อานมู่ซีชะงักไปเล็กน้อยก่อนประสานมือรับคำว่า “คุณชายหลินช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลสมคำเล่าลือ เพียงเห็นหน้าข้าน้อย คุณชายก็สามารถมองออกได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว ผู้แซ่อานคนนี้เลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม…
พูดจาเข้าทีแบบนี้ ค่อยน่าแบ่งสูตรหลอมโอสถให้หน่อย
“ไม่ต้องประจบประแจงข้าหรอก”
หลินเป่ยเฉินรับผ้าเช็ดปากมาจากเฉียนเหมย เมื่อเช็ดคราบสกปรกบนริมฝีปากออกหมดแล้ว เด็กหนุ่มก็พูดต่อ “สำหรับข้า คำพูดหวานหูหาได้มีค่าไม่ ไม่เชื่อเจ้าลองพูดดูอีกสักครั้งก็ได้”
อานมู่ซีกะพริบตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออก
เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก่อนมาที่นี่ แต่ก็ยังรับมือกับความแปลกประหลาดพิสดารของคุณชายหลินไม่ได้อยู่ดี
“เข้าเรื่องสำคัญกันเลยดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินรับผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่นมาจากเฉียนเจิน ในระหว่างที่เช็ดหน้าเช็ดตาของตนเองนั้น เขาก็พูดต่อไป “สรุปแล้วท่านมาเพราะอยากได้สูตรหลอมโอสถของข้าจริงๆ หรือ?”
ดวงตาของอานมู่ซีเป็นประกายแวววาวขึ้นมาในทันใด “ไม่ทราบว่ามันพอจะมีทางเป็นไปได้ไหมขอรับ?”
“ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว”
หลินเป่ยเฉินตวัดขาขึ้นมาพาดเท้าบนโต๊ะอาหารด้วยความสบายอารมณ์ หลังจากนั้น สองสาวรับใช้ก็แยกย้ายคนหนึ่งนวดไหล่อีกคนหนึ่งนวดขา เด็กหนุ่มหรี่ตามองแขกผู้มาเยือน และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ความจริงสูตรปรุงยาของข้าก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่สิ่งที่หาได้ยากก็คือวัตถุดิบสำหรับการนำมาหลอมโอสถชนิดนี้ต่างหาก เพราะนับดูในแผ่นดินนี้แล้ว น่าจะมีแต่ข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีมันในครอบครอง ต่อให้ท่านรู้สูตรหลอมโอสถหกสวรรค์ แต่หากไม่มีวัตถุดิบ ท่านก็ไม่สามารถหลอมมันได้อยู่ดี ดังนั้น เถ้าแก่อานกับข้าคงต้องมาเป็นหุ้นส่วนกันแล้วล่ะ”
อานมู่ซีเบิกตาโตด้วยความมหัศจรรย์ใจ
คุณชายหลินช่างใจดีมีเมตตาเหลือเกิน
“วัตถุดิบหลักสำหรับการหลอมโอสถคืออะไรหรือขอรับ?”
อานมู่ซีถามด้วยความกระตือรือร้น
“ข้าสามารถมอบมันให้เจ้าได้ แต่เจ้าจะเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวไม่ได้เด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
อานมู่ซีกัดฟันกรอด ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ในฐานะผู้ที่เกิดมาจากตระกูลนักหลอมโอสถ และประกอบธุรกิจเปิดร้านขายยามามากกว่าสิบปี สิ่งที่อานมู่ซีรับไม่ได้มากที่สุด ก็คือการที่มีคนมาดูถูกความเป็นมืออาชีพของตนเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “งั้นเรามาตกลงผลประโยชน์กันเลยดีหรือไม่”
“คุณชายหลินต้องการแบ่งผลประโยชน์อย่างไรขอรับ” อานมู่ซีสอบถามด้วยความตื่นเต้น
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าจะมอบสูตรการหลอมโอสถหกสวรรค์ให้ท่าน และท่านจะกลายเป็นนักหลอมโอสถประจำตัวข้าอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้อีกสองวัน ข้าจะมอบวัตถุดิบหลักสำหรับการหลอมโอสถให้ท่าน เมื่อท่านสามารถสกัดมันออกมาเป็นตัวยาได้แล้ว เราจะมาแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง แต่หากท่านสกัดมันออกมาเป็นตัวยาไม่สำเร็จ เถ้าแก่อานก็ต้องยอมเชื่อฟังทุกอย่างที่ข้าสั่ง และต้องยอมรับการแบ่งผลประโยชน์สองต่อแปดส่วนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่ทราบว่าท่านเข้าใจหรือไม่?”
อานมู่ซีขมวดคิ้วใช้ความคิดเล็กน้อย ก็ตอบว่า “ถ้าข้าน้อยสามารถสกัดมันออกมาเป็นตัวยาได้สำเร็จ ข้าน้อยจะขอแบ่งผลประโยชน์เพียงสี่ส่วนก็พอ แต่ถ้าข้าล้มเหลวในการสกัดตัวยาจากวัตถุดิบของท่าน ข้าน้อยจะขอรับผลประโยชน์จากคุณชายหลินเพียงหนึ่งในเก้าส่วนเท่านั้น”
ชีวิตของเขาเป็นหลินเป่ยเฉินช่วยเหลือเอาไว้จากน้ำมือพวกชาวทะเล
อานมู่ซีจะต่อรองกับใครก็ได้ แต่เขาไม่มีทางต่อรองผลประโยชน์กับหลินเป่ยเฉินเด็ดขาด
หากคิดจะหาผลประโยชน์กับผู้มีพระคุณของตนเอง ก็ออกจะเป็นบุคคลที่ใจดำอำมหิตเกินไปแล้ว
อีกอย่าง สรรพคุณของยาโอสถหกสวรรค์ก็มหัศจรรย์มาก
มันช่วยเพิ่มพูนกำลังวังชาให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยอดปรมาจารย์
แน่นอนว่าสรรพคุณที่เป็นส่วนสำคัญก็คือการช่วยเสริมสร้างพลังลมปราณในร่างกาย
ปัญหาอย่างหนึ่งที่มีมาอย่างยาวนานในการสู้รบระดับกองทัพก็คือ ยอดฝีมือที่มีพลังลมปราณแข็งแกร่ง สามารถเอาชนะนายทหารที่ไม่มีพลังลมปราณได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้ายอดฝีมือคนนั้นพลังลมปราณหมดไปจากร่างกาย นายทหารที่ไม่มีพลังลมปราณเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีกำลังวังชาและทักษะการต่อสู้ดีกว่าพวกเขาทั้งสิ้น
ดังนั้น จึงเป็นเวลานานมากแล้วที่ผู้ฝึกยุทธ์ต้องตกตายด้วยฝีมือของนายทหารธรรมดา เพราะพลังลมปราณหมดไปจากร่างกาย ทำให้ไม่สามารถต่อกรกับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าได้อีก
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฝ่ายตรงข้ามมีกลยุทธ์ที่แยบยลมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ยาโอสถหกสวรรค์ของหลินเป่ยเฉินคือสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้
เมื่อรับประทานเข้าไป ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นก็จะมีพลังลมปราณกลับคืนมาอีกครั้ง
ราวกับว่าได้ตายแล้วเกิดใหม่
หากสามารถหลอมโอสถชนิดนี้ออกวางจำหน่ายได้ในวงกว้าง มันก็จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
ข้อมูลทั้งหมดนี้ อานมู่ซีได้ยินมาจากหนึ่งใน 12 อาสาสมัครยอดฝีมือประจำเมือง
เมื่อได้รับทราบดังนั้น เถ้าแก่ร้านขายยาก็รีบมาตามหาหลินเป่ยเฉินโดยทันที
เขารู้ดีว่ายาลูกกลอนโอสถหกสวรรค์มีสรรพคุณเลิศล้ำยิ่งกว่ายาบำรุงตราหมีขี่เสือของเขาไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
เปรียบเสมือนกับภูเขาทองคำ
หากได้ครอบครองก็มีแต่ร่ำรวยมากขึ้นและมากขึ้น
นอกจากนั้น มันจะทำให้อานมู่ซีมีอำนาจและสามารถยกสถานะของตนเองได้อีกด้วย
“ถ้าสกัดสำเร็จ เจ้าจะขอรับส่วนแบ่งแค่สี่ส่วน แต่ถ้าสกัดไม่สำเร็จ เจ้าจะขอรับส่วนแบ่งแค่ส่วนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับโดยไม่ลังเลว่า “ตกลงตามนั้น”
ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องปฏิเสธข้อเสนอดีงามเช่นนี้
หลินเป่ยเฉินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดื่มด่ำไปกับความสบายจากการนวดคลึงด้วยมืออันอ่อนโยนของสองสาวรับใช้ ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เด็กหนุ่มก็ส่งเสียงครางเหมือนแมวน้อยจอมขี้เกียจ “จริงด้วยสิ ข้าเองก็มีเรื่องหนึ่งอยากจะรบกวนท่านอยู่เหมือนกัน”
จุดประสงค์ที่อานมู่ซีมาหาเด็กหนุ่มสำเร็จลุล่วงด้วยดีแล้ว เขาจึงมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งขณะรับคำว่า “คุณชายหลินพูดมาได้เลย ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ข้าน้อยยินดีจัดการให้โดยไม่คิดบ่ายเบี่ยง”
“ท่านพอจะรู้จักสมุนไพรหรือโอสถชนิดใดบ้างหรือไม่ ที่เมื่อคนเรารับประทานเข้าไปแล้ว จะทำให้ไม่รู้สึกหิว ซ้ำยังมีกำลังวังชาตลอดเวลา และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระดับร้ายแรง”
หลินเป่ยเฉินอธิบายความต้องการของตนเอง
“เรื่องนี้…”
อานมู่ซีก้มหน้าลงขบคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายแวววาว “นึกออกแล้ว โอสถที่มีสรรพคุณเช่นนั้นยังพอมีอยู่”
“เอ๋?”
หลินเป่ยเฉินยืดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงโดยทันที “รบกวนท่านรีบบอกมาโดยเร็ว”
อานมู่ซีพูดว่า “ในตำรับยาสกุลอานของข้านั้น ได้มีบทบันทึกกล่าวถึงสูตรยาปริศนาชนิดหนึ่ง เมื่อนำมาหลอมเป็นยาลูกกลอน ผู้ที่รับประทานเข้าไปจะมีกำลังวังชาต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ซ้ำยังไม่รู้สึกอยากอาหารอีกด้วย…”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น บนโลกนี้มียาชนิดนั้นอยู่ด้วยหรือ?
“เพียงแต่ว่า…”
อานมู่ซีพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “หนึ่งในวัตถุดิบที่เป็นองค์ประกอบหลักของตัวยา ปัจจุบันนี้ไม่น่าหาได้แล้วขอรับ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่ยาลูกกลอนชนิดนี้มีสรรพคุณแปลกประหลาดพิสดารน่าเหลือเชื่อมากเกินไป มันจึงมีราคาแพงมาก ถึงหลอมออกมาได้ก็ไม่มีคนซื้ออยู่ดี จึงกลายเป็นยาที่ไม่มีใครหลอมนานแล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินสอบถามว่า “แต่ถ้าให้หลอม เถ้าแก่อานคิดว่าตนเองจะหลอมได้สำเร็จไหม?”
อานมู่ซีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ข้าน้อยศึกษาการหลอมยาทุกชนิดบนโลกนี้มาแล้ว ต่อให้เป็นอีก 500 ปีหรือ 1,000 ปีข้างหน้า ย่อมไม่มีนักหลอมโอสถผู้ใดจะมีความรอบรู้มากไปกว่าผู้แซ่อานคนนี้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้าน้อยเกิดมาในตระกูลต่ำต้อย ป่านนี้ข้าก็คงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินตงเต้าเป็นแน่แท้ เพราะฉะนั้น คุณชายได้โปรดวางใจ ข้าน้อยย่อมสามารถหลอมโอสถปริศนาชนิดนี้ให้ท่านได้อย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินผุดลุกขึ้นยืนทันที
แปะ แปะ แปะ
เขาปรบมือชื่นชม
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินพูด “ข้าชอบการพูดจายกยอปอปั้นตนเองของท่านเป็นที่สุด”
ใช่แล้ว
หลินเป่ยเฉินเข้าใจว่าคงไม่มีใครหลงตนเองเช่นเขาอีก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อานมู่ซีที่ดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดานั้น ก็มีนิสัยหลงตัวเองไม่แพ้เขาเหมือนกัน
ต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นเพื่อนกันได้
“ข้าเลื่อมใสในความสามารถของท่านเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินกล่าวเข้าประเด็นอีกครั้ง “ว่าแต่วัตถุดิบที่ท่านว่าหายากนั้นคือสิ่งใด? รบกวนเถ้าแก่อานช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”
อานมู่ซีไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเด็กหนุ่มจึงให้ความสนใจยาปริศนาชนิดนี้ แต่เขาก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “วัตถุดิบสำคัญชนิดนั้นมีนามว่า ‘หญ้าดาราน้อย’…”
“หญ้าดาราน้อย?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินเป่ยเฉินก็ขมวดคิ้วมีสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้เสี่ยวจี้ฉายภาพจำลอง 4 มิติของหญ้าดาราน้อยขึ้นมาในอากาศ ก่อนพูดว่า “ใช่หญ้าชนิดนี้หรือไม่?”
อานมู่ซีปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง
“ใช่แล้ว… ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ นี่มัน…”
เถ้าแก่ร้านขายยาพูดตะกุกตะกัก
หลินเป่ยเฉินหรี่ตามองด้วยความรำคาญใจ
“ตกลงว่าใช่หรือไม่ใช่กันแน่?”
“นี่คือหญ้าดาราน้อยจากดินแดนทวยเทพขอรับ มันมีอยู่แต่เพียงบนดินแดนทวยเทพในตำนานเท่านั้น ครั้งหนึ่งมันเคยมีอยู่จริงบนแผ่นดินตงเต้า แต่ด้วยความที่ปลูกไม่ง่าย อีกทั้งยังมีการดูแลรักษาซับซ้อน สุดท้ายหญ้าดาราน้อยวิเศษชนิดนี้ก็สูญพันธุ์ไป กล่าวได้ว่าหญ้าดาราน้อยจากดินแดนทวยเทพเพียงต้นเดียว ก็สามารถนำมาหลอมเป็นโอสถได้นับพันเม็ดแล้วขอรับ…”
“แน่ใจนะ?”
“คุณชายหลินอาจจะดูถูกรูปร่างหน้าตาของข้าได้ แต่คุณชายไม่อาจดูถูกประสบการณ์ในฐานะนักหลอมโอสถของข้าได้เด็ดขาด”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา”
หลินเป่ยเฉินพูดตัดบท “เรื่องสูตรยาโอสถหกสวรรค์พวกเราควรพักเอาไว้ก่อน บัดนี้ ข้าอยากให้ท่านใช้เวลาทั้งหมดในการรวบรวมทรัพยากรส่วนอื่นๆ สำหรับการหลอมยาปริศนาชนิดนี้ ยิ่งรวบรวมมาได้เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
อานมู่ซีพยักหน้ารับคำ “รับทราบขอรับ ข้าน้อยจะรีบลงมือให้เร็วที่สุด”
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย