“ที่แท้ก็เป็นท่านเองหรือ?”
หยางเฉินโจวดวงตาลุกโชนด้วยไฟแห่งความแค้น จ้องมองเหลียวหวังซูพร้อมกับคำรามว่า “ที่แท้ท่านก็เป็นผู้ที่ทรยศพวกเรา?”
บัดนี้ สมาชิกผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เริ่มกลับมาได้สติอีกครั้ง
“เหอเหอเหอ ทรยศอย่างนั้นหรือ?”
เหลียวหวังซูยืนอยู่ท่ามกลางนักรบดาวทะเล รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ากำลังช่วยทำให้เจ้าได้รู้ต่างหากว่าชีวิตของตนเองมีค่ามากแค่ไหน”
เมื่อเขายกมือโบกสะบัด
การจู่โจมของนักรบดาวทะเลก็หยุดชะงักลง
พวกมันเชื่อฟังคำสั่งของเหลียวหวังซูเป็นอย่างดี
สมาชิกกลุ่มกบฏหลายคนพยายามหลบหนีไปทางประตูหลัง แต่พวกเขาก็ถูกคมหอกของชาวทะเลทิ่มแทงล้มลงตายไปพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
สุดท้ายแล้ว ในจวนผู้ว่าขณะนี้ก็เหลือกลุ่มกบฏอยู่เพียงไม่ถึง 100 คน
ทุกหนทุกแห่งเนืองนองไปด้วยโลหิต
คมกระบี่สาดประกายระยิบระยับหยอกล้อกับแสงแรกของวันใหม่
มนุษย์ปลาหมึกบางส่วนเริ่มต้นบริกรรมคาถาปริศนา
หลังจากนั้น ก่อเกิดเป็นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นดูดซับโลหิตบนพื้นดินแห้งเหือดไปไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว แม้แต่เลือดที่หลงเหลืออยู่ในซากศพก็ถูกสูบออกไปหมดสิ้น…
ชาวทะเลกำลังดูดกลืนเลือดมนุษย์
สมาชิกกลุ่มกบฏบางคนยังไม่ทันสิ้นใจดี เมื่อพวกเขาต้องถูกดูดเลือดออกไปจากร่างกายทั้งที่ยังไม่ตาย จึงเกิดเป็นความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ก่อนที่พวกเขาจะต้องกลับกลายเป็นซากศพไปในที่สุด
ดังนั้น เหล่ายอดฝีมือที่ยังรอดชีวิตอยู่จึงจ้องมองไปที่เหลียวหวังซูด้วยแววตาแห่งความเกลียดชัง
หยางเฉินโจวรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าร่างของหลู่หลิงโจวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นเริ่มเย็นเฉียบแล้ว ไม่รู้เลยว่าในหัวใจของชายหนุ่ม ณ ขณะนี้ ระหว่างความเศร้าโศกเสียใจกับความโกรธแค้น สิ่งไหนจะมีมากกว่ากัน
เหตุผลที่เขายอมเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มกบฏก็เพราะหลู่หลิงโจว
หลู่หลิงโจวมีครอบครัวเป็นทหาร นางมีจิตใจอยากรับใช้ชาติ
หลู่หลิงโจวยินดีสละชีวิตของตนเอง เพื่อพิสูจน์ความเชื่อมั่นของนาง
หยางเฉินโจวจำเป็นต้องยอมรับความจริงว่าคนรักของเขาได้จากไปตลอดกาลแล้ว
“ทำไมท่านถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?”
หยางเฉินโจวเค้นเสียงพูดออกมาจากลำคอ จ้องมองหลู่หลิงโจวไม่วางตา และถามเน้นย้ำทีละคำ “เพราะเหตุใด? ท่านที่เป็นถึงตัวแทนจากจักรวรรดิของเรา เพราะเหตุใดท่านถึงทรยศและยอมรับใช้ชาวทะเล? เพราะเหตุใดท่านถึงต้องฆ่าผู้คนมากมายเพียงเพราะพวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามแผนการของท่าน?”
นี่คือสิ่งที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่เช่นกัน
ผู้ทรยศกลับเป็นขุนนางระดับสูงที่ทางเมืองหลวงส่งตัวมาได้อย่างไร
นี่นับเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุดในโลกแล้ว
“จักรวรรดิอย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลียวหวังซู “เจ้าพวกโง่ ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเมืองหลวงส่งข้ามา?”
เหลียวหวังซูชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพูดออกมาเหมือนเข้าใจในอะไรบางอย่าง “ท่าน… หรือว่าท่านเป็นคนรับใช้เว่ยหมิงเฉิน?”
เหลียวหวังซูได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบรับคำใด
หยางเฉินโจวคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น “เว่ยหมิงเฉิน เจ้าตัวบัดซบ! คนสารเลว!…”
ในขณะนี้ ทุกคนล้วนโกรธแค้นถึงขีดสุด
แม้หลายคนพอจะรู้ความในมาบ้างแล้วว่าเว่ยหมิงเฉินมีความคิดล้มล้างสถาบันจักรพรรดิ
แต่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ อย่างน้อยเว่ยหมิงเฉินก็สมควรเห็นแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกัน ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากบ้างไม่มากก็น้อย หรือไม่เข้ามาก่อกวนสถานการณ์ก็ยังดี แต่นี่เว่ยหมิงเฉินกลับวางแผนการกำจัดชาวเมืองหยุนเมิ่งนับหมื่นคน และยังเป็นต้นเหตุทำให้ยอดฝีมือหลายร้อยคนตกตายราวกับใบไม้ร่วง
“คนแซ่เหลียว เจ้าไม่สมควรเกิดมาเป็นมนุษย์”
“เจ้าสุนัขรับใช้ทรราช”
“วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้…”
ยอดฝีมือหลายนายถลันกายพุ่งออกมา
แต่พวกเขาก็ถูกคมหอกในมือชาวทะเลแทงจนตาย
“เกิดมาอ่อนแอก็ทำได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญเท่านั้นแหละนะ”
เหลียวหวังซูชำเลืองมองยอดฝีมือที่ถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาเหล่านั้นด้วยความดูถูก แล้วรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ในเมื่อถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี… ลงนรกไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
ชายชรายกมือขึ้น กำลังจะตวัดมือลง
จังหวะนั้น หยางเฉินโจวเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงตะโกนถามออกมา “ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงอยู่ที่ไหน? พวกเขาก็ถูกท่านหักหลังด้วยใช่หรือไม่?”
เหลียวหวังซูตวัดมือลงมาโดยไม่หยุด
“ลงไปถามกับพญายมก็แล้วกัน”
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงอำมหิต
วูบ!
ลูกธนูจำนวนมากมายมหาศาลถูกยิงเข้ามาจากรอบทิศทางราวกับห่าฝน
เมื่อมีนักบวชจากใต้สมุทรคอยบริกรรมคาถาให้ความคุ้มครอง บรรดามือธนูเหล่านี้จึงรู้สึกมีความมั่นใจในการแผลงศรมากยิ่งขึ้น
กลุ่มกบฏที่เหลืออยู่ไม่สนใจความเป็นความตายอีกแล้ว พวกเขายกกระบี่ขึ้นเผชิญหน้าคมหอกและคมธนูที่พุ่งเข้ามาหาตัวโดยปราศจากความกลัวเกรง
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว
สิ่งที่น่ากลัวคือการยอมแพ้โดยไม่ต่อสู้ต่างหาก
หยางเฉินโจวเหวี่ยงค้อนเหล็กในมือของตนเองปัดป้องฝูงลูกศรที่พุ่งเข้ามา ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็พยายามจะบุกตะลุยเข้าไปให้ถึงตัวเหลียวหวังซูให้ได้…
แต่ลูกธนูที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขานั้นมีอยู่เป็นพันๆ ดอก…
“สายลมโชยพัด!”
พลัน เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง
จากนั้นจึงเกิดเป็นเสียงลมกระโชกแรงราวกับมีพายุใหญ่
ม่านพลังที่เป็นกำแพงสายลมปรากฏขึ้นตรงหน้า
แล้วฝูงลูกธนูที่พุ่งเข้ามาก็ปะทะเข้ากับกำแพงสายลม แต่แทนที่พวกมันจะทะลุมาหาเหล่าสมาชิกกลุ่มกบฏ ลูกธนูเหล่านั้นกลับสลายหายวับไปราวกับว่าถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ในมิติอื่นก็ไม่ปาน…
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
มวลอากาศไม่ได้ปั่นป่วน
มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวในอากาศเท่านั้น
“หลินเป่ยเฉิน?”
เหลียวหวังซูอุทานออกมาด้วยความแตกตื่นตกใจ รีบถอยหลังกลับไปอีกหลายก้าว
คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ
เป็นคมกระบี่สีม่วง
ไม่ว่าคมกระบี่สีม่วงสาดประกายขึ้นตรงจุดไหน มนุษย์ดาวทะเลที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็จะต้องตัวขาดเป็นสองท่อน ล้มลงตายตามๆ กันไปจำนวนนับไม่ถ้วน
โลหิตสาดกระจาย
โลหิตเนืองนองราวกับเป็นแม่น้ำขนาดย่อม
พลัน เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้สวมใส่… ชุดนอน ถือกระบี่สายฟ้าอยู่ในมือข้างหนึ่ง ปรากฏกายขึ้นมายืนอยู่เบื้องหน้าหยางเฉินโจวและพวกพ้อง
“น้องหลิน!”
หยางเฉินโจวเมื่อตั้งสติได้ก็ต้องร้องตะโกนออกมาทันที
“คุณชายหลิน!”
“นายน้อย!”
“ท่านเทพเจ้า!”
“หลินเป่ยเฉิน!”
บรรดาสมาชิกกลุ่มกบฏที่รอดชีวิตต่างก็พร้อมใจกันตะโกนเรียกชื่อหลินเป่ยเฉินออกมาด้วยความดีใจ
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตาสำรวจมองรอบตัวและพบเห็นซากศพของผู้คนจำนวนมาก บางคนเขาก็เพิ่งได้มีโอกาสกลับมาพบหน้าเมื่อไม่นานมานี้ อย่างเช่นเฝิงหลุนและเกาหมินจากสถานศึกษากระบี่ที่สาม เด็กหนุ่มทั้งสองคนนั้นก็เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มกบฏเช่นกัน
อดีตเพื่อนร่วมสถาบันของเขาต้องเสียสละชีวิตของตนเองอย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด!
จากนั้น หลินเป่ยเฉินจึงมองเห็นหลู่หลิงโจวในอ้อมแขนหยางเฉินโจว
นางถูกแทงที่หัวใจ
เสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว
หัวใจของหลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
“พี่หยาง ข้า…”
เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าตนเองจะปลอบโยนหยางเฉินโจวอย่างไรดี
คู่รักคู่นี้เป็นหนึ่งในสหายกลุ่มแรกที่หลินเป่ยเฉินได้รู้จักในเมืองหยุนเมิ่ง และเขาก็ดูออกว่าทั้งสองคนรักกันก่อนที่หยางเฉินโจวกับหลู่หลิงโจวจะรู้หัวใจตัวเองเสียอีก เขาคิดว่าหลู่หลิงโจวยินดีทิ้งทุกอย่างเพื่อมาติดตามหยางเฉินโจว ถึงแม้จะต้องตกระกำลำบากอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งก็ตาม แต่ทว่าบัดนี้…
“ข้าขอโทษ”
หยางเฉินโจวพูด น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกผิด “ก่อนหน้านี้ข้าไม่ควรห้ามเจ้าเลย”
ตั้งแต่แรกพบ หลินเป่ยเฉินประกาศตัวว่าเป็นศัตรูกับเหลียวหวังซู และมีหลายครั้งที่เด็กหนุ่มบอกใบ้ว่าเขาเตรียมตัวจะสังหารเหลียวหวังซู แต่ก็เป็นหยางเฉินโจวที่ได้ห้ามปรามเอาไว้ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเหลียวหวังซูเป็นผู้รับใช้ชาติ และเดินทางมาที่เมืองหยุนเมิ่งเพื่อกำจัดเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรู ดังนั้น พวกเขาจึงควรปฏิบัติต่อเหลียวหวังซูอย่างให้ความเคารพสูงสุด
ใครจะไปคิดเลยว่าในท้ายที่สุดแล้ว หยางเฉินโจวกลับต้องเป็นคนที่ขมขื่นที่สุดกับการตัดสินใจของตัวเอง มิหนำซ้ำ สมาชิกกลุ่มกบฏจำนวนมากก็ต้องมาพลอยเสียชีวิตไปด้วย
ถึงหลินเป่ยเฉินจะเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะสักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้ดีว่าเวลานี้ไม่เหมาะสมสำหรับการพูดถึงความหลังอีกแล้ว
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปตบไหล่หยางเฉินโจวพร้อมกับพูดว่า “พี่หยาง ท่านได้โปรดโอบกอดพี่สะใภ้เอาไว้ให้แน่น และเฝ้าดูข้าแก้แค้นให้แก่ทุกคนเอง”
พูดจบ
หลินเป่ยเฉินก็หันกลับมาอย่างแช่มช้า
ดวงตาที่ดุดันของเขาจ้องมองไปที่เหลียวหวังซู
“สุนัขเฒ่า วันนี้แหละ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าความอำมหิตมันเป็นเช่นไร”
หลินเป่ยเฉินพูดเน้นย้ำทีละคำ
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย