหลียวหวังซูขึ้นมาไม่ได้
ในเมืองนี้จะมีเรื่องกับใครก็ได้ แต่ไม่ควรมีเรื่องกับหลินเป่ยเฉินเด็ดขาด
พวกเขาพูดคุยกันอีกเพียงไม่นาน สุดท้าย ฉู่เหินกับหยางเฉินโจวก็ขอตัวกลับ
หลินเป่ยเฉินยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลังจากขบคิดอะไรอยู่อีกพักใหญ่ เด็กหนุ่มก็มีสีหน้าไม่สบายใจขึ้นมาชอบกล
เขาจำเป็นต้องทําอะไรสักอย่าง
หลินเป่ยเฉินกวักมือเรียกหวังจง
“นายน้อยมีอะไรให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ?”
พ่อบ้านชรารีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความซื่อสัตย์ “หรือว่านายน้อยกำลังจะออกไปสืบสวนเบาะแสของคุณหนู?”
หลินเป่ยเฉินถลึงตามองชายชราพร้อมกับพูดว่า “อยู่ดีๆ ข้าก็เกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาชอบกล เหมือนกับว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เจ้ารีบไปที่ภูเขาเสี่ยวซี บอกให้คนงานพวกนั้นหยุดขุดเหมือง และมอบชุดเกราะรวมถึงอาวุธคืนให้กับพวกเขา จัดการคัดเลือกนายทหารที่เป็นมือดีมากลุ่มหนึ่ง คอยรักษาความปลอดภัยให้ศิษย์พี่ฮันกับเยว่หงเซียง แต่อย่าให้ทั้งสองคนนั้นรู้ตัวเด็ดขาด หากพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ให้รีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที”
หวังจงพยักหน้ารับทราบ “นายน้อยได้โปรดวางใจ หวังจงจะจัดการให้เป็นอย่างดี”
ขณะที่พ่อบ้านชราหมุนตัวเดินออกไปได้สองก้าว หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง “ช้าก่อน”
“นายน้อยมีอะไรหรือขอรับ?”
หวังจงหันหน้ากลับมา
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งว่า “แจ้งเตือนพวกกงกงกับหน่วยสายลับของพวกเราว่า ระหว่างนี้หลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกชาวทะเลให้ได้มากที่สุด และก็แจ้งเตือนลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามให้ยกเลิกการเดินขบวนประท้วงไปก่อน”
หวังจงพยักหน้ารับทราบ “นายน้อยได้โปรดวางใจ หวังจงจะจัดการให้เป็นอย่างดี”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วขบคิดอะไรอีกเล็กน้อย ก็พูดว่า “ส่วนเจ้าเองก็ระมัดระวังตัวด้วยแล้วกัน”
พ่อบ้านชราน้ำตาคลอเต็มเบ้าด้วยความซาบซึ้งใจ “ฮื่อ นายน้อยเป็นห่วงหวังจง เป็นไปได้อย่างไรกัน? หวังจง… หวังจงรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน หวังจงจะรับใช้นายน้อยให้ดีที่สุด…”
“หุบปากได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะด้วยความรำคาญใจ
กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดทำการแสดงต่อหน้าเขา?
หวังจงคิดหรือว่าเขาจะมองไม่ออกว่านี่คือการเสแสร้งทั้งนั้น?
หวังจงมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย เหมือนไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนายน้อยถึงไม่อยากรับฟังคำประจบประแจง
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก
ในเมื่อนายน้อยไม่ชอบ
เขาก็แค่ไม่ทำเท่านั้นเอง
พ่อบ้านชราหมุนตัวเดินออกไปปฏิบัติภารกิจที่ตนเองได้รับมอบหมาย
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ จากนั้นจึงนึกถึงเรื่องราวของผ้าเช็ดหน้าปักลายสีชมพูผืนนั้น
แต่ในทันใดนั้นเอง…
ครืด
โทรศัพท์มือถือสั่นสะเทือน
มีข้อความใหม่ในแอปวีแชท
“น้องชาย เจ้าต้องรีบหนีออกมาจากเมืองหยุนเมิ่งให้เร็วที่สุด”
นั่นคือข้อความจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม